ประวิตร โรจนพฤกษ์: บทสนทนาระหว่างผู้พิพากษาคดี ม.112 กับทนายอานนท์

ประชาไท 21 กรกฎาคม 2555 >>>


บทสนทนาระหว่างท่านผู้พิพากษา อภิสิทธิ์ วิระมิตรชัย หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายเอกชัย (สงวนนามสกุล) กับทนายฝ่ายจำเลย ทนายอานนท์ นำภา เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2555 (ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการพิจารณาคดี) น่าจะช่วยให้สังคมเข้าใจรายละเอียดของการต่อสู้คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพดีขึ้น ผู้เขียนซึ่งได้บันทึกบทสนทนาด้วยปากกาจึงขอนำบางส่วนของการสนทนาดังกล่าวมาเผยแพร่ โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่สังคม (นายเอกชัยถูกจับเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2554 ข้อหาขายก้อปปี้ CD สารคดีเรื่องอนาคตสถาบันกษัตริย์ไทยกับ ม.112 ของโทรทัศน์ออสเตรเลีย the Australian Broadcasting Corporation (ABC) พร้อมเอกสาร WikiLeaks สองชุดที่มีการอ้างคำพูดของ ประธานองคมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ องค์มนตรี พลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา อดีต นายกรัฐมนตรี นายอานันท์ ปันยารชุน และ นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในตอนนั้น-เอกชัยถูกจับแถวสนามหลวงหลังตำรวจนอกเครื่องแบบล่อซื้อ CD ในราคา 20 บาทแถวสนามหลวง เอกชัยถูกขังคุก 9 วันก่อนได้รับการประกันตัว และปัจจุบันอยู่ระหว่างการต่อสู้คดี)
ผู้พิพากษาอภิสิทธิ์: ถ้า [ม.112] ขัดรัฐธรรมนูญ ก็จบ ใช้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ คุณจะสู้คดีอย่างไร? ยิ่งจริงยิ่งหมิ่น ฟังก่อน และถ้าไม่จริงก็โคตรหมิ่นเลย เพราะฉะนั้นการพิสูจน์ว่าจริงไม่จริง ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณเลย… ให้คุณพิจารณาเอาเอง มันไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวคุณเลย…
ทนายอานนท์: ถ้า [ข้อมูลในวิดีโอและ WikiLeaks] เป็นความจริง เราก็สู้โดยสุจริต ปัญหาคือจะเรียนเชิญทั้งสอง [พลเอกเปรม กับ องคมนตรีสิทธิ] และขอหมายเรียก [จากศาล] มา 3 ครั้งแล้ว
ผู้พิพากษา: พยานไม่เป็นประโยชน์ต่อคดี
ทนายอานนท์: ผมเชื่อว่าท่านองคมนตรีจะพูดความจริง
ผู้พิพากษา: ถ้าคุณจะอ้างว่าผมจะพูดถึงใครก็ได้ อันนั้นก็อ้างรัฐธรรมนูญมา …แต่เรื่องข้อความทางกฎหมาย ยิ่งจริงยิ่งหมิ่น…เข้าใจเปล่า ?... ถ้าไม่มีผลในคดีเท่าที่ควร ทำไปมันก็ไม่ได้อะไร มันได้แต่ความสะใจ
ทนายอานนท์: ท่านองคมนตรีเป็นหลักสังคม ท่านจะพูดความจริง
ผู้พิพากษา: ฝ่ายโจทก์ไม่ได้โต้เรื่อง WikiLeaks ไม่ได้โต้เนื้อหาว่าจริงไม่จริง เขาบอกข้อความเป็นการหมิ่น ศาลก็ไม่ได้คัดค้านอะไรคุณ แต่คุณลองคิดให้ดีก่อน [ถ้า] มาดูเอ๊ะ จะสู้แนวไหนกันแน่ มันจะเป็นผลดีกับตัวคุณเอง…
ทนายอานนท์: (บอกว่ากฎหมายค้มครองไม่ให้วิจารณ์องค์ประมุขเท่านั้น ไม่รวมพระราชินีหรือองค์รัชทายาท)
ผู้พิพากษา: ตีความเถียงอาจารย์ ก็สอบตก ไม่ได้เกรดเอ (A) … ศาลตีความให้ได้เลยว่าขัด [ม.112] ไม่ขัด อย่าเข้าใจผิดนะ ศาลเปิดโอกาสให้คุณสู้คดี เต็มที่เลย
ทนายอานนท์: ผมคิดว่าแนวทางการต่อสู้ค่อนข้างจะชัดเจนว่าข้อความเป็นความจริง เราก็ยืนยันว่าเราสู้แนวข้อเท็จจริง….
ผู้พิพากษา: ไม่มีธง…พูดแบบแฟร์ๆ
หลังจากนั้นก็ศาลก็ให้พักหารือ 20 นาที และมีการถกเถียงกันในกลุ่มของเอกชัยอย่างดุเดือดว่าจะเอาอย่างไรต่อ และข้อดีข้อเสียแต่แนวทางต่อสู้คดีแต่ละแบบเป็นอย่างไร
เอกชัยบอกผู้เขียนว่า ‘คดีผม สำคัญที่สุดต้องเอา […] 3 คนนี้มา […] ต่อให้สู้เรื่องเจตนา ผมก็ไม่รอด’
20 นาทีผ่านไป ศาลสองท่านขึ้นบัลลังก์ แล้วทนายอานนท์ก็ยังยืนยันว่าอยากจะพิสูจน์ความจริงของข้อมูลใน WikiLeaks และวิดีโอ ABC
ผู้พิพากษา: คืออย่างนี้ ศาลไม่ขัดขวาง ศาลพูดเป็นแนวทางเฉยๆ ไม่ได้บังคับ โจทก์ไม่ได้โต้เถียงเรื่องข่าว WikiLeaks เลยว่าไม่มีหรือไม่มีการพูด อ้างพยานเพิ่มเติมถ้ามีเหตุผลศาลให้อยู่แล้ว ศาลรู้และเข้าใจความเป็นกังวลของจำเลย [แต่] ถ้าสืบเรื่องข้อเท็จจริงอย่างเดียวจะเสียต่อคดี
ศาลไม่ได้แนะนำ ไม่ได้มีอะไร ไม่ได้กลัวอะไร… ศาลบอกว่า คุณจะสู้แนวไหน
ทนายอานนท์: ในบันทึกการจับกุม [เอกชัย] จำเลยใช้คำว่า [ข้อมูล] เป็นคำพูดไม่เหมาะสม [ซึ่งอาจต่างจากคำพูดหมิ่น]
ผู้พิพากษา: จำเลยสู้ว่าไม่มีเจตนาหมิ่น เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและสิทธิเสรีภาพก็ว่าไป เอาอย่างนี้ดีกว่า ศาลอธิบายนิดนึงนะ ศาลไม่ได้ปิดกั้นเรื่องพยาน
เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน ศาลเป็นกลางจริงๆ ศาลไม่มีอะไรเลย ศาลก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง
พูดตรงๆเลย บางทีแพ้ทางเทคนิคมันเจ็บใจ… ศาลไม่ได้บอกแนว [ต่อสู้คดี] นะ ศาลถามแนวทางเพื่อให้คุณมีโอกาสเตรียมตัวสู้คดีอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญ [ว่า ม.112 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่] ศาลอนุญาตให้ส่งนะ
เรื่องหมายเรียก [ให้พลเอกเปรมกับ พลอากาศเอกสิทธิ] ของดไว้ก่อน ไม่ใช่งดเลย ศาลเข้าใจว่าคุณกังวล งดไว้ก่อนไม่ใช่ไม่ออกแล้ว