ข่าวสด 1 สิงหาคม 2555 >>>
กับ 2 นปช. ชี้โดนยิง ! ที่เดียวกัน
ศาลสั่งรวมคดีเหยื่อปืน 10 เม.ย.53 'ฮิโรยูกิ' ช่างภาพรอยเตอร์ กับ 'วสันต์ ภู่ทอง' และ 'ทศชัย เมฆงามฟ้า' 2 หนุ่นแนวร่วม นปช. ให้เป็นคดีเดียวกัน ตามที่ทนายความของผู้ตายยื่นคำร้อง ชี้ต่างถูกยิงตายในดหตุการณ์วันเวลาและสถานที่เดียวกัน อีกทั้งพยานปลักฐานก็ชุดเดียวกัน หากรวมเป็นสำนวนเดียว จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบพยานบุคคลการทำคำสั่งของศาล ก่อนพร้อมนัดคู่ความ วันที่ 7 ส.ค. เพื่อบริหารคดีและพยานที่พร้อมนำเข้าไต่สวน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 ก.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 402 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลไต่สวนคำร้องคดีหมายเลขดำที่ ช.4/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของนายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี และนายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสนธยา ภู่ทอง ลูกชายนายวสันต์ ขึ้นเบิกความสรุปว่า ผู้ตายประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเย็บเสื้อผ้า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลากลางวัน นายวสันต์ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมาเวลา 22.00 น.วันเดียวกัน ทราบข่าวจากโทรทัศน์ว่าพ่อถูกยิงเสียชีวิต จึงไปติดต่อรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.สมุทรปราการ จากรายงานการชันสูตรศพระบุว่า ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ศีรษะ และสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้ยิง
ต่อมาพนักงานอัยการนำนางสุนันทา ปรีชาเวทย์ พี่สาวนายทศชัย ขึ้นเบิกความสรุปว่า ผู้ตายเป็นพนักงานขับรถของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เคยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงหลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 เปิดโทรทัศน์ดูข่าวกับน้องชาย แต่โทรทัศน์ติดๆ ดับๆ น้องชายกับพยานจึงไปนั่งหน้าบ้านบริเวณถนนสวรรคโลก ขณะเดียวกันมีรถยนต์ของกลุ่มคนเสื้อแดงขับผ่านมา คนบนรถร้องตะโกนว่า 'พวกเราไปช่วยกันเร็ว ผ่านฟ้ากำลังจะแตก' เมื่อน้องชายได้ยินจึงวิ่งขึ้นรถยนต์ไปร่วมชุมนุม
นางสุนัน ทาเบิกความต่อว่า กระทั่งช่วงค่ำทราบข่าวจากโทรทัศน์ว่าน้องชายถูกยิงเสียชีวิต ศพอยู่ที่ร.พ.กลาง จึงไปติดต่อขอดูศพ แต่ไม่ได้ เนื่องจากพยานใช้คนละนามสกุลกับผู้ตาย จึงพาลูกชายคนโตของผู้ตายไปด้วย เมื่อไปดูแล้วพบว่าเป็นศพนายทศชัยจริง แต่ไม่ทราบว่าถูกยิงเข้าที่ใด กระทั่งวันรุ่งขึ้นไปติดต่อขอรับศพ แต่ ร.พ. ติดประกาศการเสียชีวิตของผู้ตายว่าถูกกระสุนยิงเข้าที่ราวนมซ้ายและ ด้านหลัง พร้อมกับแจ้งว่าศพถูกนำไปชันสูตรที่ ร.พ.ตำรวจ ต่อวันที่ 13 เม.ย. 2553 จึงรับศพมาทำพิธีทางศาสนาได้ และพยานเข้าให้การกับคณะพนักงานสอบสวนในวันเดียวกัน
พี่สาวนายทศชัยเบิกความตอบคำถามทนาย ความผู้ตายด้วยว่า วันเกิดเหตุเห็นเฮลิคอปเตอร์บินวน และมีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ขับผ่านไปยังบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะนั้นมีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ และภายหลังนาย ทศชัยถูกยิงตายลูกชายคนเล็กของผู้ตายที่ขณะนั้นอายุ 11 ขวบ มีอาการเหม่อลอยพูดคุยคนเดียว เมื่อพาไปให้หมอตรวจระบุว่า เด็กมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ต้องรักษาตัวหลายเดือนกว่าจะหาย จึงไม่สามารถพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่ผู้ตายถูกยิงให้เด็กได้ยินเนื่องจากอาการ จะกำเริบ
ขณะเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 403 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต คดีหมายเลขดำที่ ช.1/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ชาวญี่ปุ่น ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ ใกล้สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553
เมื่อเริ่มการพิจารณา ศาลสอบถามนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความของญาตินายฮิโรยูกิ และทีมทนายความ ว่าเป็นทนายความในคดีหมายเลขดำ ช.4/2555 ที่พนักงานอัยการสำนักงายอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของนายวสันต์ และนายทศชัย เนื่องจากก่อนหน้านี้นายเจษฎาเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรวมคดีทั้ง 2 เป็นคดีเดียวกัน โดยให้เหตุผลว่าทั้ง 2 คดีมีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ทั้งนาย ฮิโรยูกิ นายวสันต์ นายทศชัย ต่างถูกยิงตายในเหตุการณ์วันเดียวกัน เวลาใกล้เคียงกัน สถานที่บริเวณเดียวกัน
โดยนายเจษฎาและทีม ทนายความแถลงว่า เป็นทนายความให้ทั้ง 2 คดี พร้อมทั้งแถลงเพิ่มเติมว่า นอกจากคดีหมายเลขดำที่ ช.4/2555 ของนายวสันต์ และนายทศชัยแล้ว ไม่มีคดีอื่นที่มีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ที่จะขอรวมเข้ากับสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ช.1/2555 ของนายฮิโรยูกิอีก
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีหมายเลขดำที่ ช.1/2555 และคดีหมายเลขดำที่ ช.4/2555 มีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน อีกทั้งนายฮิโรยูกิ นายวสันต์ และนายทศชัย ต่างตายในเหตุการณ์เดียวกัน เวลาใกล้เคียงกัน หากรวมคดีทั้ง 2 เป็นสำนวนเดียวกันจะเป็นประโยชน์ในการสืบพยานบุคคลและการทำคำสั่งของศาล อันจะเป็นประโยชน์ต่อคู่ความทุกฝ่าย จึงอนุญาตให้รวมคดี และให้ถือสำนวนคดีนี้เป็นหลัก
โดยถ้อยคำต่อไปให้พนักงาน อัยการผู้ร้องคดีนี้ และคดีหมายเลขดำที่ 4/2555 ว่า ผู้ร้อง ให้เรียกนายฮิโรยูกิ เป็นผู้ตายที่ 1 นายวสันต์ และนาย ทศชัย ในคดีหมายเลขดำที่ 4/2555 เป็นผู้ตายที่ 2 และผู้ตายที่ 3 และเรียกทนายความว่าทนายความผู้ตายทั้ง 3 แต่เนื่องจากคดีนี้มีพยานบุคคล และพยานเอกสารจำนวนมากเพื่อให้การไต่สวนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว จึงเห็นควรนัดพร้อมคู่ความ เพื่อบริหารคดีและพยานที่จะนำเข้าไต่สวน จึงกำหนดนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 7 ส.ค. เวลา 13.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพิจารณาศาลแจ้งผู้สื่อข่าวให้ระมัดระวังในการจดกระบวนการพิจารณา ซึ่งอาจเกิดความคลาดเคลื่อน เนื่องจากมีบางสื่อรายงานว่าในวันนี้จะมีคำสั่งในคดีนาย ฮิโรยูกิ จึงมีผู้โทรศัพท์มาสอบถามจำนวนมาก ทำให้เกิดความสับสน ทั้งที่ความจริงแล้วเพิ่งจะเริ่มกระบวนการ ทั้งนี้ ศาลไม่ได้ปิดกั้น แต่ต้องสื่อสารบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะหากสาธารณชนรับทราบไม่ถูกอาจเกิดปัญหา และอย่าใช้จินตนาการในการเขียนข่าว เพราะสื่อมวลชนก็มีความสำคัญในระบอบประชาธิปไตย ศาลก็ ชมชอบ แต่สื่อต้องคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ และกระบวนวิธีพิจารณาของศาลด้วย