'ดีเอสไอ' ขึ้นศาลไต่สวนศพ 'แท็กซี่เสื้อแดง'

กรุงเทพธุรกิจ 17 กรกฎาคม 2555 >>>


"ดีเอสไอ" ขึ้นศาลไต่สวนศพ "แท็กซี่เสื้อแดง" ระบุเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐหลังรวบรวมหลักฐานเชื่อมโยงกระสุนความเร็วสูง-อาวุธสงคราม ในครอบครอง

ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตาย คดีหมายเลขดำ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตและทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และถึงเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150 ของนายพัน คำกอง ชาวจังหวัดยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 53 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่บริเวณราชประสงค์
โดยวันนี้อัยการ นำพยานเบิกความ 2 ปาก ประกอบด้วย พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขึ้นเบิกความสรุปว่า ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ซึ่งการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า เหตุการณ์เสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร น่าเชื่อว่าเกิดจากเหตุการณ์ยิงรถตู้บนถนนราชปรารภ สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันกับการเสียชีวิตของนายพัน โดยได้สอบปากคำนายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้คันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ นายสมเจตน์ ศาลาวงศ์ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพวชิระพยาบาล และนายคมสันติ ทองมาก ช่างภาพเนชั่นทีวี ซึ่งเป็นผู้ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุยิงรถตู้ได้ และได้มอบแผ่นวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ให้พยานไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นอัยการได้เปิดแผ่นวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ความราวประมาณ 1 นาที เห็นภาพรถตู้ขับมาตามถนนราชปรารภแล้วได้ยินเสียงปืนระดมยิงเป็นชุดใหญ่ กระทั่งรถตู้ถูกยิงจนสงบนิ่งไม่สามารถขับต่อไปได้แล้วก็ยังมีเสียงปืนยิงเข้าใส่อย่างต่อเนื่องไม่หยุด โดย พ.ต.ท.อานนท์ เบิกความต่อว่า ภาพที่ปรากฏเป็นภาพเหตุการณ์จริงที่ได้รับจากนายคมสันติ ช่างภาพเนชั่นที่บันทึกไว้ได้ ซึ่งนายคมสันติ ยืนยันว่าไม่มีการตัดต่อภาพแต่อย่างใด
ต่อมาอัยการได้นำ นายสัณพร ไชยยาว พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เบิกความ สรุปว่า หลังเกิดเหตุยิงนายพัน ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรมถึง 2 ครั้ง พร้อมกับจัดทำแผนผัง ถ่ายรูปที่เกิดเหตุ แสดงจุดที่ผู้ตายหลบอยู่หน้าสำนักงานขายคอนโดมิเนียม จุดที่ผู้ตายถูกยิง จุดที่ผู้ตายวิ่งไปล้มลง และจุดที่เจ้าหน้าที่ทหารล้อมรั้วลวดหนามควบคุมสถานที่ ซึ่งหลังจากสอบสวนพยานและรวบรวมพยานหลักฐานภาพบันทึกวีดีโอครบถ้วนแล้ว พยานสรุปความเห็นว่า คดีนี้มีมูลว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่อ้างว่าเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร จึงส่งความเห็นให้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินการต่อ แต่ต่อมาได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
โดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบช.น. (ขณะนั้น) ว่า การเสียชีวิตของนายพัน เป็นการตายผิดธรรมชาติ (ถูกยิง) ไม่ทราบว่าผู้ใดทำให้ตาย แล้วส่งสำนวนกลับมาให้พยาน พยานจึงได้ร่วมกับพนักงานอัยการ ร่วมกันเป็นคณะพนักงานสอบสวน ตรวจสอบสำนวนคดีอีกครั้ง สรุปยืนยันว่าคดีนี้มีมูลว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่อ้างว่าเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากมีรายงานการตรวจวิธีกระสุนที่ใช้ยิงพบว่า เป็นกระสุนความเร็วสูงที่ต้องใช้กับอาวุธสงครามที่อยู่ในความครอบครองและใช้ในราชการทหาร ดังนั้นพยานจึงส่งความเห็นพร้อมพยานหลักฐานให้พนังงานสอบสวน ผบช.น.ดำเนินการตรวจสอบแล้วจึงมีความเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอ
ภายหลังศาลไต่สวนพยานทั้งสองปากเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดไต่สวนพยานปากต่อไปวันที่ 18 ก.ค. นี้ เวลา 09.00 น.