มติชน 11 สิงหาคม 2555 >>>
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วยนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกนปช. นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ร่วมแถลงประจำสัปดาห์ โดยนายวรวุฒิกล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงจำนวนมากที่ไปให้กำลังใจแกนนำ นปช. ที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่อยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่กระทำการขัดขืนอำนาจศาล และจากที่ศาลสั่งเลื่อนนัดสอบถามและมีคำสั่งไปเป็นวันที่ 22 ส.ค.นั้น หากพี่น้องเสื้อแดงจะไปให้กำลังใจ ก็ขอให้อยู่ในความเรียบร้อยเช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 9 ส.ค. พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เรื่องจัดคอนเสิร์ตหาเงินระดมทุนสร้างภาพยนตร์ นวมทอง ไพรวัลย์ โดยจะมีขึ้นในวันที่ 13 ส.ค. ที่ชั้น 6 ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว บัตรโต๊ะจีน ราคา 300 บาท ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
ส่วนนางธิดากล่าวว่า ในวาระครบรอบ 6 ปี เหตุการณ์ยึดอำนาจรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 โดยในปีนี้จะจัดงานใหญ่เพื่อแสดงออกว่าประชาชนประเทศนี้ต่อต้านรัฐประหารตลอดเวลา ส่วนกรณีที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ แต่งตั้งให้เป็นคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ด้านนโยบายและแผนการศึกษา นั้น เป็นเรื่องที่กระจอกเกินไป สู้มหาวิทยาลัยเสื้อแดง และโรงเรียน นปช. ไม่ได้ ขอฝากถึงกระทรวงศึกษาให้ทบทวนผลงานของกระทรวงด้วยว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะปัจจุบันเด็กสอบตกโอ-เน็ตเกือบทั้งหมด ขอฝากไปบอกว่า "ประธาน นปช. ไม่ว่างจะไปเป็นอนุกรรมการ ให้กระทรวงศึกษาธิการ"
ประธาน นปช. กล่าวต่อถึงความคืบหน้ายื่นฟ้องคดีสลายม็อบ 98 ศพ ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศว่า ขณะนี้นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมาย นปช. จัดทำเอกสารคำร้องเพิ่มเติม เพื่อร้องขอให้สำนักงานอัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ เริ่มตรวจสอบเบื้องต้นกรณีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่เกิดขึ้นในประเทศ ไทย เมื่อปี พ.ศ. 2553 จัดทำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ส่งไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศเรียบร้อยแล้ว และยังมีสำนวนสอบสวนของทางตำรวจที่คณะทำงานกำลังเร่งแปล เพื่อนำส่งศาลอาญาระหว่างประเทศอีกด้วย
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ศาลอาญานัดสอบถามและมีคำสั่ง กรณีร้องเพิกถอนประกันตัว 19 แกนนำ นปช. ในวันที่ 22 ส.ค. ที่จะถึงนี้ว่า โดยส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงนายยศวริศ ชูกล่อม ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.มหาดไทย มากกว่าคนอื่น ซึ่งนายยศวริศเองก็ยอมรับว่าการกระทำของตนเป็นการละเมิดศาล แต่ไม่ได้ยุยงให้ประชาชนกระด้างกระเดื่องต่อศาล
นายยศวริศกล่าวถึงกรณีถูกร้องถอนประกันตัวว่า อยู่ระหว่างเตรียมเอกสารหลักฐาน รวมทั้งพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งตำรวจและบุคคลที่มีความเป็นกลาง ที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ปราศรัยพาดพิงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่หน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา มาชี้แจงว่าการปราศรัยไม่ได้เป็นการยุยงปลุกปั่น อีกทั้งก็กล่าวขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว พร้อมทั้งสั่งห้ามกลุ่มเสื้อแดงว่าอย่าโทรศัพท์ไปคุกคาม ปรากฏว่าก็ไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงโทรศัพท์ไปคุกคามหรือข่มขู่แต่อย่างใด ดังนั้น การกระทำของตนจึงไม่น่าเข้าข่ายถูกถอนประกัน
"ผมไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด เพราะผมไม่มีเจตนาที่จะยุยง หรือปลุกปั่นมวลชนคนเสื้อแดงใดๆ ทั้งสิ้น แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าการที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องผมเพียงคนเดียวนั้น เชื่อว่าเป็นเกมการเมืองของฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่นายนิพิฏฐ์ก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ ผมจึงอยากถามนายนิพิฏฐ์กลับว่าต้องการอะไร" นายยศวริศ กล่าว
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ หนึ่งในแกนนำ นปช. กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า พร้อมให้ความร่วมมือและยอมรับคำตัดสินทุกกรณี เมื่อศาลนัดก็ต้องไปรับฟัง ส่วนกรณีนายยศวริศ ที่ศาลให้ชี้แจงเพิ่มเติมนั้น ยังมีเวลารวบรวมข้อมูลชี้แจง และต่อจากนี้เราจะไม่ประเมิน หรือวิเคราะห์อะไร ว่าอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น เมื่อถามว่าเป็นห่วงกรณีนายยศวริศหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เราทุกคนเป็นห่วงกันและกัน เพราะร่วมต่อสู้กันมา เชื่อว่านายยศวริศ จะชี้แจงให้ศาลเข้าใจและหวังว่าจะได้รับโอกาสจากศาล
ที่ศาลอาญา นายทวี ประจวบลาภ อธิบดี ผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงกรณีศาลนัดฟังคำสั่งเพิกถอนประกันตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำ นปช. รวม 19 คน ในวันที่ 22 ส.ค. ว่า ในส่วนของนายจตุพร ที่ศาลนัดอ่านคำสั่งเมื่อวันที่ 9 ส.ค. แต่ไม่ได้อ่านนั้น เป็นเพราะศาลตั้งใจว่าอยากอ่านคำสั่งให้เสร็จไปในคราวเดียวกัน เพื่อป้องกันการคาดการณ์ และอาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อม หรือข้อครหาต่างๆ ส่วนจำเลยที่ 7 คือ นายยศวริศ ชูกล่อม นั้น ได้ขอนำหลักฐานวีซีดีการปราศรัยของฝ่ายผู้ร้องไปตรวจสอบว่ามีการตัดต่อหรือไม่ พร้อมทั้งจะนำหลักฐานในส่วนของตัวเองมายื่นต่อศาลเพิ่มเติม และจะนำบุคคลมาเบิกความเป็นพยานด้วย ศาลก็อนุญาตเพื่อความเป็นธรรม
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าวต่อว่า ส่วน จำเลยอื่นๆ นั้น การสอบถามเป็นที่ยุติแล้ว โดยองค์คณะผู้พิพากษาจะพิจารณาร่างคำสั่ง จากนั้นจะนำมาปรึกษาตน ในฐานะที่หัวหน้าผู้พิพากษาประจำศาลอาญาก็คงให้คำปรึกษา แต่ไม่มีอำนาจไปแทรกแซงคำวินิจฉัยได้ โดยในวันที่ 22 ส.ค. ศาลจะต้องมีคำตัดสินจำเลยทั้ง 19 คนอย่างแน่นอน และคาดว่าจะมีมวลชนมาร่วมให้กำลังใจแกนนำนปช.มากกว่าเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา เพราะเป็นวันที่รู้ผลแล้ว ในส่วนของศาลจะประชุมหารือเตรียมความพร้อม และมีมาตรการรับมือ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนการเสียชีวิตของประชาชนจากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 รวม 98 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 2,000 คน กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนจะนำเอกสารการสั่งการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่สั่งการให้ทหารและตำรวจภูธรไปประจำ ณ จุดใดบ้าง มีจำนวนกี่นาย และหัวหน้าชุดปฏิบัติการเป็นใคร รวมทั้งตำรวจที่เป็นกำลังเสริมมาจากกองบัญชาการต่างจังหวัด โดยตำรวจชุดนี้จะขึ้นตรงการสั่งการของ ศอฉ. ไม่ใช่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล
รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า สำหรับกลุ่มแรกที่ดีเอสไอจะเรียกมาสอบปากคำ คือทหารสไนเปอร์ที่ประจำตามจุดต่างๆ และมีภาพปรากฏผ่านสื่อมวลชน ขณะที่ทหารใช้ปืนยิงเพื่อกดดันมวลชนให้ถอยร่น เพื่อสอบถามว่าใช้ปืนอะไร นำกระสุนมาจากไหน เพื่อบันทึกปากคำในสำนวนคดี โดยจะออกหมายเรียกไปยังต้นสังกัดเพื่อมาให้ข้อมูล ส่วนกลุ่มคนแต่งกายคล้ายทหาร 2 ราย ที่ปรากฏภาพผ่านสื่อมวลชน ขณะใช้ปืนยิงจากด้านสูงลงไปด้านล่าง และบริเวณที่เกิดเหตุก็มีบุคคลได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืน พนักงานสอบสวนจะเร่งหาข้อมูลว่าเป็นทหารจริงหรือไม่ หากเป็นทหารจริง และอยู่สังกัดใด ก็จะออกหมายเรียกมาสอบปากคำต่อไป
"ตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการก็ต้องสอบปากคำเช่นกัน โดยจะสอบถามภาพเหตุการณ์ที่ร่วมจุดประจำการขณะนั้น ว่าพบเหตุการณ์ยิง หรือการใช้อาวุธปืนลักษณะใดบ้าง คำให้การเป็นเพียงข้อมูลประกอบสำนวนเท่านั้น แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะเป็นหลักฐานสำคัญทางคดี เช่น หากให้การว่าใช้กระสุนปลอม ไม่มีหัวกระสุน ทางข้อเท็จจริงจะสามารถระบุได้ ว่า อาวุธที่เบิกมาใช้มีกระสุนปลอม หรือกระสุนที่กล่าวอ้างหรือไม่" หัวหน้าทีมสอบคดี 98 ศพก ล่าว