'ชวน' ยัน 80 ปีประชาธิปไตยไทยก้าวหน้าเว้นซื้อเสียงยังอยู่

ไทยรัฐ 30 สิงหาคม 2555 >>>




ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุ 80 ปีประชาธิปไตยไทยก้าวหน้าไปมากไม่แพ้ใครในอาเซียน เหตุทหารมีความคิดโตขึ้นและไม่ยึดอำนาจ กรีดแต่พฤติกรรมการซื้อเสียงของ ส.ส. ยังมีอยู่...

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้จัดโครงการบรรยายพิเศษและโต้วาทีทางการเมือง เนื่องในโอกาส 80 ปี รัฐสภาไทย โดยมี นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษในเรื่อง นิติบัญญัติกับประชาธิปไตยไทย โดยนายชวน กล่าวว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ การที่จะออกกฎหมายบังคับประชาชน ประชาชนย่อมเห็นต้องเห็นด้วยว่าจะออกกฎมาบังคับใช้ แต่ประชาชนมีจำนวนมาก จึงต้องมีกระบวนการเป็นตัวแทนเพื่อมาทำหน้าที่แทนประชาชน แต่ระบบของไทยไม่เหมือนกับระบบประธานาธิบดี ที่เป็นประมุขฝ่ายบริหารที่เสียงข้างมากในสภาฯ ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่มากนัก เคยมีเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ว่า ระบบแบบประธานาธิบดีนั้นดี แต่ตรวจสอบยากหากเกิดการทุจจริต แต่ทุกระบบนั้นมีส่วนดีและไม่ดีอยู่
ส่วน 80 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น พระมหากษัตริย์ทรงมีดำริที่จะเปลี่ยนแปลงมาก่อนแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงอำนาจ แต่มีที่ปรึกษาบอกว่ายังไม่พร้อม แต่ก็มีคณะราษฎร์มาเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถ้ามองจะสายตาตนเอง 43 ปี เหลือตนคนเดียวที่ยังไม่เคยหยุด เห็นด้วยว่าประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางก้าวหน้ามาก และไม่ด้อยกว่าในประเทศไหน และเรื่องประชาธิปไตยเราเป็นผู้นำด้วย แต่เราก็เจอปัญหาและอุปสรรค เช่น เรื่องการยึดอำนาจของฝ่ายทหาร ทางลบก็มาก แต่พูดได้ว่าเมืองไทยเป็นในวันนี้เหนือกว่าประเทศในอาเซียนมาก เพราะเห็นมาด้วยตาของตนเอง แต่เราก็มีจุดอ่อนในบางเรื่อง เช่น มีทุจริตมาก และวินัยของคนในประเทศเรายังไม่ดีพอ
   “อุปสรรคประชาธิปไตยคือ การยึดอำนาจ เดี๋ยวนี้ทหารเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะตนดูจากเหตุการณ์ที่เผาบ้านเผาเมืองเขาก็ไม่ยึดอำนาจ แบบนี้แสดงว่าเป็นการเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยแล้ว ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่เรื่องแค่นิดหน่อยก็ยึดอำนาจแล้ว” นายชวน กล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า เราต้องแยกให้ออกว่าภารกิจอะไรทำอะไร เรามีจุดอ่อนในบางเรื่อง เรามีปัญหาเพราะยึดอำนาจ แต่ก็ผ่านมาแล้ว วันหนึ่งเราก็ไม่คิดว่าเรื่องบางเรื่องแก้แล้วจะมีปัญหาใหม่เข้ามา เดี๋ยวนี้ ส.ส. ปริญญาโทมีมากกว่าปริญญาตรี คือการซื้อเสียงเสียงที่เข้ามา เช่น จากซื้อเสียงโดยใช้ปลาทูเค็ม เกิดจาก จ.ศีรสะเกษ เพราะประชาชนแถวนั้นเป็นโรคขาดสารอาหาร แต่การเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี แต่พฤติกรรมเกินครึ่งของสภาฯ ตอนนี้มาจากการทุจริต ประชาชนทุกคนมีความรู้ อย่าไปยอมคนซื้อเสียง ฝ่ายนิติบัญญัติทุกวันนี้มาจากการเลือกตั้ง สภาฯ นี้ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ภารกิจในการออกกฎหมาย แต่อำนาจไม่เด็ดขาด ก็ต้องยอมออกกฎหมายการปรองดองแห่งชาติ อันนี้พวกตนไม่เห็นด้วย ตนเห็นว่าทุกฝ่ายต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของบ้านเมือง
"ทุกคนรู้ว่าการซื้อเสียงเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ต้องถามตัวเองว่าซื้อหรือไม่ ขอให้ทำอย่างที่พูด และที่บอกรับรองว่าเราจะไม่แพ้ใคร ส่วนที่อาเซียนจะเกิดประชาคมอาเซียน ที่เราใช้ภาษาอังกฤษไม่เก่งก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่เคยเป็นขี้ข้าใคร เราอย่าไปกังวลว่า 3 ปีข้างหน้าเราอยู่อย่างไรก็อยู่ แต่คนที่ทำหน้าที่ผูกพันกับประเทศต้องทำไป เราต้องภูมิใจตัวเรา เรามีทุกอย่างเป็นของเรา เราต้องรู้จักตัวเราก่อนรู้จักคนอื่น เราต้องเข้าประเทศตัวเอง ถ้าไม่รู้จักตัวเองแล้วจะไปรู้จักเขาได้อย่างไร" นายชวน กล่าว