ข้องใจตัดต่อคลิปข่มขู่ 5 ส.ส. ศาลรอปิดสภาฯ ตัดสิน 19 นปช. 22สิงหา
ศาลไม่ก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ เลื่อนไต่สวนถอนประกัน 5 ส.ส. เหตุอยู่ในสมัยประชุมสภา ส่วนอีก 19 นปช.นัดฟังคำสั่งเพิกถอนหรือไม่ 22 ส.ค. "ตู่"ปัดข่มขู่ศาล รธน.
เลื่อนไต่สวน 5 ส.ส.แกนแดง
ศาลอาญาเลื่อนไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัวแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มีสถานะเป็น ส.ส. 5 คน ประกอบด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายการุณ โหสกุล นพ.เหวง โตจิราการ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ออกไปเป็นวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากอยู่ในสมัยประชุมสภา และนัดไต่สวนนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก เพิ่มเติมในวันที่ 22 สิงหาคม นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมนัดฟังคำสั่งศาลว่าจะเพิกถอนการประกันตัว 19 นปช. หรือไม่ในเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์พิจารณาคดีถอนประกันแกนนำ นปช. 24 คน กรณีที่นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายยศวริศ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง โดยระบุว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว ขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้ารัฐสภา กล่าวโจมตี พาดพิง ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้องขอให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 291 ขัดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่
24 นปช. ถูกร้องถอนประกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำ นปช. 24 คนที่ตกเป็นจำเลยในคดีก่อการร้าย ที่ศาลพิจารณาคำร้องขอให้เพิกถอนประกันตัว ประกอบด้วย
1. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์
2. นายจตุพร พรหมพันธุ์
3. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
4. นพ.เหวง โตจิราการ
5. นายก่อแก้ว พิกุลทอง
6. นายขวัญชัย ไพรพนา
7. นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก)
8. นายนิสิต สินธุไพร
9. นายการุณ โหสกุล
10. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท
11. พงษ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง
12. นายสุขเสก พลตื้อ
13. นายจรัญ ลอยพูล
14. นายอำนาจ อินทโชติ
15. นายชยุต ใหลเจริญ
16. นายสมบัติ มากทอง
17. นายสุรชัย เทวรัตน์
18. นายรชต วงค์ยอด
19. นายยงยุทธ ท้วมมี
20. นายอร่าม แสงอรุณ
21. นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์
22. นายสมพงษ์ บางชม
23. นายมานพ ชาญช่างทอง และ
24. นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง
"ภูมิกิติ" เบี้ยว-"เต้น" มาบ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพิฏฐ์เดินทางมาศาลพร้อม ส.ส.ปชป. อาทิ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย น.ส.รังสิมา รอดรัศมี นายสาธิต ปิตุเตชะ และนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง โดยต้องเดินผ่านเครื่องสแกนอาวุธและวัตถุระเบิดที่เจ้าหน้าที่ศาลนำมาติดไว้หน้าทางเข้าห้องพิจารณา ขณะที่ 24 แกนนำ นปช.เดินทางมาศาลเพียง 23 คน โดยนายภูมิกิติ จำเลยที่ 11 ไม่ได้มารายงานตัว ส่วนนายณัฐวุฒิมารายงานตัวเวลา 14.00 น. เนื่องจากช่วงเช้าติดภารกิจการประชุมสภา
ทั้งนี้ ก่อนที่ศาลจะสอบถามว่า จำเลยทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ ศาลได้อธิบายถึงสาเหตุที่เรียกจำเลยมาสอบถาม จากนั้นทนายความของนายก่อแก้ว แถลงต่อศาลว่า ในกลุ่มจำเลยมี ส.ส. อยู่ด้วย และขณะนี้อยู่ในสมัยประชุมสภา จึงไม่ควรมีการสอบถามในวันนี้ ซึ่งศาลพิจารณาว่าแม้ทนายไม่โต้แย้ง ศาลก็จะสอบถามจำเลยที่เป็น ส.ส. อยู่แล้วว่าจะใช้เอกสิทธิ์หรือไม่ ถึงแม้ว่าจำเลยจะไม่ใช้เอกสิทธิ์ก็ตาม แต่ศาลเห็นว่าหากสอบถามจำเลยอาจจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ จึงให้เลื่อนการสอบถามในส่วนของจำเลยที่มีสถานะเป็น ส.ส. 5 คน ประกอบด้วยนายณัฐวุฒิ นายก่อแก้ว นายการุณ นพ.เหวง และนายวิภูแถลง ออกไปเป็นวันที่ 29 พฤศจิกายน
"นิพิฏฐ์" ยื่นซีดีการปราศรัย
ขณะที่ทนายความนายยศวริศ จำเลยที่ 7 แถลงต่อศาลว่า เพิ่งได้รับคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวและหลักฐานซึ่งเป็นซีดีบันทึกภาพและเสียงของจำเลยที่ 7 ขณะปราศรัย ที่ผู้ร้องอ้างส่งเป็นหลักฐานในวันนี้ จึงขอใช้เวลาตรวจสอบเอกสารหลักฐานและวีซีดีว่ามีการตัดต่อหรือไม่ จึงขอให้เลื่อนการสอบถามจำเลยที่ 7 ออกไปก่อน เพื่อเปิดโอกาสจำเลยที่ 7 ได้แสดงพยานหลักฐานของตัวเองด้วย
ต่อมานายนิพิฏฐ์เบิกความว่า เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 นายยศวริศได้แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าแกนนำเสื้อแดงจะไปหารือมาตรการตอบโต้ศาลรัฐธรรมนูญ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2555 นายยศวริศยังได้ปราศรัยพาดพิงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผ่านเครื่องขยายเสียงที่หน้าอาคารรัฐสภา ต่อหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมาก พร้อมทั้งประกาศชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ชื่อภรรยาและบุตร ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ภรรยา และบุตร ทั้งบอกให้กลุ่ม ผู้ชุมนุมไปเยี่ยมตุลาการ เป็นการผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาลที่ได้กำหนดไว้
"เจ๋ง ดอกจิก" บอกขอโทษแล้ว
ขณะที่ทนายนายยศวริศเบิกความค้านว่า ขอให้ศาลเปิดซีดีของผู้ร้องที่บันทึกคำพูดการปราศรัย เนื่องจากต้องการตรวจสอบว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ศาลจึงอนุญาตให้เปิดซีดีให้นายยศวริศดู ซึ่งนายยศวริศเบิกความยอมรับว่า การปราศรัยในซีดี ดังกล่าวเป็นคำพูดของตนจริง แต่ข้อมูลอาจจะไม่ครบถ้วนทั้งหมด จึงขอนำเอกสารหลักฐานไปตรวจสอบก่อนว่าคำพูดและข้อมูลตรงกันหรือไม่
นายยศวริศเบิกความว่า ชื่อ เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของตุลาการเป็นเอกสารสาธารณะ ปรากฏตามอินเตอร์เน็ต มีพี่น้องประชาชนนำมาให้เพื่อให้ช่วยพูดบนเวที จึงพูดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลังจากพูดไปแล้วนึกได้ว่าอาจจะไปกระทบเงื่อนไขศาล จึงได้กล่าวขอโทษพี่น้องประชาชนและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทันที พร้อมกำชับประชาชนอย่าโทรศัพท์ไปคุกคามตุลาการ
"ต่อมาโฆษกศาลรัฐธรรมนูญแถลงข่าวว่า ศาลไม่ติดใจไม่ถือโทษ เพราะผมกล่าวขอโทษแล้ว ผมยังคอยแก้ปัญหาการชุมนุมการประท้วง ไม่มีเจตนายุยงปั่นป่วนและผิดเงื่อนไขของศาล ขอความเมตตาต่อศาล เพราะมีตำแหน่งทางการเมืองทำงานเพื่อประเทศชาติ และยืนยันว่าจะไม่กระทำการเช่นนี้อีก" นายยศวริศ เบิกความ
"ตู่" อ้างศาลให้ปราศรัยได้
ด้านนายวีระกานต์เบิกความว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการปราศรัยของนายยศวริศ วันเกิดเหตุก็ไม่ได้ไปร่วมชุมนุมที่หน้ารัฐสภา หลังศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งหนึ่ง แต่เป็นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ และไม่เคยทำผิดเงื่อนไขของศาล
ขณะที่นายจตุพรเบิกความว่า การปราศรัยของตนเองเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และได้มีการสอบถามนายมานิตย์ สุขอนันต์ รอง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาขณะนั้น ว่าสามารถปราศรัยได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่าขึ้นเวทีปราศรัยได้ แต่ห้ามยั่วยุปลุกปั่นเท่านั้น ซึ่งการปราศรัยที่ผ่านมาเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานขององค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในการรับคำร้องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไว้วินิจฉัยโดยไม่ผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ไม่ได้มุ่งร้ายตัวบุคคล
ต่อมาจำเลยที่ 12-23 เบิกความต่อศาลในทำนองเดียวกันว่า ไม่เคยขึ้นเวทีปราศรัย ไม่เคยทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว และไม่เกี่ยวข้องกับคำพูดของจำเลยที่ 7 เมื่อศาลสอบถามจำเลยเสร็จสิ้นแล้วใน เวลา 13.10 น. ศาลนัดสอบถามต่อในเวลา 14.00 น.
นัด 19 นปช. ฟังคำสั่ง 22 ส.ค.
เวลา 15.30 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งโดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อนายยศวริศขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าจะขอตรวจสอบพยานหลักฐานที่ฝ่ายผู้ร้องอ้างส่งและขอนำพยานบุคคลอื่นเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติม ดังนั้น เพื่อให้โอกาสนายยศวริศมีโอกาสต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่อันเป็นเหตุที่สมควร เพื่อความยุติธรรมจึงมีเหตุสมควรอนุญาตตามที่นายยศวริศขอ ประกอบกับพยานหลักฐานที่ผู้ร้องอ้างส่งเป็นแผ่นวีซีดีที่ศาลต้องเปิดพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จึงเห็นสมควรให้เลื่อนคดีไปนัดสอบถามเฉพาะในส่วนของนายยศวริศ ในวันที่ 22 สิงหาคม เวลา 09.00 น. และให้นัดฟังคำสั่งเกี่ยวกับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทุกคน เว้นแต่จำเลยที่ 3-5 และ 9-10 ที่มีสถานะ ส.ส. ในเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ได้มาขออายัดตัวนายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์ จำเลยที่ 17 พร้อมแจ้งข้อหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงถูกนำตัวไปควบคุมที่ สน.สำราญราษฎร์ ทันที ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงบริเวณหน้าศาลอาญา ได้สลายการชุมนุมหลังทราบคำสั่งศาล
"เต้น" พร้อมเข้ารับการไต่สวน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของรูปคดีเป็นเรื่องที่ทนายจะต้องทำการจัดเตรียมพยานและหลักฐาน ทั้งนี้ มั่นใจว่าแกนนำทุกคนพร้อมที่จะชี้แจงและรับฟังการไต่สวนของศาล ส่วนกรณีของนายยศวริศ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญเคยออกมาแถลงว่า ไม่ติดใจ เนื่องจากนายยศวริศได้ขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชนบนเวทีไปแล้ว
"สำหรับผม ต้องรอวันที่ 29 พฤศจิกายน หลังปิดสมัยประชุมก่อน ส่วนนี้ต้องดูเหตุการณ์ในการพิจารณาคดีอีกครั้งว่าศาลจะมีคำสั่งใดเพิ่มเติม โดยส่วนตัวพร้อมที่จะเข้ารับการไต่สวนและแสดงหลักฐานโดยบริสุทธิ์ใจ" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กล่าวถึงซีดีที่ยื่นเป็นหลักฐานให้ศาลพิจารณาถอนประกันนายยศวริศ ว่าเนื้อหาในซีดีเป็นการปราศรัยของนายยศวริศ บริเวณด้านหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 ที่มีการพูดจาล่วงละเมิดถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คน อย่างชัดเจน ความยาวประมาณ 15 นาที มีการประกาศให้เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคณะตุลาการและครอบครัวอย่างชัดเจนต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 จึงเป็นสาเหตุของการยื่นถอนการปล่อยตัวชั่วคราวต่อศาลอาญา
คนเสื้อแดงชุมนุมเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าศาลอาญาว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองกำลังควบคุมฝูงชน จำนวน 3 กองร้อย และเจ้าหน้าที่คอมมานโด กองปราบปราม 100 นาย และกองร้อยน้ำหวาน 30 นาย เดินทางมาตรึงกำลังที่ศาลอาญา ขณะที่ประตูทางเข้า-ออกศาล เจ้าหน้าที่นำโซ่มาคล้องปิดไว้และมีป้ายข้อห้ามของศาลติดประกาศไว้ ข้าราชการทุกหน่วยที่เดินทางมาทำงานที่ศาลต้องคล้องบัตรประจำตัวก่อนเข้าอาคาร และเข้าประตูที่ต้องใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์รูดเข้าเท่านั้น โดยมีนายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และนางอรอุษา กฤษณะโลม จรัญรัตนศรี เลขานุการศาลอาญา มาอำนวยการร่วมกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจ 24 แกนนำ นปช. ชุดแรกประมาณ 200 คน มารวมตัวกันบริเวณหน้ากรมส่งเสริมการส่งออก ด้านตรงข้ามศาลอาญา และมีการนำข้าวแกงมาแจกจ่ายอย่างเป็นระเบียบ ส่วนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของที่ระลึกได้เลี่ยงข้อกำหนดของศาลอาญาที่ออกคำสั่งห้ามตั้งแผงขายริมทางที่เป็นการกีดขวางทางเข้าออกศาลอาญารวมถึงบาทวิถี โดยย้ายไปตั้งร้านขายของบริเวณฝั่งตรงข้ามศาลอาญา บริเวณถนนรัชดาฯขาเข้าแทน
"กี้ร์" ขอให้เคารพคำสั่งศาล
ต่อมากลุ่มคนเสื้อแดงทยอยกันเดินทางมารวมตัวบริเวณหน้าศาลอาญา บางส่วนอยู่บริเวณเกาะกลางถนนหน้าศาลอาญา มีการใช้โทรโข่งปราศรัยในจุดเล็กๆ ไม่มีเหตุวุ่นวายแต่อย่างใด และเวลา 09.15 น. นายจตุพรเดินทางมาถึงศาล กลุ่มคนเสื้อแดงได้ส่งเสียงให้กำลังใจ จากนั้นได้มีการตั้งเต็นท์บนถนนหน้าศาลอาญา ทำให้การจราจรเหลือเพียงสองช่องทาง
เวลา 10.00 น. ศาลอาญาเริ่มพิจารณาคดีโดยมีการใช้เครื่องขยายเสียงกระจายเสียงออกมาให้กับสื่อมวลชนและกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับฟังการไต่สวนบริเวณด้านนอกอาคาร ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวน 2,000 คน ร่วมกันปรบมือ ร้องเพลง และตะโกน "สู้" เป็นการให้กำลังใจแกนนำ นปช.
เวลา 13.15 น. ระหว่างศาลพักการไต่สวน แกนนำ นปช. ประกอบด้วย นายขวัญชัย นายอริสมันต์ และนายยศวริศ ได้ลงมาทักทายกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจบริเวณริมรั้วหน้าศาลอาญา กลุ่มผู้ชุมนุมได้โห่ร้องแสดงการต้อนรับ และนายอริสมันต์กล่าวกับคนเสื้อแดงว่า ขอให้ชุมนุมอย่างสงบและเคารพคำสั่งศาล