ในวันนี้ (17 ก.ย.) เวลา 13.30 น. ที่โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) นำโดยนายคณิต ณ นคร ประธาน คอป. จะเปิดแถลงรายงานผลการทำงานของ คอป. ฉบับสมบูรณ์ ทั้งนี้รายงานดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วน โดยหนึ่งในส่วนที่ที่น่าสนใจ นอกจาก "ส่วนที่ 2 สรุปเหตุการณ์ความรุนแรงและการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้น" ก็ได้แก่ "ส่วนที่ 5 ข้อเสนอแนะ” ที่มีการแยกย่อยออกมาเป็น 21 ข้อประกอบด้วย
1. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบรรยากาศแห่งการปรองดอง
2. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับใช้หลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน
3. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตยในสังคมไทย
4. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเคารพสิทธิมนุษยชน
5. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับหลักนิติธรรม
6. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
7. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม
8. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
9. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาพื้นฐานในสังคม
10. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับสื่อ
11. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทหาร
12. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการชุมนุมและสิทธิผู้ชุมนุม
13. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบุคลากรทางการแพทย์
14. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบทบาทนักการเมือวและปัญหาการทุจริต
15. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบทบาทของสถาบันศาสนา
16. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชน
17. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองในระดับชุมชน
18. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการส่งเสริมภาคประชาสังคม
19. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือในการสร้างความปรองดอง
20. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความต่อเนื่องของกระบวนการปรองดอง และ
21. ข้อเสนอแนะในการเผยแพร่รายงานฉบับสุดท้าย
สำหรับข้อเสนอแนะในรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป.ที่น่าสนใจ มีอาทิ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับบรรยากาศแห่งการปรองดอง เช่น คอป.อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าการปรองดองเป็นทั้งเป้าหมายและขบวนการ จึงต้องอาศัยการยอมรับและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย คอป.ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติทุกการเคลื่อนไหวที่เป็นการปลุกปั่นยั่วยุให้เกิดการต่อสู้และการใช้ความรุนแรงกับคู่ขัดแย้งฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาดและทันที คอป.ขอให้ทุกฝ่ายยุติการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเชื่อมโยงกับประเด็นทางการเมือง ฯลฯ
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับใช้หลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะเรื่อง "การนิรโทษกรรม" คอป.เห็นว่าการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ที่ผ่านมาเป็นการเร่งรัดกระบวนการปรองดอง ซึ่งต้องอาศัยเวลาที่เหมาะสมและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะจากเหยื่อและผู้เสียหาย ทั้งนี้ คอป.เห็นว่าการนิรโทษกรรมไม่ใช่แนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างยั่งยืนหากเป็นไปโดยปราศจากขอบเขตและการเจรจาตกลงกันระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม คอป.ขอย้ำว่ากระบวนการนิรโทษกรรมมิอาจเกิดขึ้นโดยเร่งรัดของบุคคลบางฝ่าย ซึ่งการนิรโทษกรรมจะต้องไปกระทบสิทธิของเหยื่อและผู้ที่ได้รับผลกระทบในการรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น ได้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ได้รับการเยียวยาที่เหมาะสม และมีการรับประกันจากรัฐว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงอีก การนิรโทษกรรมที่จำกัดสิทธิของผู้เสียหายดังกล่าวมีแนวโน้มสูงที่จะถูกต่อต้านจากสังคม
“การออกกฎหมายนิรโทษกรรมจะต้องมิใช่การนิรโทษกรรมตนเอง หรือนิรโทษกรรมแบบครอบคลุมเป็นการทั่วไป แต่จะต้องมีการกำหนดความผิดและเงื่อนไขในการนิรโทษกรรมอย่างชัดเจนและเฉพาะเจาะจง” เอกสารของ คอป.ระบุ
ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทหาร เช่น คอป.เห็นว่ารัฐต้องปฏิรูปองค์กรด้านความมั่นคงอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมตามแนวคิดของการควบคุมกองทัพโดยพลเรือน โดยยึดหลักว่าทหารเป็นเพียงกลไกหนึ่งในการบริหาราชการแผ่นดินของรัฐบาลพลเรือน คอป.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดห้ามมิให้ทหารดำรงตำแหน่งทางการเมืองและให้ทหารยุติบทบาทในการเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงทางการเมืองไม่ว่าในทางใด เช่นการใช้อิทธิพลกดดันรัฐบาลหรือการข่มขู่ว่าจะใช้กำลังหรือยึดอำนาจ คอป.ยังเสนอว่าการประกาศใช้กฎหมายพิเศษ ทั้งกฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งให้ทหารมีบทบาทในการจัดการกับสถานการณ์อันไม่ปกติ จะต้องเป็นไปอย่างจำกัดเท่าที่จำเป็น ฯลฯ
ทั้งนี้ นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายสำนัก เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่ารายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป.ที่มีราว 300 หน้า อาจไม่เป็นที่พอใจของทุกฝ่าย แต่อยากให้ยอมรับ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ทั้งนี้ ตนยังจะมีข้อเสนอไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าคนที่จะถูกเรียกว่ารัฐบุรุษได้ จะต้องรู้จักคำว่าเสียสละ โดยจะมีการหยิบยกกรณีนายปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีและแกนนำคณะราษฎร มาเปรียบเทียบ
“ข้อมูลทั้งหมดจะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ที่สังคมไทยต้องจดจำ ผู้ที่จะรับฟังได้ ต้องใจกว้าง ปราศจากอคติ ยืนยันว่า คอป.ทำงานโดยยึดหลักวิชาการ” นายคณิตกล่าว
