นปช. ยัน 'มงคลกิตติ์' ไม่ใช่คนเสื้อแดง



ทีมข่าว นปช.
15 สิงหาคม 2555




จากข่าวก่อนนี้ที่ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ร้องเรียนผ่านนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ดำเนินคดีกับ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช (รมว.ศึกษาธิการ) กับ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ โดยอ้างว่า โรงเรียน นปช. เป็นโรงเรียนเถื่อน, มีหลักสูตรล้มล้างสถาบัน และ รมว.ศึกษาธิการ เกี่ยวข้องกับโรงเรียน นปช. เป็นการขัด รธน. นั้น แกนนำ นปช. หลายรายได้ออกมาชี้แจงดังนี้
ดร.ประแสง มงคลศิริ ให้สัมภาษณ์ผ่ายรายการ Inside Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ Spring News เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมาโดยยอมรับว่า ตนเองมีความขัดแย้งบางอย่างกับ ดร.สุชาติ จริงจนเป็นเหตุให้ต้องลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา แต่ยืนยันว่า มงคลกิตติ์ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับโรงเรียน นปช. ทั้งนี้ยังเผยอีกว่า ตนเองเป็น "ครู" ของโรงเรียน นปช. มาทุกรุ่น และในเร็วๆนี้กำลังจะเปิดรุ่นใหม่ซึ่งตนเองก็ยังคงเป็นครูอยู่
ขณะที่ ดร.สุชาติ ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับโรงเรียน นปช. ทั้งนี้น่าจะเป็นความสับสนระหว่าง "หมู่บ้านเสื้อแดง" กับ "โรงเรียนเสื้อแดง" มากกว่า เพราะ ดร.สุชาติ เคยไปเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังปฏิเสธว่า โรงเรียน นปช. ไม่เคยมีหลักสูตรล้มล้างสถาบัน เพราะสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการสอนผ่านทางสถานีโทรทัศน์ PTV และ Asia Update
มงคลกิตติ์เป็น "นักเคลื่อนไหว" จากกรณีนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชาร้องเรียนขอกลับเข้าเรียนโรงเรียนเดิมอีกครั้งก่อนหน้านี้ โดยในตอนนั้นตนเองได้รับมอบอำนาจจาก ดร.สุชาติ ให้เป็นตัวแทนไปเจรจากับมงคลกิตติ์จึงเพิ่งได้รู้จักกับเขาในตอนนั้น ทั้งนี้เป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะเคลื่อนไหว ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องทำเพื่อสร้างชื่อให้กับตนเองอย่างเดียวก็ได้
ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการชูธง ทางสถานีโทรทัศน์ Asia Update วันเดียวกันในกรณีเดียวกันนี้ โดยยืนยันว่า มงคลกิตติ์ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับคนเสื้อแดง ดร.ประแสง เพิ่งรู้จักกับมงคลกิตติ์จากกรณีนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา ซึ่งแท้จริงแล้วมงคลกิตติ์เป็น "ติวเตอร์" และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มเสื้อหลากสี แต่กลับอ้างว่า ตนเองเป็นแกนนำคนเสื้อแดง ดังนั้นการที่มงคลกิตติ์อ้างว่า ตนเองเป็นแกนนำคนเสื้อแดงจึงเป็นเรื่องโกหก
นอกจากนี้มงคลกิตติ์ยังบิดเบือนว่า ดร.สุชาติ มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียน นปช. เพราะต้องเป็นผู้อนุมัติหลักสูตร และเซ็นรับรองใบประกาศนียบัตร ทั้งที่ความเป็นจริงผู้ที่เซ็นรับรองใบประกาศนียบัตรคือ อ.ธิดา และ ผอ.โรงเรียน นปช. คือ นิสิต สินธุไพร ขณะที่การสอนมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ จึงมีลักษณะเหมือน "การศึกษานอกโรงเรียน" โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ปัจจุบันยักษ์ใหญ่คอมมิวนิสต์อย่างรัสเซียและจีนยังต้องเปลี่ยนระบอบเศรษฐกิจเป็บแบบทุนนิยม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครอยากเปลี่ยนประเทศไทยไปเป็นคอมมิวนิสต์ ขณะที่คนที่เคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ก็มีอยู่ทั่ววงการการเมือง ทั้งใน พธม., ปชป., พท. และคนเสื้อแดง
การสอนของโรงเรียน นปช. มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีหลักสูตรล้มล้างสถาบัน โรงเรียน นปช. มีแต่หลักสูตรการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์เป็นประมุข แม้ว่าในอดีตคนที่เคยเข้าร่วมกับ พคท. จะเคยมีความคิดเป็นคอมมิวนิสต์ แต่ปัจจุบันไม่มีความคิดแบบนั้นอีกแล้ว ยกตัวอย่าง พ.ท.โพยม จุลานนท์ (บิดาของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์) ก็เคยเข้าร่วมกับ พคท. แต่ไม่มีใครเห็นว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นลูกคอมมิวนิสต์แต่อย่างใด จึงสามารถดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก และองคมนตรี
วัตถูประสงค์ของโรงเรียน นปช. คือ เพื่อจัดระบบและกระบวนการจัดการการต่อสู้ของคนเสื้อแดง เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีการจัดกระบวนการที่ชัดเจน เป็นการหลอมรวมวิธีคิด-กระบวนการจัดการ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนแนวทางอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเพื่อเป็นการจัดระเบียบวิธีคิด และยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีต่างๆให้เท่าทันฝ่ายตรงข้าม นปช. ไม่มีผลประโยชน์ใดมาเป็นเงื่อนไขในการเข้าเรียน ดังนั้นผู้ที่เข้าเรียนในโรงเรียน นปช. จึงเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์เป็นหลัก
การชี้แจงครั้งนี้เพื่อไม่ต้องการให้ผู้ใดบิดเบือนเรื่องการล้มล้างสถาบัน โดย ดร.ประแสง ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีการ นปช. แม้ว่าก่อนหน้าอาจหายหน้าไปพักหนึ่ง เนื่องจากทำงานอยู่ที่ ก.ศึกษาธิการ ซึ่งปัจจุบันได้ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว แต่ก็ยังคงทำกิจกรรมอื่นอยู่ ทั้งนี้ช่วงหลังสลายการชุมนุมปี 2553 ดร.ประแสง ก็ยังคงร่วมต่อสู้
ส่วน อ.ธิดา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว นปช. โดยยืนยันว่า มงคลกิตติ์ไม่ใช่คนเสื้อแดง การกล่าวอ้างของเขาเป็นเรื่องเท็จ รวมทั้ง ดร.สุชาติ ก็ไม่ใช่ ผอ.โรงเรียน นปช. ดร.สุชาติ ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับโรงเรียน นปช. และ ดร.ประแสง ไม่เคยรู้จักกับมงคลกิตติ์มาก่อน แต่เพิ่งจะมารู้จักกันจากกรณีนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชา