ชาวเน็ตอธิบายเรื่องการหนีทหารของอภิสิทธิ์ พร้อมภาพประกอบเพิ่มเติม

ราชดำเนิน Pantip.com 27 กรกฎาคม 2555 >>>


ในวันนี้ หลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัด ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับเอกสารการคัดเลือกเกณฑ์ทหารอันเป็นเท็จของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแล้ว ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เร่ืองคุณธรรมจริยธรรมของผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมา และในกระดานข่าวPantip.comได้มีผู้ใช้ชื่อ"จอมยุทธ์ธงฟ้า" อธิบายการกระทำผิดของนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะดังต่อไปนี้ (ขออนุญาตตัดถ้อยคำบางคำเพื่อความสุภาพและกระชับชัดเจน-ทีมงาน นปช.)

นายอภิสิทธิ์เกิดวันที่ 3 สิงหาคม 2507 เมื่อมีอายุครบ 17 ปี ย่างเข้า 18 ปี ต้องเข้ารับการขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกินในปี 2524-2525 และต้องได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารเมื่ออายุครบ 20 ปี ในปี 2527 ต้องเข้ารับการตรวจเลือกเกณฑ์ทหารในปี 2528
แต่ปี 2524 นายอภิสิทธิ์อ้างว่าไปศึกษาต่อที่อังกฤษจึงไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกิน รอจนกระทั่งเรียนจบในเดือนมิถุนายน 2529 จึงไปขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกินที่จะได้ใบ สด.9 ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 ขณะที่มีอายุ 22 ปี
โดยสัสดีเขตพระโขนงเขียนเป็นลายมือ ให้มารับใบ สด.9 ในเดือนมกราคม 2530 นายอภิสิทธิ์จึงต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในวันที่ 7 เมษายน 2530 แต่วันที่ 7 เมษายน 2530 ไม่ได้ไปเข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ จึงเป็นคนขาดการตรวจเลือก


ภาพที่ 1 เอกสารบัญชีผู้เข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์จากทางสัสดีพระโขนง ซึ่งมีชื่อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ในกรอบสีแดง) ปรากฎว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไม่เข้ารับการตรวจเลือก (ขอบคุณภาพประกอบจากไทยรัฐออนไลน์)
ต่อมานายอภิสิทธิ์ ก็หน้าด้านไปสมัครเป็นอาจารย์ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในวันที่ 12 มกราคม 2530 แต่ขาดหลักฐานสำคัญ คือคนที่จะสมัครรับราชการทหารหากมีอายุ 18-20 ปี ต้องมีใบ สด.9 หากอายุ 21 ปี ต้องใช้ใบ สด.9 ใบผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร (สด.41) หรือ ใบผ่านการเกณฑ์ทหาร (สด.43) แล้วคนหนีทหารอย่างนายอภิสิทธิ์ จะมีกับเขาเหรอ
ในที่สุดก็มาเอาฮา วันที่ 9 เมษายน 2530 เขียนใบสมัครใหม่อีกครั้ง (หลังจากการเกณฑ์ทหาร วันที่ 7 เมษายน ตลกไหมล่ะ)
สุดท้าย ผลเลยซวย พวกทหารที่มาอุ้มชู ใช้วิชามาร ช่วยนายอภิสิทธิ์จนได้เป็น อาจารย์ จปร แล้วเป็นไง โดนลงโทษ กันเป็นแถว แต่ยังดีที่กว่าจะโดน ก็ดึงเรื่อง จนเหลือ คนซวยน้อยแล้ว เพราะเกษียณไปหมด แต่ยังไงก็ต้องรับกรรม เพราะไปช่วยไอ้พวก เอาเปรียบ บ้านเมือง เงินภาษีกรู ดันเอาไปจ่าย ให้ไอ้หน้าด้าน ที่มันยังไม่ทันได้ทำงานครบปี ก็ ลาไปซะ 200 วัน
ทำไมนายอภิสิทธิ์ จึงจำเป็นต้องทำ สด.9 อีกใบ ทั้งๆที่ ตัวเองก็ได้รับการบรรจุเป็นข้าราขการพลเรือน ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2530
เพราะความซวยก็เข้ามาเยือน อยู่ดีๆดันได้ปรับยศเป็นว่าที่ร้อยตรี แล้วนายอภิสิทธิ์ จะทำยังไงดี ในเมื่อตอนแรกอุตส่าห์ ซิกแซก เข้าไปได้แล้ว โดยที่ไม่ได้ยื่นเอกสาร อะไรเลย จะมาตกม้าตายง่ายก็เสียชื่อ
นายอภิสิทธิ์ เลยไปแจ้งขอ สด.9 ใหม่ เพราะโมเมเอาว่า หาย เออแปลกดี มาหายเอาตอนที่เขามาขอเอกสารไปปรับยศพอดี
ไม่เป็นไรไหนๆก็ไหนๆแล้ว ปลอมวันที่เลยแล้วกัน ไม่งั้นซวยแน่
ผลเลยปรากฏว่า นายอภิสิทธิ์ จึงได้ สด.9 ฉบับใหม่ ลงวันที่ 8 เมษายน 2531 สมใจ จากการช่วยเหลือแบบด้านๆ เพราะถ้าลงวันที่วันเดิมต้องใช้ สด.43 เพราะดันมาเขียนใบสมัครหลักจากวันที่เขาเกณฑ์ทหารไปแล้ว แถมยังเอา สด.20 มายื่นแนบไปแบบงงๆอีก เพราะ สด.20 คือบัญชีที่ขึ้นทะเบียนไว้ หลังจากที่ได้รับการอนุมัติให้ผ่อนผัน นายอภิสิทธิ์ จะต้องได้ สด.41 มาเป็นหลักฐาน (แล้วมาบอกว่ามี สด.41 ในสภา หลักฐานจนป่านนี้ผมยังไม่เคยเห็นเลย สด.41 นะครับ เขาได้ให้เป็นหลักฐานไว้กับตัว ขนาด สด.20 ที่เขาไม่ได้ให้ไว้กับตัวยังอุตส่าห์ สำเนามาได้ แล้วนี่ ของอยู่กับตัว ยังไม่มีปัญญาเอามาให้ดูเลย หรือว่า มันไม่เคยมี เพราะมันเติมเลขที่ สด.41 เอาเอง)


ภาพต้นขั้ว สด.9 สองฉบับของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้นขั้วฉบับแรก (ซ้ายมือ) ลงวันที่ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินในวันที่ 4 กรกฏาคม 2529 [ขีดเส้นใต้สีชมพู] ส่วนต้นขั้วฉบับที่ 2 (ขวามือ) ลงวันที่ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินในวันที่ 8 เมษายน 2531 [ขีดเส้นใต้สีน้ำเงิน] เพื่อจะได้ไม่ต้องนำ สด.41 มาแสดง เพราะว่าหากลงทะเบียนเป็นทหารกองเกินก่อนหน้าที่จะสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. จะต้องนำหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร (สด.41) มาแสดงด้วย
ในที่สุดนายอภิสิทธิ์ ก็ได้รับยศว่าที่ร้อยตรี ในวันที่ 26 เมษายน 2531 สมใจอยาก แต่ยัง ในเมื่อนายอภิสิทธิ์ มาถึงขั้นนี้แล้วมีเหรอ จะยอมถอย เลยแถไปแบบเนียนๆ หน้าด้าน จึงได้ไปขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองประจำการเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2531และได้ยศร้อยตรีเมื่อเดือนตุลาคม 2531 จึงได้มาจากเอกสารที่เป็นเท็จ