"ภูมิธรรม เวชยชัย" ปรากฏตัวทางการเมืองกับฝ่ายเพื่อไทย อีกหนด้วยความจงรักภักดี ทำให้เมื่อถึงเวลาเขาจึงถูกดันมาอยู่เบื้องหน้าเป็น ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย คนที่ 3 รับไม้ต่อจาก ปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้อำนวยการคนที่ 2 และ นิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ผู้อำนวยการคนที่ 1
แม้จะถูกครหาว่าเคยตีจาก "พ.ต.ท.ทักษิณ" แต่เขาปฏิเสธกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า 6 ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยตีจากไปไหน ยังแวะเวียนให้คำแนะนำกับ พรรคพลังประชาชน และ พรรคเพื่อไทย อยู่เบื้องหลัง
Job Description ของคุณภูมิธรรมในฐานะ ผอ. พรรคทำอะไรบ้าง
ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวการณ์ที่มีบุคลากรไม่พอ พอช่วงที่ปลดเปลื้องคนบ้านเลขที่ 111 ผู้ใหญ่ก็เห็นว่าตัวผมมีประสบการณ์ตั้งแต่สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย เหล่านี้คงเป็นเหตุที่เข้ามาทำงาน คิดว่าจะช่วยประสานวางระบบต่าง ๆ ให้มันดีขึ้น และพรรคก็คงต้องปรับตัวที่จะรองรับภารกิจใหม่ ๆ ต่อจากนี้ไปจะเห็นการบริหารจัดการสำนักงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการบริหารจัดการสมัยใหม่
การบริหารจัดการสมัยใหม่เป็นอย่างไร
คือการบริหารจัดการที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นักบริหารในปัจจุบันที่ทันกับเหตุการณ์ ไม่ใช่อยู่แต่ในองค์กรแล้วก็นั่งคิดว่าจะทำอะไรในองค์กร เราสามารถตอบรับการเปลี่ยนแปลงและรับผลกระทบจากสภาวะแวดล้อมที่มาถึงตัวเราได้ว่า สังคม สภาพแวดล้อม ความนึกคิด หรือความรู้สึกต้องการของสังคมเป็นอย่างไร พรรคก็ต้องปรับตัวแล้วเปลี่ยนแปลงให้ทันความต้องการของสังคมให้ได้ และพรรคเพื่อไทยกำลังดึงให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของพรรคให้มากขึ้น
นำมาสู่การที่ใช้ระบบ Primary Vote
primary vote เป็นทิศทางหนึ่งที่เราสนใจและอยากจะทำ ในอดีตเป็นพรรคไทยรักไทยเราขยายสมาชิกทั่วประเทศ 14-15 ล้านคน แต่หลังจากยุบพรรคก็กระจัดกระจาย วันนี้พรรคเพื่อไทยมีสมาชิกพรรคไม่ถึงล้านคน ต้องรื้อฟื้นการประชุมฝึกอบรมรับสมาชิกของพรรคให้ขยายตัวกว้างขวางขึ้น และจะดึงคนที่มีความแอ็กทีฟ เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานของพรรค ทิศทางของพรรคก็จะถูกกำกับโดยประชาชนให้มีทิศทางที่ตอบสนอง
แนวคิดนี้เพื่อทำให้ประชาชนลบภาพทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
เราพูดต่อสาธารณชนว่าทักษิณคิด เพื่อไทยทำ พรรคไม่ได้ปฏิเสธความคิดดี ๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพ มีความสามารถในการคิดสิ่งดี ๆ หรือนักวิชาการที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค เขาเสนอความคิดเห็นอย่างไรมาเราก็ต้องใส่ใจคิดฟังสิ่งต่าง ๆ ให้มากขึ้น ส่วนจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนก็ว่ากันอีกที
ฝ่ายตรงข้ามมักโจมตีว่าพรรคทำเพื่อคุณทักษิณคนเดียว จำเป็นที่จะต้องลบภาพตรงนี้ออกไปก่อนหรือไม่
การเข้าไปเกี่ยวพันยึดโยงกับคุณทักษิณ ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย คนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคเพื่อไทยก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา มีแต่ฝ่ายค้าน ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ จริง ๆ เราทำงานการเมืองในทิศทางเปิด ไม่มีสิทธิ์บอกว่าอยากได้ความคิดนั้น ไม่อยากได้ความคิดนี้ ดังนั้น เราจะยึดโยงกับคุณทักษิณในแง่ได้คิด ได้เห็น ได้รับฟัง กับแนวคิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ผมคิดว่าเราพยายามยึดโยงกับทุกฝ่าย ผมกำลังรื้อฟื้นการทำงานของกลุ่ม Think Tank เป็นกลุ่มที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ผมได้คุยกับนักวิชาการ ว่าเราจะมีกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งมาคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ เหมือนที่ทำในพรรคไทยรักไทย ที่เราไปคุยกับกลุ่มวิชาชีพต่าง ๆ นโยบายดี ๆ จำนวนมากที่ประสบความสำเร็จเราได้มาจากวงกลุ่มแบบนี้ เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ก็ได้มาจากวงนี้
การเข้ามาของคุณภูมิธรรม เพื่อหลอมรวมนักการเมืองรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ให้เป็นทีมเดียวกัน
ไม่อยากพูดอย่างนั้น ผมเข้ามาเป็นตัวเชื่อมประสานให้ทรัพยากรต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกพรรคได้มีโอกาสเข้ามาสร้างพรรคนี้ ผมเองก็อาจเป็นคนเก่าที่รู้จักมักคุ้นหลายคน ทำงานร่วมกันมา มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกส่วนมาโดยตลอด ก็คงจะเป็นส่วนที่ช่วยเรื่องต่าง ๆ ได้-พรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงจำเป็นต้องเดินหน้าแบบสองขาคู่ขนานต่อไปหรือไม่
ต้องยอมรับว่าในแง่ของพรรคเพื่อไทยกับมวลชนคนเสื้อแดงที่มีอยู่ มีทั้งความเหมือนและความต่าง คนเสื้อแดงทั้งหมดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเจตนารมณ์ของคนเสื้อแดงที่อยากเห็นสังคมไทยเป็นประชาธิปไตย ตรงกับเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทย มีลักษณะร่วมกันทางการเมืองหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องทิศทางการพัฒนาประชาธิปไตย และความต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง
อะไรคือความแตกต่างระหว่างคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทย
ในหมู่มวลชนคนเสื้อแดง คนที่เข้ามาร่วมก็มีความเห็นในหลายเฉด บางคนก็บอกว่าเขารักคุณทักษิณก็มาอยู่ในขบวนนี้ บางคนเริ่มต้นจากประชาธิปไตย มันก็มีดีกรีความแตกต่างกัน ถึงแม้สิ่งที่เป็นเป้าหมายตรงกัน วิธีการคิด วิธีการทำงาน ก็ยังอาจต่างกันได้ เหมือนเราบอกว่าจากตรงนี้ (พรรคเพื่อไทย) จะไปสนามหลวง บางคนออกคลองเตย ส่วนผมขึ้นทางด่วนไปลงยมราช มันไปได้หลายทาง
การที่พรรคเพื่อไทยเดิน ๆ หยุด ๆ ในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ-ปรองดองหลายครั้ง การเดิน 2 ขาอาจไม่ได้ไปด้วยกันตลอด
เรื่องประชาธิปไตยทุกคนก็อยากเห็น มันต่างกันแค่ดีกรีของการหาทาง ออกเท่านั้น เช่น เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ นักวิชาการบางคนบอกว่าให้มีองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญ บางคนบอกให้เดินหน้าลงมติวาระ 3 เลย อันนั้นไม่ได้เป็นเรื่องผิด แต่ในแง่ของพรรคการเมืองมันไม่ใช่เรื่องของความถูกต้องถูกใจอย่างเดียว
เรายืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยังคงเป็นเป้าหมายของเรา เพราะเราเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ที่ใช้อยู่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยในหลายเรื่อง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญและปรองดอง เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ต้น แต่อะไรที่ทำให้เสียงข้างมากในสภาไม่สามารถลาก 2 เรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ใน 1 ปี
(สวนทันที) อยากถามเหมือนกันว่ามองอย่างไร อะไรที่ทำให้เราไม่สามารถทำได้ทั้งที่เราเป็นเสียงข้างมาก แล้วกลายเป็นว่ามั่วไปหมด ผมไม่เคยได้ยินคำว่าเผด็จการเสียงข้างมาก วันนี้ไม่ใช่เสียงข้างมากพยายามลากไป แต่เสียงข้างน้อยพยายามลากไปอยู่
อะไรทำให้เสียงข้างมากเดินหน้าออกกฎหมายต่าง ๆ ไม่ค่อยสะดวก
ต้องกลับไปดูพัฒนาการของการยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2549 ทั้งการดีไซน์กลไกกฎหมายสูงสุด กลไกการบริหารรัฐธรรมนูญทั้งหมดคือปัญหาที่ดำรงอยู่ จึงเป็นที่มาของการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยว่าการกำหนดใช้รัฐธรรมนูญ การสร้างกลไกที่เกิดขึ้นเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย
พรรคประชาธิปัตย์เองก็รู้ ก็แก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งหลายมาตรา ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรเลย เพราะเขารู้ว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาเยอะ เนื่องจากเขียนควบคุมพฤติกรรมและควบคุมการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคการเมือง
ต้องปลดล็อกตรงไหนเพื่อให้งานในสภาเดินหน้าต่อไปได้
โห...เยอะเลย ผมคิดว่าต้องให้พี่น้องประชาชนมาร่วมกันปลดล็อก อย่างน้อยที่สุดคือรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ต้องแก้แน่นอน ขืนตีความแบบนี้เราเรียนกฎหมายมา คำว่า "และ" กับ "หรือ" มันไม่ใช่คำเดียวกัน
ในวันที่พรรคเพื่อไทยมีอำนาจบริหาร และเสียงข้างมากในรัฐสภา ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงเลือกทางขับเคลื่อนนโยบายไม่ได้
(สวนทันที) รัฐธรรมนูญก็คืออุปสรรคของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะการตีความมันไม่มีบรรทัดฐาน การเมือง
วันนี้มันผิดไปจากกรอบที่ควรจะเป็น เมื่อก่อนถ้าคุณมองสถานการณ์หนึ่ง แล้วคุณถามหลายเรื่อง คนตอบไม่รีรอที่จะตอบ เช่น คนนี้ไปทำอย่างนี้คิดว่าผิดไหม คำถามแบบนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะไม่เป็นปัญหาเลย และจะตอบว่าโอ๊ยนี่ผิด เพราะหลักของมันเป็นอย่างนี้ หรือถามว่ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ได้หรือไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ที่ตีความอย่างทั่วไปอันนี้ยื่นไม่ได้
แต่วันนี้ชัดเจนว่ามันไม่เป็นไปตามหลัก คุณถามหลายคำถามแต่ไม่มีใครกล้าตอบคุณ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็จะบอกว่ายังไงคำร้องต้องหลุด เพราะไม่มีอำนาจร้อง ยกคำร้องแน่นอน แต่วันนี้คุณกล้าพูดอย่างนี้ไหม มันอยู่ที่ดุลพินิจ ดุลพินิจมันพูดยาก (หัวเราะ)
เรื่องรัฐธรรมนูญอาจเป็นเรื่องใหญ่ที่
เราอาจฝ่าไปไม่ได้ แต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างกรณีนาซ่าที่ขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาสำรวจสภาพภูมิอากาศก็ยังมีปัญหา
(สวนทันที) ผมไม่คิดว่าฝ่าไม่ได้ แต่มันต้องใช้เวลา แต่เรื่องนาซ่ามีข้อจำกัดหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเงื่อนไขเวลา เราก็ไม่ได้ซีเรียสคิดว่ามันจะไม่ผ่าน เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนริเริ่ม ผมคิดว่าคนที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดควรจะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่รัฐบาล แต่กลายเป็นการเบี่ยงประเด็นว่ารัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพทั้งที่ไม่ใช่เลย
ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงต้องกลัวการตรวจสอบถ่วงดุลจากกลไกรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหาร
(สวนทันที) คุณว่าน่ากลัวไหมล่ะ คุณเป็นพรรคเพื่อไทยคิดว่าน่ากลัวไหม พรรคไทยรักไทยถูกยุบจากข้อกล่าวหาว่ามีกรรมการบริหารพรรคท่านหนึ่งไปทำผิดกฎหมาย ข้อพิสูจน์ว่าทำผิดหรือไม่ผิดยังไม่ชัดเจนเลย ไม่มีนะที่ลูกไปฆ่าคนตายแล้วเอาพ่อไปติดคุกด้วย ใครผิดคนนั้นก็ต้องติดคุก ใครทำอะไรต้องลงโทษคนนั้น แต่นี่อยู่ ๆ คุณเอากรรมการบริหารพรรค 111 มาติดคุกไปด้วย แล้วทั้ง ๆ ที่ตอนวินิจฉัยไม่มีโทษความผิดเรื่องนี้เลย แล้วคุณกลับมาย้อนหลังมาตัดสิทธิ์คุณก็ทำมาแล้ว
วิเคราะห์ว่ากลุ่มไหนที่มีความพยายามไล่บี้ไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย
ก็นี่ไงพรรคฝ่ายตรงข้ามเราที่พยายามไล่บี้เรา กลุ่มอำนาจเดิมที่มีบทบาทและยังหวงแหนอำนาจอยู่ พรรคการเมืองฝ่ายค้านก็อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในแง่นี้
แต่ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเพื่อไทยก็มีกลุ่มอำนาจเดิมในฝั่งของรัฐบาลเหมือนกัน
(สวนทันที) แล้วแต่จะเรียก ผมไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงว่าจะบัญญัติศัพท์ว่าอะไร ผมพูดแค่ว่ามันมีคนกลุ่มหนึ่งที่เสียประโยชน์ จากการเกิดขึ้นและเติบโตของพรรคไทยรักไทย ก็คือกลุ่มการเมืองเก่า ๆ กลุ่มต่าง ๆ ที่เคยมีบทบาทอยู่ พรรคไทยรักไทยประกาศตัวดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแบบใหม่ และประสบความสำเร็จจนสร้างประวัติศาสตร์การเมืองหน้าใหม่ คือ มีเสียงเกือบ 400 คน ดังนั้นหากปล่อยให้เข้มแข็งต่อไปอีก 20 ปี คนพวกนี้จะได้กลับมาหรือไม่ก็ยังไม่รู้
เคยบอกว่าคุณทักษิณโดนปฏิวัติ เพราะเป็นคนคิดไวทำไวจนอีกฝ่ายไม่พอใจ ปัจจุบันคนกลุ่มนี้เป็นอย่างไร
เราเรียนรู้อย่างหนึ่งว่า ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไร มันก็ต้องคิดเยอะขึ้นจริง ๆ มีด้านดีการแสดงความคิดเห็นอะไรแล้วต้องแก้ไขอย่างเร่งรีบ ส่วนหนึ่งที่ประชาชนชื่นชมและถูกใจ แต่เราเรียนรู้อย่างหนึ่งว่าบางเรื่องมันต้องการเวลามากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจให้ส่วนที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เมื่อคุณภูมิธรรมเห็นสัญญาณไม่ดี เลยชิงลาออกไปก่อนเป็นคนแรก ๆ
ผมไม่ได้ออกจากสมาชิกพรรคและทิ้งพรรคไปไหน การเปลี่ยนสถานะตรงนั้นเพื่อที่จะดูว่า พรรคจะโดนจัดการอย่างไรและจะมีคนทำงานเหลือเท่าไร ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ได้รับการต้อนรับจากพรรคเพื่อไทยอย่างนี้หรอก เพราะผมก็ทำงานในแง่แสดงความเห็นให้กับพรรคเพื่อไทยต่อเนื่องมาตลอด ไม่อย่างนั้นผมกลับมาไม่ได้หรอก ไม่ใช่การชุบมือเปิบอย่างที่เข้าใจ
อาจสรุปได้ว่าชื่อของคุณภูมิธรรมยังอยู่กับที่มาโดยตลอด
หลายพรรคที่โดนตัดสิทธิ์ไปเขายังเข้าไปมีกรรมการเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำไป (หัวเราะ) เราไม่ได้อยากเป็นตัวแปรที่สร้างปัญหา แต่การเสนอความเห็นผมไม่เคยปิดบัง ไม่ได้เข้ามาเคลื่อนไหวหรือเข้ามาบริหารจัดการอะไร แต่คนไทยมีสิทธิ์เสนอความคิดดี ๆ ทั้งนั้นล่ะ