พธม. ปราศรัยที่เชียงใหม่ "สมเกียรติ" กล่าวโจมตีทักษิณหวังเป็น ปธน.

ประชาไท 15 กรกฎาคม 2555 >>>


อัดทักษิณมียุทธศาสตร์หวังเป็นประธานาธิบดี มีกองกำลังในภาคเหนือภาคอีสานกว่า 7 หมื่นคน และส่งการ์ดไปฝึกกัมพูชา 5 พันคน ด้าน "พิภพ ธงไชย" เชื่อถ้าไม่เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์จะแพ้เพื่อไทยตลอดกาล
เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้จัดเวทีเสวนา "รวมพลัง 17 จังหวัดภาคเหนือเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย" ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์ ยังรายงานด้วยว่า มีคนเสื้อแดงกลุ่ม นปช.เชียงใหม่ประมาณ 10 คน ไปปราศรัยขับไล่พันธมิตรฯ และพยายามเข้าไปดึงปลั๊กรถถ่ายทอดสด จนทีมงานถ่ายทอดสดต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย
ในระหว่างการเสวนาของแกนนำพันธมิตรฯ ตอนหนึ่งนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรีว่า ยุทธศาสตร์ของทักษิณเท่าที่มีการวิเคราะห์กันไว้นั้นจุดสูงสุดของเขาที่ตั้งไว้คือ เขาจะต้องเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทยให้ได้โดยมี 4 ยุทธศาสตร์ คือ
1. พ้นผิดทุกคดี
2. เอาเงิน 46,000 ล้านบาทคืนให้หมด
3. เอาอำนาจกลับมาเหมือนเดิม และ
4. เป็นประธานาธิบดีให้ได้
เห็นได้ว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวต้องมีการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ ขั้นแรกก็คือการเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงโดยเฉพาะที่เปิดได้แล้วและเป็นจำนวนมากด้วยก็คือ ภาคอีสานและภาคเหนือ ส่วนที่ภาคใต้ยังไม่สามารถทำได้เพราะไปทำที่ภูเก็ตก็โดนไล่แทบไม่ทัน
นายสมเกียรติอ้างว่า สำหรับกองกำลังของทักษิณนั้นเท่าที่ดูจะมีอยู่ 3 กองกำลังด้วยกันคือ
1. มีแกนนำคือพรรคเพื่อไทย
2. มีกองกำลังจากอีสานและเหนือรวมกันแล้วประมาณ 6-7 หมื่นคน
3. มีเรดการ์ดที่ส่งไปฝึกที่เขมรประมาณ 5,000 คน และ
4. มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ซึ่งตอนนี้ยังขาดเพียงอำนาจตุลาการ
ฉะนั้นของเราก็มีวิธีเดียวที่พึ่งได้ก็เพียงอำนาจตุลาการเท่านั้น และในส่วนของกองกำลังพันธมิตรฯ มีเพียง
1. แกนนำพันธมิตรและ
2.แนวร่วมมือตบเท่านั้น
ฉะนั้นหน้าที่ของเรามี 3 ข้อด้วยกันคือ
1. ต่อต้านกฎหมายทำลายชาติ ต้านกฎหมายปรองดองและการแก้รัฐธรรมนูญ
2. กำจัดนักการเมืองชั่วๆ ในสภาให้ออกไป และ
3.ปฏิรูปใหญ่การเมืองไทย
ด้านนายพิภพ ธงไชย อีกหนึ่งแกนนำพันธมิตรฯ ที่ร่วมขึ้นเวทีเสวนาครั้งประวัติศาสตร์ด้วย ระบุว่า ตอนนี้ในแวดวงมีการวิเคาระห์กันหลายฝ่ายว่าทักษิณกำลังถูกใช้โดยคนหลาย ๆ กลุ่มหลาย ๆ ฝ่ายด้วยกันจนทำให้สภาพของทักษิณตอนนี้เหมือนซากศพที่เดินได้ แต่อย่าพูดว่าทักษิณน่าสงสารนะ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นการสมยอมให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เพราะผลประโยชน์รออยู่ข้างหน้า แม้แต่นักการเมืองอเมริกายังใช้ทักษิณเป็นเครื่องมือเพื่อจะเอาแหล่งน้ำมันในอ่าวไทยของประเทศไทยให้ได้ ทำให้ที่สภาพทักษิณในขณะนี้เพราะคนรอบตัวต่างใช้เป็นเครื่องมือแทบทั้งนั้น
ส่วนทักษิณเองหลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว กลับเงียบกริบยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือแสดงความคิดเห็นอะไร เป็นเพราะใจจริงเขานั้นต้องการให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยู่ได้นาน ๆ และอยู่ตลอดไป ประกอบกับกำลังมีการตกล่องปล่องชิ้นกับอเมริกาและกัมพูชาในเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ที่รออยู่ข้างหน้า ฉะนั้นทักษิณตอนนี้เลยทำตัวให้เป็นข่าวน้อยหน่อยและถือว่าศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินพร้อมกันได้ขยายอำนาจให้ประชาชนมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำเพราะเป็นการให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำอะไรกันบ้างอย่างไร
   "อะไรก็แล้วแต่ตอนนี้ถือว่าทักษิณเป็นเหยื่อของนักการเมืองไทย เพราะคนที่ไม่เอาทักษิณหรือไม่เอาทักษิณกลับไม่ใช่พันธมิตรฯ แต่เป็นคนรอบข้างเขานั่นเอง"
นายพิภพกล่าวต่อว่า หันมามองที่พรรคประชาธิปัตย์ถ้าไม่เปลี่ยนอดีตนายกฯ หรือหัวหน้าพรรคคนนี้ก็เชื่อได้เลยว่าพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้พรรคเพื่อไทยตลอดกาล
ขณะเดียวกัน พล.ต.จำลอง กล่าวด้วยว่าได้รับการร้องขอจากพันธมิตรเชียงใหม่ในการขอตั้งวิทยุชุมชนเพื่อถ่ายทอดสัญญานเสียงจาก ASTV ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากพันธมิตรเชียงใหม่ต้องการฟังการถ่ายทอดตลอดเวลาแม้จะต้องขับรถก็ตาม ซึ่งเรื่องดังกล่าวทาง พล.ต.จำลอง จะรับเรื่องส่งให้ส่วนกลางพิจารณา