'จำลอง' ขึ้นศาลช่วย 'สนธิ' หมิ่นเบื้องสูง

คมชัดลึก 28 สิงหาคม 2555 >>>




'จำลอง-ปานเทพ' ขึ้นศาล เบิกความช่วย 'สนธิ' แกนนำ พธม. สู้คดีหมิ่นเบื้องสูง ยันเจตนาหวังให้ตร.ดำเนินคดี 'ดา ตอร์ปิโด' แนวร่วม นปช. พูดหมิ่นเบื้องสูงซ้ำซาก ขณะที่ 29 ส.ค. ศาลสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ส.ค. 55 ที่ห้องพิจารณาคดี 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยคดีหมายเลขดำ อ.2066/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 63 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระหมากษัตริย์ หรือ พระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 51 จำเลยนำคำปราศรัยของดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยคดีดูหมิ่นสถาบัน ที่ศาลอาญา พิพากษาจำคุกแล้ว 18 ปี ที่พูดบนเวทีปราศรัย สนามหลวง เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 51 มาเผยแพร่ซ้ำที่ปราศรัยบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์
โดยวันนี้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายจำเลย นำ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ เบิกความเป็นพยานระบุว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการปกป้องและรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขซึ่งตลอดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยมีใครพูดจาจาบจ้วงสถาบันและพยานก็ไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย เพราะพยานถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และหากนายสนธิ จำเลยไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน พยานคงจะไม่คบหากับนายสนธิมาจนถึงปัจจุบัน และในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อถึงวาระสำคัญ เช่น 12 ส.ค. และวันที่ 5 ธ.ค. ก็จะจัดกิจกรรมและให้มีการถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีนาถทุกครั้ง ซึ่งการพูดบนเวทีปราศรัยของนายสนธินั้น เป็นการสรุปคำพูดของ น.ส.ดารณี สั้นๆเพียงแค่ 5 บรรทัด เพื่อให้คนฟังทราบ และให้ตำรวจปฏิบัติตามหน้าที่โดยไม่ได้ขยายความแต่อย่างใด โดยเมื่อนายสนธิพูดเสร็จ พยานก็เห็นด้วยว่าเป็นประโยชน์และจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับน.ส.ดารณี ซึ่งพูดจาบจ้วงและหมิ่นเบื้องสูงหลายครั้ง และคาดว่าหากไม่มีการดำเนินคดีใดๆ น.ส.ดารณี ก็คงจะกระทำผิดซ้ำอีก
ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เบิกความเป็นพยานปากที่ 2 ระบุว่าการพูดปราศรัยของนายสนธิดังกล่าวสืบเนื่องมาจากที่ น.ส.ดารณี แนวร่วม นปช. ปราศรัยที่เวทีสนามหลวงมีเนื้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง จึงจำเป็นต้องขึ้นพูดบนเวทีพันธมิตรฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับ น.ส.ดารณี เพราะก่อนหน้านี้พบว่า น.ส.ดารณี ได้ปราศรัยในลักษณะเดียวกันนี้หลายครั้ง แต่ไม่เคยเป็นข่าวว่ามีการดำเนินการใดๆจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย จนเมื่อนายสนธิได้พูดกับประชาชนให้รับรู้ว่า น.ส.ดารณี กระทำการหมิ่นเบื้องสูง จึงได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ดารณี และภายหลังศาลมีคำพิพากษาจำคุก ซึ่งเห็นได้ว่านายสนธิไม่ได้มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูง เพราะคนที่ได้รับฟังการปราศรัยนั้นไม่ได้คล้อยตามหรือเห็นด้วยกับการกระทำของ น.ส.ดารณี แต่แสดงความไม่พอใจกับคำพูดของ น.ส.ดารณี และในการปราศรัยครั้งนั้นนายสนธิ ได้ว่ากล่าว น.ส.ดารณี ด้วยจึงแสดงให้เห็นเจตนาชัดเจนที่แตกต่างกัน
ภายหลังการสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว นายสนธิ เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (29 ส.ค.) ศาลนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้าย จากนั้นก็จะทำสำนวนและนัดฟังคำพิพากษาต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม มีคำสั่งย้ายปลัดกระทรวงกลาโหม นายสนธิ กล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะประเทศนี้เป็นของเขา ปล่อยให้เขาทำไป แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้เขายึดกองทัพเรือไปแล้ว และกำลังหาทางยึดกองทัพอากาศ ส่วนกองทัพบกก็ได้มีการเจรจากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อต่อรองตำแหน่งกัน เขาต้องการวางตัวไปถึงผู้บัญชาการกองพลซึ่งเขาวางตัวเอาไว้แล้ว ก็เป็นธรรมดาเพราะเขาเห็นว่าเขามีอำนาจจึงจะใช้การเมืองมาคุมทหาร ทหารไทยวันนี้จึงดีแต่ปาก