'ธาริต'สวนหมัด ปชป.รังแกข้าราชการ

ไทยรัฐ 20 สิงหาคม 2555 >>>



ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ สวนหมัด "วัชระ เพชรทอง" ส.ส.ปชป.บิดเบือนคำพูด รังแกข้าราชการประจำ ยันไม่เคยพูดทหารใช้สไนเปอร์ ฉะ เป็นเรื่องการเมือง

วันที่ 20 ส.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าว กรณีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พาดพิงในการอภิปรายการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่า รู้สึกผิดหวังต่อนักการเมือง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายวัชระ เป็นอย่างยิ่ง ที่บิดเบือนนำคำชี้แจงของตนที่ได้กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เมื่อ ก.ค.55

โดยนายวัชระ อ้างว่า ตนพูดว่าข้าราชการเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ทั้งที่ความจริงตนได้พูดว่า ข้าราชการเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เป็นผลให้ผู้ฟังการถ่ายทอดเข้าใจผิดว่า ตนและดีเอสไอทำงานรับใช้การเมือง โดยเหตุที่พูดว่า ข้าราชการเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เพราะกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและระเบียบข้าราชการพลเรือนมี หลักว่า ข้าราชการพลเรือนต้องปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งของรัฐบาล รวมทั้งไม่มีกฎหมายใดกำหนดว่า การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการต้องเป็นกลาง มีแต่ต้องปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลหรือฝ่าย บริหาร

ส่วนการให้วางตัวเป็นกลางนั้น มีกำหนดไว้เฉพาะการวางตัว กรณีการเลือกตั้ง หรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในทางการเมือง การพูด

อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ดังนั้นกรณีนายวัชระพูดโจมตีบิดเบือนให้ร้ายข้าราชการประจำโดยไม่มีทางแก้ ตัวหรือต่อสู้ เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ ไม่ควรฉวยโอกาสของการมีตำแหน่งนักการเมืองมารังแกข้าราชการประจำ ขอใช้สิทธิ์ชี้แจงตอบโต้ให้ประชาชนได้รับรู้พฤติกรรมการใส่ร้าย รังแกข้าราชการประจำของนักการเมือง ขอเรียกร้องข้าราชการประจำทุกคนว่า เมื่อใดที่ถูกฝ่ายการเมืองใส่ร้ายหรือรังแก ขอให้ลุกออกมาตอบโต้ หรือดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มียกเว้น เพื่อศักดิ์ศรีและความถูกต้อง อย่าปล่อยให้นักการเมืองโจมตีใส่ร้ายและกระทำต่อข้าราชการประจำเหมือนเป็น ลูกไล่อีกต่อไป

ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณทุกๆ ปี คณะกรรมาธิการที่เป็นนักการเมืองบางคนพูดจาด่าว่า โจมตี ถากถาง เยาะเย้ย ดูถูก และบีบคั้นข้าราชการประจำเกือบจะทุกหน่วยงาน เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง อยากจะบอกว่าข้าราชการประจำก็ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง รักประเทศชาติไม่น้อยกว่านักการเมืองเช่นกัน เหตุใดต้องรังแกเหยียบย่ำข้าราชการประจำ

นายธาริตยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการเสียชีวิต 91 ศพ ของเจ้าหน้าที่และประชาชนในช่วงความไม่สงบทางการเมืองปี 2553 ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อเดือน เม.ย.53 ว่า พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจ ได้นำทีมพนักงานสอบสวนของ บช.น.เข้าหารือกับ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ หัวหน้าพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับสำนวนในคดีดังกล่าว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ทำงานร่วมกันกับ บช.น.และอัยการ มาโดยตลอด การสอบสวนจะเชิญตัวบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งผู้สื่อข่าว ผู้ร่วมชุมนุม คนเห็นเหตุการณ์ และเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้ได้สำนวนที่สมบูรณ์มากที่สุด ขั้นตอนต่อไปคงต้องรอศาลไต่สวนหาสาเหตุการตาย ก่อนส่งสำนวนกลับมาดีเอสไอดำเนินคดี ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับคำสั่งของศาล

ส่วน เรื่องกระแสข่าวมีการสั่งให้พลสไนเปอร์ซุ่มยิงประชาชนผู้ร่วมชุมนุม นายธาริต กล่าวว่า ขอยืนยันว่าโดยส่วนตัวไม่เคยพูดถึง ส่วนฝ่ายทหารไม่เคยใช้คำดังกล่าว ดังนั้นการพูดเรื่องสไนเปอร์ของฝ่ายการเมือง จึงทำให้สังคมเกิดความสับสน อยากขอให้พูดตามความเป็นจริงดีกว่า ที่ผ่านมาเคยแสดงความเห็นส่วนตัวในฐานะเคยอยู่ใน ศอฉ.ผ่านสื่อไปบ้างว่า สิ่งที่ ศอฉ.กระทำไปถือว่าเหมาะสม เพราะเป็นการระงับเหตุให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด