เลวร้ายที่สุดก็แค่ล้างไพ่ แผนสำรอง 'คนดูไบ' หากโดนล้มกระดาน

ไทยรัฐ 10 กรกฎาคม 2555 >>>




เรื่อยมาจนถึงคิว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาให้ความเห็นถึงอำนาจการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญอย่างเชิงหลักการ จนทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน ได้ออกมากระตุกกระแสกันเบาๆ ให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ และรอฟังคำวินิจฉัย อย่าไปคาดคะเนในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างนั้นต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ควรจะไปสร้างเงื่อนไขที่ยังไม่ได้เกิด
จับอาการฝั่งเพื่อไทยที่ออกมาเผยไม่นานมานี้ถึงการคาดการณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะแกนนำเพื่อไทย ก็ได้ออกมากล่าวถึงกรณีดังกล่าว เชื่อว่าสุดท้ายศาลก็คงไม่ฝืนกระแสสังคม เพราะถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบสุขก็ต้องเคารพกติกา ซึ่งในทางที่เลวร้ายที่สุดก็คงให้ยกร่างใหม่เป็นรายมาตราไป
ด้านของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีความกังวลอะไรเลย เพราะคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนคำตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่หากศาลวินิจฉัยว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดมาตรา 68 และนำไปสู่การยุบพรรคนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงเหนื่อยเพราะพรรคเราถูกยุบมาสองครั้งแล้ว ถ้าถูกยุบอีก คนในพรรคก็คงเหนื่อย
ดูทรงแล้วมีความเห็นที่หลายฝ่ายใช้คำว่า 'เชื่อว่า' และคาดการณ์กันไปเอง บ้างก็วิเคราะห์ถึงการทำหน้าที่ของศาล แม้แต่จับกระแสและท่าทางของกลุ่มคนหลายๆ ฝ่ายก็มีความกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงถึงการเอาคนจำนวนมากไปกดดันการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไรต้องมีคนที่พอใจและไม่พอใจเป็นแน่ คนที่อยู่ตรงกลางอย่างศาลรัฐธรรมนูญหากทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมชี้แจงได้ทุกอย่างก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแต่อย่างใด
โฟกัสไปที่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมากดดันบ้างไม่มากก็น้อยถึงการที่ชอบเอ่ยอ้างจำนวนคน และการจะถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องใช้คนจำนวนมากในการถอดถอน ซึ่งก็สามารถทำได้เพราะเป็นขั้นตอนที่ถูกกฎหมาย แต่การจะออกมาบอกว่าหากตัดสินฝืนกระแสสังคมจะทำให้วุ่นวายก็คงไม่ดีอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดนั้น ก็จะทำให้คิดได้ว่า ถ้าการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาแล้วไม่สามารถเอาชนะเสียงส่วนใหญ่ได้ ก็น่าคิดว่าจะเข้าเค้ากับวลีติดปาก 'พวกมากลากไป' ได้หรือไม่
แต่เมื่อมองไปทางฝั่งเสื้อเเดงกับอาการที่ยังกั๊กไม่รู้ว่าจะเอายังไง ก่อนที่จะถึงวันที่ 13 ก.ค. ในสุดสัปดาห์ วันศุกร์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอย่าไปปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีการวินิจฉัย สอดคล้องกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ท่าทีเคลื่อนไหวล่าสุดที่ออกมาขอประเมินสถานการณ์ดูท่าทีคำวินิจฉัยอยู่ที่ฐานบัญชาการศูนย์การค้าอิมพีเรียล ก่อนที่จะมีท่าทีต่อไป และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. ก็ได้ออกมาสวมบททำนายทายทักถึงการออกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไว้ว่าศาลจะไม่ออกมาชี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้าง และไม่มีแผนจะนำมวลชนไปกดดันแน่นอน
วิเคราะห์แล้วปมร้อนๆ จับอาการที่เสื้อแดงไม่ออกตัวล้อฟรีเหมือนเช่นเคย ก็ย่อมเป็นการดีที่จะช่วยลดอาการร้อนใจได้ เพราะเนื่องจากจะไม่เป็นการยั่วยุประชาชนในฝั่งของตนเองให้คุมยากแล้ว จนฝ่ายตรงข้ามตั้งท่าจ้องทุบ เพราะเกิดเงื่อนไขที่จะก่อความไม่สงบ และจากหลายฝ่ายที่ค่อนข้างจะวิเคราะห์ตรงกันที่อย่างเลวร้ายที่สุดก็ไม่น่าจะถึงขึ้นยุบพรรค สิ่งนี้แกนนำหลายคนอาจจะเบาใจขึ้นก็เป็นได้ แต่อย่างไรก่อนที่คำวินิจฉัยจะคลอดออกมา อีกทั้งที่ชอบอ้างกันว่ามีคนเรือนแสนที่พร้อมจะเคลื่อนไหวหากผลคำวินิจฉัยออกมาในทางที่เลวร้ายที่สุดตามคาดการณ์ แบบนี้ก็คงไม่แคล้วที่จะต้องนั่งก่ายหน้าผากว่าจะทำอย่างไรดี
เชื่อเหลือเกินว่าที่สุดแล้วสมบัติทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมวลชนคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่รัฐบาล ก็ต้องกลับไปฟังคนที่อยู่ดูไบเพียงคนเดียว เพราะมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุด คำถามคือหากต้องเสียอย่างใดอย่างหนึ่งไป คนๆ นั้นจะเลือกอะไรไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวบริบทว่าจะชักนำเหตุการณ์ขึ้นไปสู่ความวุ่นวายได้อีกหรือไม่ แน่นอนเดินหมากครั้งนี้ก็น่าจับตาไม่น้อย หากกงล้อประวัติศาสตร์นำไปสู่เหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนชื่อพรรคอีกหรือไม่ ทำให้อาจจะย้อนกลับมาสู่บริบทเดิม
มองอีกกระแส น่าสงสัยว่าอะไรทำให้เสื้อแดงใจอ่อนลง หากคิดในทางเลวร้ายจริงๆ ถูกยุบพรรค   กรรมการบริหารพรรคโดนแบน 5 ปี ทีนี้คงจะเป็นคิวทองที่ทำให้บ้านเลขที่ 111 กลับมาผงาดเป็นตัวจริงโดยไม่ต้องไล่บี้ขบเหลี่ยมกันเองในพรรค มองให้ลึกวิเคราะห์ให้ไกลกว่านั้นก็เหมือนกับว่าคนดูไบไม่ได้เสียอะไรมากมาย ก็แค่การทิ้งไพ่ชุดเก่าที่ไม่ได้สวย แล้วได้โอกาสลองไพ่ชุดใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม มาถล่มฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวาย มวลชนก็ไม่สลาย แถมยังอาจแน่นเป็นปึกแผ่นอีกต่างหาก