MCOT 17 กันยายน 2555 >>>
รัฐสภา 17 ก.ย.-“กล้านรงค์” แถลงปิดคดีถอดถอน “สุเทพ” ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ย้ำการทำหนังสือส่ง ส.ส. เข้าไปช่วยงาน ก.วัฒนธรรม เป็นการแทรกแซงการทำงาน ขณะที่เจ้าตัวยืนยันเป็นเพียงการสอบถาม ไม่ใช่สั่งการ ประธานที่ประชุมนัดลงมติลับพรุ่งนี้ 11.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (17 ก.ย.) พิจารณาเรื่องด่วน เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 273 ของรัฐธรรมนูญ กรณีแทรกแซงการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องจากทำหนังสือขอส่งตัว ส.ส. และบุคคลอื่น เข้าช่วยงานในกระทรวงวัฒนธรรม โดยเป็นการเปิดให้ฝ่ายผู้กล่าวหา คือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา คือ นายสุเทพ แถลงปิดคดีด้วยวาจา ฝ่ายละ 30 นาที
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงปิดคดี โดยยืนยันกรณีที่นายสุเทพโต้แย้งว่า ป.ป.ช. ไม่สามารถพิจารณาและลงโทษบุคคลเดียวกันซ้ำสอง เพราะเคยตัดสินเรื่องดังกล่าวแล้วนั้น ป.ป.ช. สามารถดำเนินการได้ ส่วนที่นายสุเทพอ้างว่าลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว ป.ป.ช. สามารถสอบสวนได้ เพราะไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย และมีผลให้นายสุเทพถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เนื่องจากการกระทำของนายสุเทพไม่ได้อยู่ในกรอบอำนาจในฐานะที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดูแลกระทรวงวัฒนธรรม
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพอ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นการหารือ ไม่ได้บังคับรัฐมนตรี ป.ป.ช. เห็นว่าไม่ใช่เรื่องของการหารือหรือบังคับ แต่เป็นการเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม แม้นายสุเทพดึงหนังสือกลับคืน และยังไม่มี ส.ส. หรือบุคคลใดเข้าไปทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรมก็ตาม ส่วนที่นำกรณี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ตั้ง ส.ส.เพื่อไทย เข้าไปช่วยงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) มาเทียบเคียงนั้น ข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน จึงไม่สามารถนำมาเทียบเคียงเรื่องการวินิจฉัยด้านกฎหมายกับเรื่องดังกล่าวได้
“ป.ป.ช. มีสิทธิที่จะไม่นำความเห็นของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ระบุว่า การกระทำของนายสุเทพไม่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาพิจารณา เพราะเป็นเพียงความเห็นเชิงวิชาการ อีกทั้งนายบวรศักดิ์ใช้เพียงคำว่า “ไม่น่าจะขัด” นั่นหมายความว่าไม่ได้ให้คำยืนยัน ทั้งนี้ ยืนยันว่า ป.ป.ช. ทำหน้าที่ด้วยความกลางและอิสระ วินิจฉัยบนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ แม้บางครั้งต้องทำงานอย่างโดดเดี่ยวและต้องรักษาสถานะของตัวเอง โดยไม่มีกฎหมายให้ความคุ้มครองเหมือนการทำหน้าที่ของตุลาการ พร้อมตัดพ้อว่า ป.ป.ช. ทำงานได้ดีแค่เสมอตัวกับติดลบเท่านั้น” นายกล้านรงค์ กล่าว
ขณะที่นายสุเทพ แถลงปิดคดีว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ยังไม่ได้อ่านหรือสั่งการใดๆ และเมื่อเกิดการทักท้วง จึงขอหนังสือกลับ ซึ่งข้อความในหนังสือมีเพียงแจ้งความประสงค์ว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะขอช่วยงานในกระทรวงฯ ซึ่งไม่ใช่คำสั่ง และรัฐมนตรีมีอิสระในการสั่งการตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ในการบริหารงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และเห็นว่ามติ ของ ป.ป.ช. ขัดแย้งกับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยตัดสินในลักษณะดังกล่าวที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แต่งตั้ง ส.ส.เพื่อไทย เข้าไปช่วยงานที่ ศปภ. ซึ่งศาลจำหน่ายคดี เพราะเห็นว่าไม่มีความผิด
“ป.ป.ช. ตีความขัดต่อข้อกฎหมาย ต่างจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลยึดเจตนารมณ์ของกฎหมายเป็นหลัก แต่ ป.ป.ช. ไม่ได้พิจารณาในเรื่องนี้ ป.ป.ช. น่าจะวินิจฉัยตามแนวทางเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ เพราะผลวินิจฉัยของศาลมีผลผูกพันต่อทุกองค์กรทั้งรัฐสภา ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ โดยเฉพาะประเด็นที่กระทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ผมมั่นใจว่า การกระทำของผมไม่เข้าข่าย เพราะตามข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าผมมีความผิด รัฐไม่ได้เสียหายจากการกระทำของผม และ ป.ป.ช. เองก็ไม่ได้ระบุในสำนวนว่าการกระทำดังกล่าวเสียหายอย่างไร ผมไม่ได้กระทำการที่เป็นเรื่องต้องห้ามตามมาตรา 266 (1) และการกระทำทั้งหมดเป็นเจตนาดี จึงขอให้สมาชิกพิจารณาจากเจตนาที่แท้จริงของผมด้วย อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเคารพดุลพินิจของสมาชิกวุฒิสภา” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังแถลงปิดสำนวนเสร็จสิ้น นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้สั่งนัดประชุมในเวลา 11.00 น. พรุ่งนี้ (18 ก.ย.) เพื่อลงมติว่าจะถอดถอนหรือไม่ ซึ่งจะใช้วิธีการลงคะแนนลับ โดยขานชื่อให้ ส.ว.รับบัตรลงคะแนนทีละคน ทั้งนี้ กรณีที่นายสุเทพจะพ้นจากตำแหน่งได้ จะต้องได้เสียงของสมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ซึ่งขณะนี้มี ส.ว.อยู่ทั้งสิ้น 146 คน ดังนั้น ต้องได้เสียงถอดถอนตั้งแต่ 89 คนขึ้นไป
