การผ่าน 2 ด่านเข้าไปก่อเหตุเผาห้างขนาดนั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่เดินไปใช้ไม้ขีดจุดไหม้เลย มันต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ทำให้เกิดเพลิงไหม้ เป็นไปไม่ได้ที่ชายชุดดำหรือใครจะเข้าไปจุดไฟเผา
คดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เริ่มมาถึงจุดคลี่คลาย เมื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีนี้ไม่ใช่ 'ชายชุดดำ' อย่างที่มีการกล่าวอ้างกัน
โดยการแถลงความคืบหน้าคดีวางเพลิง เผาทรัพย์ และลักทรัพย์ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ย่านราชประสงค์ จากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายธาริตระบุชัดเจนว่า ไม่มีชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มีผู้ต้องหา 9 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาล ซึ่งจำเลยบางรายศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว
ส่วนเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นมีชายชุดดำด้วยหรือไม่นั้น นายธาริตบอกว่า จำไม่ได้ แต่ยืนยันยันว่า การเอ่ยถึงชายชุดดำจะมีเฉพาะสำนวนการก่อการร้ายเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับสำนวนการวางเพลิงเผาทรัพย์, เผาศาลากลางจังหวัด, เผาตู้เอทีเอ็ม ร้านค้าย่อยหลายแห่งแต่อย่างใด
พร้อมแจกแจงว่า การสืบสวนดังกล่าวไม่ได้เป็นการเปลี่ยนสำนวนให้ข้อกล่าวหาในคดีก่อการร้ายอ่อนลง เหลือเพียงคดีเผา-ลักทรัพย์อย่างแน่นอน
'เรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกับก่อการร้าย คดีก่อการร้ายเป็นมิติภาพรวม คดีนี้เป็นส่วนแยกต่างหาก'
'ผู้ต้องหาจะได้ประกันตัวตามนโยบายปรองดองหรือไม่ ไม่ตอบ เพราะคดีวางเพลิงเผาทรัพย์เซ็นทรัลฯ มีการตัดสินลงโทษ บางส่วนเหมือนคดีสิ้นสุดแล้ว มีผลออกมาแล้ว เราแยกคดีออกมาชัดเจน'
'เรื่องวางเพลิงไม่มีมูลเหตุชัดเจนว่าการเผาเพื่อจะปล้นทรัพย์' นายธาริต สรุป
คล้อยหลังการแถลงไม่นาน นอกจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ถึงสถานะและจุดยืนที่เปลี่ยนไปของอธิบดีดีเอสไอแล้ว
นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ยังแสดงความเห็นในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อีกด้วย
ระบุไม่ติดใจว่าคนชุดดำเผาจริงหรือเปล่า เพราะใส่ชุดไหนก็เผาได้ทั้งนั้น แต่ยังเชื่อว่าต้องมีชายชุดดำแน่ๆ ที่สำคัญต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามเจ้าหน้าที่ซึ่งขณะปฏิบัติงานจะใส่ชุดทหาร ไม่ใช่ชุดดำ
คำพูดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกหรือตื่นเต้นอะไร นายธาริตก็บอกตอนแถลงไปแล้วว่า เรื่องชายชุดดำมีการเอ่ยถึงในสำนวนก่อการร้าย แต่ไม่เกี่ยวกับสำนวนเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ศาลากลางจังหวัด ฯลฯ
นั่นก็ยิ่งชัดเข้าไปอีกถึงเรื่องชายชุดดำกับคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์
ระหว่างที่ความจริงค่อยๆ ปรากฏ ทนายความได้เข้าไปช่วยเหลือติดต่อขอประกันตัวผู้ต้องขังในคดีนี้ ซึ่งพ่วงข้อหาละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยรวม 6 คน
ทั้งหมดถูกคุมขังในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่ ภายในโรงเรียนพลตำรวจนครบาล บางเขน
โดยใช้เงินกองทุนยุติธรรมของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นหลักทรัพย์ยื่นต่อศาลรายละ 1 ล้านบาท เพื่อออกมาสู้คดีหลังจากติดคุกนาน 2 ปีกว่า โดยเฉพาะนายสายชล แพบัว อายุ 28 ปี หนึ่งในจำเลยคดีดังกล่าว มีอาการเป็นโรคความดันโลหิตสูง บางครั้งมีอาการปากเบี้ยวปรากฏให้เห็น
สําหรับรายละเอียดของคดีนั้น แบ่งเป็นคดีลักทรัพย์กับ คดีวางเพลิง ดีเอสไอระบุว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 9 คน พร้อมดำเนินคดีลักทรัพย์ ประกอบด้วย
- นายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 26 ปี
- นายวิศิษฏ์ แกล้วกล้า อายุ 33 ปี
- นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม อายุ 42 ปี
- นายอาทิตย์ เบ้าสุวรรณ อายุ 29 ปี
- นายพรชัย โลหิตดี อายุ 35 ปี
- นายยุทธชัย สีน้อย อายุ 23 ปี
- นางเจียม ทองมาก อายุ 45 ปี และ
- เยาวชนอีก 2 คน
โดยศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 7 คน ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก. คนละ 6 เดือน และลงโทษ นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม ความผิดฐานลักทรัพย์ 3 ปี ซึ่งพนักงานอัยการไม่อุทธรณ์และคดีถึงที่สุดแล้ว สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน 2 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลเยาวชนฯ
ส่วนคดีวางเพลิงเซ็นทรัลเวิลด์ เหตุเกิดเมื่อ 19 พ.ค. 2553 สน.ปทุมวัน สืบสวนสอบสวนและออกหมายจับผู้ต้องหา 9 คน ประกอบด้วย
- นายสายชล แพบัว อายุ 28 ปี
- นายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 26 ปี
- นายอัตพล วรรณโต อายุ 17 ปี
- นายภาสกร ไชยสีเทา อายุ 17 ปี และ
- ชายไทยไม่ทราบชื่อ 5 คน
มีมูลค่าความเสียหายต่อทรัพย์สินของห้างฯ และผู้เสียหายรายย่อย 8,890 ล้านบาท และมีคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุคือ นายกิตติพงษ์ สมสุข อายุ 19 ปี ซึ่งแพทย์ชันสูตรลงความเห็นว่า สาเหตุการตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ นัดสืบพยานในเดือน ส.ค. 2555
ที่ผ่านมาหลายฝ่ายพยายามทำความจริงให้ปรากฏ โดยเฉพาะประเด็น 'ชายชุดดำ' ที่บางพรรคพยายามตอกย้ำและนำไปขยายผลให้เป็นประเด็นการเมือง
กรณีดังกล่าวได้รับการตรวจสอบจาก กมธ. ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา ที่เคยเรียกผู้บริหารเซ็นทรัลเวิลด์มาชี้แจง ได้รับข้อมูลว่า การพยายามลอบวางเพลิงไม่ได้เกิดขึ้นขณะกลุ่มเสื้อแดงชุมนุม แต่เกิดขึ้นหลังจากแกนนำเข้ามอบตัวแล้ว และตลอดเวลาการชุมนุมบริเวณดังกล่าว ผู้ชุมนุมก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางห้าง โดยทางห้างอำนวยความสะดวก ให้ผู้ชุมนุมใช้ห้องน้ำด้วย
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ แกนนำเสื้อแดง ย้อนหลังเหตุการณ์ 19 พ.ค. 2553 ว่า ช่วงบ่ายโมงแกนนำประกาศยุติการชุมนุม และเดินไปมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนยืนอยู่บนเวทีและประกาศเป็นคนสุดท้ายเพื่อบอกให้พี่น้องทุกคนไปรวมตัวที่สนามกีฬาปทุมวัน ซึ่งจะมีรถมารับกลับภูมิลำเนา จากนั้นลงจากเวทีทันที
หลังประกาศไม่มีใครชุมนุมอยู่อีก ผู้ชุมนุมบางส่วนเคลื่อนตัวไปที่วัดปทุมวนาราม กำลังทหารก็รุกคืบเข้ามายึดครองพื้นที่เวทีปราศรัยทั้งหมด ใช้กำลังทั้งภาคพื้นดินและบนรางรถไฟฟ้า
สถานการณ์ขณะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้าไปเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะต้องผ่านแนวล้อมทหารและต้องเจอหน่วยป้องกันอัคคีภัยของห้างที่มีกำลัง 400 กว่าคน
การผ่าน 2 ด่านเข้าไปก่อเหตุเผาห้างขนาดนั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่เดินไปใช้ไม้ขีดจุดไหม้เลย มันต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ทำให้เกิดเพลิงไหม้ เป็นไปไม่ได้ที่ชายชุดดำหรือใครจะเข้าไปจุดไฟเผา ยกเว้นทหารที่ล้อมอยู่และหน่วยป้องกันของห้างทั้ง 400 กว่าคนยินยอม
ทราบภายหลังว่า หน่วยป้องกันอัคคีภัยของห้างทั้งหมดถูกบังคับให้ออกจากห้างก่อนเกิดเหตุไฟไหม้ ต่อมามีการจับกุมชายคนหนึ่งและตกเป็นจำเลยคดีเผา โดยถูกจับช่วงบ่าย 3 โมง แต่ไฟไหม้ตอน 6 โมงเย็น และจำเลยอีกรายถูกจับที่สนามหลวง จะเห็นว่าการบันทึกการจับกุมเป็นไปไม่ได้เลยที่คนพวกนี้จะเข้าไปจุดไฟเผา เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล