“หมอประเวศ” เชื่อ พรบ.ปรองดอง เกิดยากแนะฝ่ายค้าน-รัฐเลิกมองกันเป็นศัตรู

สยามธุรกิจ 15 มิถุนายน 2555 >>>


นายแพทย์ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวในเวทีเสวนา หัวข้อ สมานฉันท์ปรองดอง ในมุมมองของศาสนาและประชาชน เพื่อให้หลักธรรมทางศาสนาซึ่งเป็นทุนทางสังคม เป็นกลไกหนึ่งในการแก้ไขความขัดแย้ง โดยระบุว่า การเมืองของไทยที่มีการใช้อำนาจเผด็จการ และการยึดถือศักดิ์ศรีมากเกินไป เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดความขัดแย้งได้ง่าย การพยายามใช้อำนาจ ทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อน แต่คนไทยกลับเคยชินกับการใช้อำนาจในการแก้ปัญหา ทั้งนี้เคยพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า อย่าใช้อำนาจในสังคมที่ซับซ้อน จะทำให้เกิดการตีกลับจนเกิดความขัดแย้งที่รุนแรง ดังนั้น นอกจากทุกคนจะให้ความสำคัญกับอำนาจรัฐ อำนาจเงินแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญกับอำนาจทางสังคมโดยการทำให้ประชาชนเข้มแข็งและมีพลัง เกิดการรวมตัวกันเป็นประชาสังคม และต้องเปิดพื้นที่การแสดงความคิดเห็นทางปัญญาและศาสนาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเรื่องศาสนาที่ถือเป็นกลไกหนึ่งในอำนาจทางสังคมที่สามารถทำให้ประเทศเกิดสันติสุขได้ ดังเช่น ประเทศในแถบแอฟริกาใต้ที่มีความขัดแย้งเรื่องสีผิวและชนชั้น แต่ก็คลี่คลายได้จากการที่ผู้นำศาสนาเชื่อมโยงให้เกิดการพูดคุยกัน
นอกจากนี้ รัฐบาลถือเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหา ได้แก่ ความยากจน ความไม่ยุติธรรมในสังคม ความรุนแรงภาคใต้การเข้าถึงทรัพยากรอย่างเป็นธรรมได้ ด้วยเหตุนี้ ประชาชนจึงกลัวว่าการปกครองของรัฐอาจจะเป็นสถานภาพ ว่า รัฐล้มเหลว ได้ จนอาจถึงกลียุค ซึ่งเราต้องร่วมมือกันไม่ให้ไปถึงจุดนั้น แต่ภาครัฐต้องส่งเสริมภาคสังคมและศาสนาเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทั้งนี้ ได้เสนอความเห็นด้วยว่า สถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ควรมีรายการการจัดเวทีประชาเสวนา เนื่องจากเป็นกระบวนการประชาธิปไตย ที่สามารถเปิดพื้นที่ทางสังคมและพื้นที่ทางปัญญาได้มากขึ้น
ส่วนการสร้างความปรองดองในประเทศโดยการพยายามออกกฎหมายปรองดองนั้น ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะเมื่อมีการออกกฎหมายก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็คาดหวังว่าอย่าทำให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้เชื่อว่า สถานการณ์คงไม่ถึงขั้นรุนแรงมากนักเพราะ เราเคยผ่านความรุนแรงมาแล้ว และคิดว่าคนไทย เป็นคนยั้งคิดไม่เอาความรุนแรงแน่นอน ทั้งนี้เชื่อว่า ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในสังคมไทยขึ้นอยู่กับอำนาจการตัดสินใจของรัฐว่าต้องการจะให้เกิดความรุนแรงหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่ารัฐไม่อยากให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนที่มีอำนาจเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลมากก็ตาม เพราะเนื่องจากเป็นบุคคลที่สามารถสั่งการรัฐบาลได้ แต่ การมีอำนาจมากของคุณทักษิณนั้นจะทำให้เกิดความถูกต้องได้ถือว่าเป็นเรื่องยาก จึงอยากฝากไปยัง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ประเทศจะเกิดความปรองดองสมานฉันท์ได้ต้องสร้างสังคมให้เกิดความเป็นธรรมโดยไม่กระจุกอำนาจไว้ที่ส่วนกลางเพียงอย่างเดียว แต่ต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเพื่อป้องกันปัญหาการคอรัปชั่น และการแก่งแย่งอำนาจ ทั้งนี้ยังกล่าวว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถทำให้สังคมเกิดความเป็นธรรมได้ก็จะถือเป็นประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม ความเป็นธรรมนั้น ไม่ใช่มองเฉพาะการออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือแม้แต่การยกเลิกคดี คตส. แต่ความเป็นธรรมในสังคมเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น คือ การเข้าถึงทรัพยากร ที่คนยากจนต้องเข้าถึงอย่างเท่าเทียม เป็นต้น
ทั้งนี้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทยเชื่อว่าอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งและยุ่งยากได้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีทั้งคนรักและคนเกลียด และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจควบคุมรัฐบาลอยู่นอกประเทศก็มองว่าน่าจะเพียงพออยู่แล้ว พร้อมเชื่อว่านายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศคือ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตามปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน มีทางออกได้ก็ต่อเมื่อ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล โดยเชื่อว่าการมองกันแบบศัตรูที่แบ่งเป็น 2 ฝ่ายเป็นการมองที่ล้าสมัยไปแล้ว
นายแพทย์ประเวศ กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ น่าจะอยู่ได้ยาว เนื่องจากมีปัจจัยเสียงข้างมากในสภา ที่ทุกฝ่ายต้องเคารพกันอยู่ แต่ทั้งนี้ ต้องตระหนักไม่ให้เกิดการกระทำที่รุนแรง ส่วนการเดินเกมส์นอกสภาของฝ่ายค้านที่มีการตั้งเวทีเสวนา นั้น ระบุว่า หากมีการพูดคุยกันโดยนำข้อมูล หลักฐานมาอ้างอิง และปราศจากการลงไม้ลงมือที่รุนแรงกัน บ้านเมืองก็จะสามารถขยับไปในทิศทางที่ดีได้