'จารุพงศ์' ย้ำแก้ รธน. ไม่แตะสถาบันไม่ล้มประชาธิปไตย

กรุงเทพธุรกิจ 3 กรกฎาคม 2555 >>>


"จารุพงศ์" ย้ำแก้ รธน. ไม่แตะสถาบันไม่ล้มประชาธิปไตย ขู่ศาลไม่อยากให้แทรกแซงนิติบัญญัติ ใช้หลัก ทางใคร ทางมัน

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมต่อสู้คดี คำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ว่า ได้ทำหนังสือยื่นไปแล้ว 2 ครั้ง ในนามของพรรคเพื่อไทย และคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยบุคคลที่เตรียมไว้ชี้แจง คือนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ซึ่งจะไปชี้แจงได้ทั้ง 2 สถานะ คือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และในฐานะครม.  สำหรับการชี้แจงจะยึดถือเอาคำชี้แจงที่เป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหลัก
โดยต้องดูในวันที่ 5 ก.ค. ว่าฝ่ายผู้ร้องคือ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา จะว่าอย่างไร เมื่อศาลซักเราก็ตอบยืนยันไปตามข้อเท็จจริงว่า เราได้ทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกติกา ตามมาตรา 291 ยืนยันไม่กระทบต่อระบอบการปกครองและสถาบัน ซึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทยก็เขียนไว้ชัดเจน อีกทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้แถลงยืนยันต่อสภาไว้ และเมื่อดูการกระทำตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลก็เห็นชัด การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเเราได้ทำตามในสิ่งที่แถลงไว้ต่อสภา และหาเสียงไว้กับประชาชน โดยใช้ช่องทางส.ส.ร.คืออำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ ไม่ได้ทำกันเอง ไม่ได้ทำโดย ครม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่กับพยานฝ่ายผู้ร้องที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และเป็นนักวิชาการชื่อดัง นายจารุพงศ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าผู้ใหญ่ก็มีความเป็นห่วงบ้านเมือง อาจห่วงใยในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน แต่เราก็พร้อมที่จะยืนยันในประเด็นนี้ ว่า ไม่มีการแก้ไขและแตะต้องอย่างแน่นอน เราแก้รัฐธรรมนูญไปตามครรลองที่ทำได้ตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ไม่อยากคาดการณ์ล่วงหน้าว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ขอมองในแง่ดีว่าทุกคนอยากให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ แต่สุดท้ายอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายตุลาการเข้ามาแทรกแซงอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ นายจารุพงศ์ กล่าวว่า "ผมก็ไม่อยากให้ชนกัน ทางใครทางมันดีกว่า ผมชอบฟังเพลง มายเวย์ ของแฟรงค์ ซินาตร้า ทางใครทางมัน ทางมึง ทางกู ดีกว่า”
ด้านนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะอดีตเลขานุการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ระบุเจตนารมณ์ มาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ต้องการให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของนายสมคิด แต่ยืนยันว่า มาตรา 291 รัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ได้มีข้อห้ามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่การแก้ไขทั้งฉบับ เพราะยังคงหมวด 2 รัฐธรรมนูญปี 50 ไว้เหมือนเดิม เพียงแต่มีการเพิ่มเติมหมวด 16 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยให้ส.ส.ร.มาเป็นผู้ยกร่างแก้ไขแทนรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาหลายประเทศก็ทำเช่นนี้
นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า เท่าที่ประเมินสถานการณ์ขณะนี้มีความเป็นไปได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ เป็นห่วงว่า มีการตั้งธงไว้ล่วงหน้าแล้ว เห็นได้จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไว้พิจารณา ทั้งที่ไม่เข้าข่ายจะรับไว้พิจารณาได้ รวมถึงรายชื่อพยานของฝ่ายผู้ร้อง ที่ปรากฎชื่อทั้งนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นายอานันท์ ปันยารชุน และคนอื่นๆอีกหลายคน หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวาย และความแตกแยกตามมา ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย