ที่ประชุมวุฒิสภา เสนอชื่อ นายนิคม ไวยรัชพานิช นายพิเชต สุนทรพิพิธ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ และ น.ส.สุนันท์ สิงห์สมบุญ ลงชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภา...
การประชุมวุฒิสภา ได้เข้าสู่วาระการเลือกตั้งประธานวุฒิสภาคนใหม่แทน พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ซึ่งต้องพ้นจากตำแหน่ง ภายหลังต้องคำพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี แต่รอลงอาญาโทษ 2 ปี จากกรณีขึ้นเงินเดือนให้กับตัวเอง สมัยทำหน้าที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ทั้งนี้ในที่ประชุม ได้เสนอชื่อผู้ลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา 4 คน ประกอบด้วย นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา รองประธานวุฒิสภา นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี และ น.ส.สุนันท์ สิงห์สมบุญ ส.ว.สรรหา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กลุ่ม ส.ว.สรรหา นำโดย นายสมชาย แสวงการ และ นายวันชัย สอนศิริ ได้อภิปราย ขอเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาเก็บโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูป จาก ส.ว. เอาไว้ก่อนที่จะไปลงคะแนนเลือกประธานวุฒิสภาในคูหา เพื่อให้การใช้สิทธิ์ลงคะแนนเป็นการลับจริงๆ ตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา
ขณะ ที่ ส.ว.สรรหา หลายราย อาทิ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ และ พล.ต.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ส.ว.มุกดาหาร แสดงความเห็นคัดค้าน เพราะเห็นว่าควรให้ความไว้วางใจ ส.ว. ด้วยกันเอง ซึ่งที่สุดแล้วที่ประชุมวุฒิสภา ไม่ได้มีมาตรการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ระหว่างการเสนอชื่อบุคคลเป็นประธานวุฒิสภา ปรากฏว่าได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อนายอโณทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นผู้เสนอนายพิเชต ขอใช้สิทธิ์อภิปรายสนับสนุน แต่นายนิคม ในฐานะประธานในที่ประชุมไม่อนุญาต แต่นายอโณทัย พยายามจะพูดแทรกผ่านไมโครโฟนหลายครั้ง ทำให้นายนิคม ต้องกล่าวตำหนิว่า ควรทำหน้าที่ให้เป็นกลาง เพราะการทำแบบนี้ ไม่มีความเหมาะสม ต่อมา จึงเข้าสู่ขั้นตอนการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 4 คน
สำหรับ ขั้นตอนในการเลือกประธานวุฒิสภา จะให้ผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์คนละ 10 นาที จากนั้นลงคะแนนโดยวิธีลับ ให้ขานชื่อไปกาบัตรในคูหา ถ้าผู้สมัครคนใดได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งคือ 73 คะแนน (จากสมาชิกที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงทั้งหมด 146 คน) ถือว่าได้รับเลือกเลย แต่หากในรอบแรกไม่มีใครได้เกินกึ่งหนึ่งให้นำผู้ที่มีคะแนนสูงสุดใน 2 อันแรกมาลงคะแนนอีกครั้งโดยผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดถือว่าได้รับเลือก