ประชาไท 20 กรกฎาคม 2555 >>>
นัดสืบพยานคดี 112 คนขายซีดี ABC และวิกิลีกส์ ก่อนเริ่มสืบศาลหารือฝ่ายจำเลยระบุออกหมายเรียก เปรม-สิทธิ เพื่อสืบข้อเท็จจริงไม่น่าเป็นประโยชน์เท่าการสืบ “เจตนา” พร้อมย้ำเพียงหารือเพื่อความชัดเจน เปิดโอกาสสู้เต็มที่และเป็นกลาง ทนายจำเลยยอมปรับเน้นสืบเจตนา ยื่นบัญชีพยานเพิ่ม-เลื่อนสืบเป็น 20 พ.ย. 55 ส่วนคำร้องขอหมายเรียก 2 นายพลยอมระงับไว้ก่อน
19 ก.ค. 55 ห้องพิจารณา 802 ศาลอาญารัชดา มีนัดสืบพยานจำเลยในคดีนายเอกชัย (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาขายซีดีสารคดีข่าวผลิตโดยสำนักข่าว ABC ออสเตรเลีย และเอกสารวิกิลีกส์ เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ตามมาตรา 112 โดยนายเอกชัยมีกำหนดขึ้นเบิกความเองในวันนี้ นอกจากนี้ศาลยังนัดหมายอ่านคำสั่งใน 2 เรื่อง คือ การออกหมายเรียกพยานตามร้องของทนายจำเลย คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และพล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา กับคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ามาตรา 112 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์ในเวลาประมาณ 10.00 น. ก่อนการพิจารณาจะเริ่มต้น ศาลได้สอบถามแนวทางการต่อสู้คดีจากทนายจำเลย และท้ายที่สุดมีการเลื่อนการสืบพยานไปเป็นวันที่ 20 พ.ย. นี้ในเบื้องต้นและสามารถนัดเพิ่มได้อีกหากไม่เพียงพอ เนื่องจากทนายจำเลยได้ขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม อาทิ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์, นักประวัติศาสตร์ นักภาษาศาสตร์ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงการสอบถามแนวทางระหว่างศาลกับทนายจำเลยในวันนี้ว่า ศาลระบุว่าเหตุที่ต้องมาสอบถามเนื่องจากอ่านคำแถลงแนวทางการสืบพยานที่ใช้ประกอบคำร้องเพื่อเรียกพยาน คือ พล.อ.เปรม และ พล.อ.อ.สิทธิ แล้ว ยังไม่เป็นที่ชัดแจ้งว่าจำเลยจะต่อสู้ในข้อเท็จจริงของข้อความตามฟ้องซึ่งปรากฏอยู่ในเอกสารวิกิลีกส์ หรือจะสู้เรื่องเจตนาของจำเลย ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยได้รับไปแล้วว่าจำหน่ายจริงด้วยมุ่งหมายให้ประชาชนเข้าถึงข่าวสารรอบด้าน โดยผู้พิพากษาได้อธิบายว่าในคดีเช่นนี้ การสืบในข้อเท็จจริงนั้น หากสืบได้ว่าจริงก็เป็นการหมิ่น และหากสืบได้ว่าไม่จริงก็ยิ่งหมิ่นมากขึ้นอีก การมุ่งสืบเรื่องข้อเท็จจริงจึงอาจไม่เป็นประโยชน์มากนัก แต่หากฝ่ายจำเลยยังประสงค์จะต่อสู้ในเรื่องข้อเท็จจริงก็เป็นสิทธิที่กระทำได้ ศาลเปิดโอกาสให้สู้คดีเต็มที่ และยืนยันว่าพร้อมจะรับฟังทุกฝ่ายอย่างเป็นกลาง มิได้ต้องการชี้นำแต่เป็นการหารือกันเพื่อความชัดเจน
เบื้องต้นทนายจำเลยพยายามยืนยันว่ายังคงต้องการให้เรียกพยานทั้งสองมาสืบในทางข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม หลังการหารือดำเนินไปราว 20 นาที ทนายจำเลยได้ขอพักเพื่อหารือกับคณะทำงานภายนอกห้องพิจารณาอีกราว 20 นาที แล้วจึงกลับมาแถลงต่อศาลว่าพร้อมจะให้น้ำหนักในการต่อสู้เรื่องเจตนาของจำเลยเป็นหลัก แต่ก็จะต่อสู้ในเรื่องข้อเท็จจริงด้วย อย่างไรก็ดี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางเพิ่งเกิดขึ้นจึงขอเลื่อนการสืบพยานในนัดนี้เพื่อยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม ซึ่งศาลก็อนุญาตตามทนายจำเลยร้องขอ ขณะเดียวกันทนายจำเลยก็ยินยอมระงับคำร้องในการเรียกพยาน 2 ปากคือ พล.อ.เปรม และ พล.อ.สิทธิ ไว้ก่อน โดยผู้พิพากษาระบุเพิ่มเติมว่า หากสืบพยานทั้งหมดแล้วเสร็จ และยังไม่เป็นที่พอใจ ทนายจำเลยยังคงมีสิทธิในการยื่นคำร้องให้ออกหมายเรียกพยานทั้งสองมาสืบได้ แต่ก็เป็นดุลยพินิจของศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่
ส่วนกรณีที่ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มาตรา 112 ขัดรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนหรือไม่นั้น ศาลมีคำสั่งส่งคำร้องพร้อมเอกสารต่างๆ ให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้วในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือระหว่างศาลกับทนายจำเลย จำเลย รวมถึงอัยการ ก่อนจะมีการนัดหมายกันใหม่ในวันที่ 20 พ.ย. 55 นั้นใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยผู้พิพากษาพยายามอธิบายรายละเอียดต่างๆ โดยย้ำหลายครั้งว่าเป็นการหารือกันเท่านั้น มิใช่การชี้นำหรือจำกัดสิทธิ แต่เหตุที่ต้องมีการอธิบายความกับทนายจำเลย รวมไปถึงผู้เข้าร่วมฟังคดีในห้องพิจารณาด้วยนั้นเพราะคดีเช่นนี้เป็นคดีละเอียดอ่อน และไม่ต้องการให้ประชาชนเข้าใจศาลผิด