ข่าวสด 28 สิงหาคม 2555 >>>
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายวิชัย วิวิตเสวี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจจับระเบิด (ซีทีเอ็กซ์ 9000) และการก่อสร้างระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงว่า กรณีการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์ฯ นั้น คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้ตั้งข้อหามา 2 ข้อหา คือ
1. บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ว่าจ้างบริษัทกิจการร่วมค้าไอทีโอ จัดหาระบบสายพานฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
2. บทม. ออกหน้าเป็นตัวแทนบริษัทนายหน้าจัดซื้อเครื่องตรวจสอบซีทีเอ็กซ์เสียเอง หรือไม่ ทั้งนี้ในการพิจารณาคดีดังกล่าวนอกจากสำนวนของ คตส. จำนวน 560 แผ่น และเอกสารอื่นๆ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่ายังไม่เพียงพอ เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมจึงได้ขอความร่วมมือกับทางกระทรวงยุติธรรม สหรัฐอเมริกา โดยทางสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) ได้ส่งเอกสารเพิ่มจำนวน 5,000 แผ่นมาให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ
“แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าขาดหลักฐานที่จะนำไปสู่การกระทำผิดโดยปราศจากข้อสงสัย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่ฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมช.คมนาคม และผู้บริหาร บทม. ที่เกี่ยวข้องเป็นต้น เนื่องจากเห็นว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดได้ ซึ่งในการพิจารณาครั้งนี้ไม่มีนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นอดีต คตส. ร่วมพิจารณาด้วย”
นายวิชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าเอกสารข้อมูลบางอย่าง มีมูลความผิดบางอย่างที่ คตส. ไม่ได้ไต่สวนไว้ คือกรณีเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน คือ นางศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธาน บทม. พล.อ.สมชัย สมประสงค์ รองประธาน บทม. นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด นายเทิดศักดิ์ เศรษฐมานพ นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขะพงศ์ เป็นกรรมการ บทม. ซึ่งเป็นกรรมการของ บทม. ได้เดินทางไปดูงานที่นครซานฟานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยมีหลักฐานเป็นใบเสร็จแสดงค่าใช้จ่าย ว่าบริษัทตัวแทนขายเครื่องซีทีเอ็กซ์จ่ายค่าเครื่องบิน ที่พัก ค่าเล่นกอล์ฟ และยังพบว่าบางคนพาภรรยาและครอบครัวไปด้วย ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าเข้าความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 กรณีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ และมาตรา 103 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน ดังกล่าว ว่าเรียกรับผิดประโยชน์หรือไม่ และหากพบว่ามีหลักฐานใหม่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตจัดซื้อและติดตั้งเครื่องซีทีเอ็กซ์ฯ ก็สามารถที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้
นายวิชัย ยังกล่าวอีกว่า ยืนยันว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าวของ ป.ป.ช. ไม่ใช่มวยล้ม เพราะคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ไม่ได้มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การจะไปช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่มีเหตุผล และข้อมูลที่ได้มาก็ไม่ได้ถูกตัดตอน จนไม่สามารถเอาผิดผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดได้ แต่ยอมรับว่าคณะกรรมการฯ ป.ป.ช. ทราบอยู่แล้วว่าหลักฐานในการพิจารณาคดีมีน้ำหนักน้อย แต่ก็ได้พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ และที่ผ่านมาไม่ได้ยื้อคดีแต่อย่างใด