ข่าวสด 15 มิถุนายน 2555 >>>
การเสนอให้รัฐสภาพิจารณาญัตติที่เกี่ยวกับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยพรรคเพื่อไทย มีอันต้อง "ล่มกลางสภา" อันเนื่องจากเสียงหนุน 318 เสียงของพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว. ที่สนับสนุนรัฐบาลมีไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิก ประเด็นนี้สะท้อนบรรยากาศในรัฐบาลอย่างไร
อุดมเดช รัตนเสถียร
ประธานวิปรัฐบาล
พรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้ร่วมโหวต 6 คน เป็นรัฐมนตรี ส่วนอีก 2 คน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คือ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน และ นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ ส.ส.ศรีสะเกษ ส่วน ส.ส. ที่เหลือต้องชี้แจงเหตุผลทุกคน รวมถึง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล
หลังลงมติเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา รุ่งขึ้นก็มีประชุมวิปรัฐบาล ผมให้ไปดูว่ามีใครบ้างที่ไม่ได้ร่วมโหวต และแต่ละคนมีเหตุผลอย่างไรที่ไม่สามารถลงมติได้ ต้องชี้แจงมาเพราะการอยู่ร่วมกันต้องฟังกัน
การอยู่ร่วมกัน หมายความว่าต้องมีมติไปในทิศทางเดียวกัน เหตุผลนี้พรรคร่วมรัฐบาลรับรู้ทั้งหมดและต้องมีคำตอบถึงเหตุผลที่สมาชิกพรรคไม่มาประชุม ไม่ร่วมโหวต
ก่อนการประชุม หรือมีมติเรื่องใด วิปประชุมหารือกันล่วงหน้าอยู่แล้ว และการประชุมร่วมรัฐสภานี้ก็ต่อเนื่องมาจากการประชุมเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งกรณีนี้ในส่วนของวิปรัฐบาลพูดกันชัดตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่กรณีนี้คงไม่ถึงขนาดทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพียงแต่ทุกพรรคต้องชี้แจงเหตุผลได้และต้องรับผิดชอบร่วมกัน
จริงๆ การลงมติครั้งแรกกรณีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญนี้ เป็นการลงมติเพื่อขอให้ที่ประชุมซึ่งอยู่ในสมัยสามัญนิติบัญญัติ ได้พิจารณาในเรื่องอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากข้อบังคับการพิจารณา โดยใช้เสียงกึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่
เสียงหนุนรัฐบาลที่ได้มาจาก ส.ส.เพื่อไทย พรรคร่วมจำนวนหนึ่ง ได้เสียงจาก ส.ว. อีก 41 เสียง จากที่มีอยู่ 100 กว่าคน อีกส่วนวอล์กเอาต์ตามฝ่ายค้าน
เสียงหนุนของ ส.ว. ผมไม่ได้พอใจแต่ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล และการนัดดำเนินการครั้งนี้ไปตรงกับ ส.ว. ส่วนหนึ่งที่มีภารกิจไปทำหน้าที่ในกรรมาธิการ อีกส่วนที่เขาไม่เซ็นชื่อ ไม่ร่วมกับเราอยู่แล้ว
เมื่อมติออกมาอย่างนี้ในพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีปัญหา หายไป 16 เสียง ซึ่งเป็นเสียงส่วนน้อยในพรรค จากที่มี ส.ส. 263-264 คน
ผลจากการลงมติครั้งนี้ทำให้พรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเราต้องใช้ความละเอียดในการจะย่างก้าวทางการเมืองในวาระสำคัญๆ เพราะเสียงของรัฐบาลที่เราคิดว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่
พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเห็นพ้องกันหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเห็นด้วยกับเราทุกเรื่อง เขาร่วมรัฐบาล เขาอาจไม่ช่วยเราทุกเรื่อง อย่าคิดว่าการอยู่ร่วมรัฐบาลแล้วเขาจะทำทุกอย่างตามเราทุกเรื่อง เรื่องไหนที่เขาไม่สบายใจก็อาจไม่มาร่วมได้ แต่ที่จริงการประสานต้องอาศัยการพูดคุยกันตรงๆ ควรพูดความรู้สึกจริงออกมา ไม่ใช่เก็บความรู้สึกไว้ในใจแล้วหาเหตุไม่มาประชุม
แต่ถามว่าจะสร้างความแตกแยกในรัฐบาลหรือไม่ ไม่ใช่ ต่างคนต่างมีเหตุผล แต่ก็ต้องระมัดระวังในการโหวต ซึ่งแสดงออกจากการลงมติวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา กรณีนี้ทำให้เราไม่ประมาท และต้องใช้ความระมัดระวัง
การลงมติดังกล่าวยังสะท้อนถึงการทำหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติด้วย เพระการขอมติครั้งนี้เป็นการขอมติเพื่อศักดิ์ศรีของสภานิติบัญญัติ และทำให้ทุกคนเห็นถึงความเป็นเสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยว่า แม้จะเป็นเสียงข้างมากในสภา แต่ไม่ใช่เสียงข้างมากของ 2 สภา ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากหลายส่วน
ดังนั้น องค์ประกอบการลงมติใดๆ ที่เกี่ยวกับรัฐสภา จึงต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วม และต้องได้รับการยอมรับในการดำเนินการสิ่งต่างๆ ร่วมกัน ต้องพิจารณา ประเมินความร่วมมือจาก ส.ว. และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแท้จริง
ภราดร ปริศนานันทกุล
วิปพรรคชาติไทยพัฒนา
ผมหารือพร้อมชี้แจงให้ประธานวิปทราบว่าที่หายไป 8 เสียงในส่วนของพรรคนั้น นายชุมพล ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ นาย ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินทางไปต่างประเทศ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ ก็ติดประชุม
ในส่วนของนายนพดล มาตรศรี ส.ส.สุพรรณบุรี ชี้แจงกับวิปของพรรคว่าอยู่ในห้องประชุม แต่เกิดความสับสนทั้งๆ ที่เสียบบัตรแต่ไม่ติด นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ ส.ส.พิจิตร นายธานินทร์ ใจสมุทร ส.ส.สตูล และนายตุ่น จินตะเวช ส.ส.อุบลราชธานี ก็ติดต่อไม่ได้
หลังมีมติวิปรัฐบาลออกมาแล้วผมแจ้งให้ ส.ส. ทุกคนของพรรคทราบ แต่หลายคนอาจติดขัดเรื่องเวลาที่โหวต หลายคนติดไปทำธุระข้างนอกกลับมาไม่ทัน ไม่มีเจตนาอย่างอื่น
ผมบอกประธานวิปไปแล้ว และรายงานให้ผู้ใหญ่ในพรรคทราบแล้วว่า ส.ส. พรรคเราขาดไปถึง 8 คน จึงมีการเรียกประชุม ส.ส.ชาติไทยพัฒนา ในวันที่ 14 มิ.ย. เวลา 09.30 น. เพื่อหารือพูดคุยถึงการทำหน้าที่ในสภา โดยเฉพาะประเด็นว่าหากมีการหารือที่ประชุมสภาในประเด็นสำคัญๆ เช่นนี้ ทั้ง ส.ส. และวิปพรรคต้องประสานกันให้ชัดเจน
ในวิปรัฐบาลประธานบอกแล้วว่าอาจจะใช้คำว่าอาจจะน่ะครับ อาจจะมีการโหวตในเรื่องนี้หากสมาชิกเสนอญัตติก็ให้เตรียมเอาไว้ ได้แจ้งกันในวิปว่าให้เตรียมพร้อมเอาไว้
ยอมรับว่าส่วนหนึ่งถือเป็นความบกพร่องของวิปเราเองเรื่องการประสานงาน ผมก็รับผิดชอบ แต่อย่างที่บอกว่าถ้าลงไปดูในรายละเอียดรายคนแล้ว ไปต่างประเทศ 3 เข้าประชุมแต่มีปัญหาเรื่องบัตร 1 คน เท่ากับติดต่อไม่ได้แค่ 4 เท่านั้นเอง
ถ้าเปรียบเทียบกับพรรคใหญ่แล้วสัดส่วนก็ใกล้เคียง เพราะพรรคเพื่อไทยก็ขาดไปตั้ง 20 กว่า
วิปรัฐบาลได้หารือและได้คุยกันถึงแนวทางว่าต้องกำชับให้วิปแต่ละพรรคทำงานให้ละเอียดและเข้มแข็งมากกว่านี้
พันธุ์ศักดิ์ เกตุวัตถา
วิปพรรคพลังชล
ในส่วนของพรรคพลังชลผมชี้แจงไปแล้ว นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ไม่ได้มาประชุมไม่ใช่ความตั้งใจ แต่เพราะติดภารกิจในพื้นที่ เนื่องจากวันที่ 18-19 มิ.ย. นี้ จะมีการประชุมครม.สัญจรที่ชลบุรี
พรรคพลังชลในฐานะเจ้าของพื้นที่ก็ต้องเตรียมความพร้อมทั้งเรื่องงบประมาณ เตรียมงาน เมื่อภารกิจติดพัน ส.ส.สุชาติ วิ่งกลับเข้ามาแล้วแต่ไม่ทัน ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พลังชลเราทำอะไรต้องระวัง เราเจียมเนื้อเจียมตัวเพราะมีอยู่ 7 เสียง
สถานการณ์ขณะนี้ต้องยอมรับว่ามีประเด็นร้อนๆ ที่ทำให้ทุกคนหนัก ใจอยู่แล้ว เราไม่อยากให้ประชาชนเผชิญหน้ากัน ไม่อยากให้เกิดผลกระทบ เดี๋ยวสีเหลืองออก สีแดงออก เราไม่อยากให้เกิด
ในความเห็นของพรรคเพื่อไทยก็มี 2 ส่วน ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย แต่ผลสรุปก็ต้องเป็นมติพรรค
ในส่วนของพลังชล บางเรื่องเราก็มองว่าเราอยู่กันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล บางสิ่งบางอย่างก็ต้องแสดงจุดยืนได้โดยไม่กระทบกระเทือนต่อสังคม บ้านเมืองมากนัก ก็ต้องแสดงออก
บางทีพรรคก็อึดอัด เพราะบางเรื่องบางราวนั่งเรือลำเดียวกันแต่ไม่ใช่ว่าต้องตายไปพร้อมกัน เราต้องดูเหตุผล ต้องระวังไม่ให้เกิดผลกระทบ ไม่ใช่กับตัวผู้สมัคร หรือกลัวพรรคถูกยุบ แต่เป็นความรู้สึกของพรรคร่วมเพื่อนกัน และความรู้สึกของประชาชน ต้องคำนวณดูว่าจะให้น้ำหนักอย่างไร
ต้องเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยมีความต้องการอะไรของเขาอยู่ที่ต้องดำเนินการ กรณีที่ผ่านมาเขาต้องหันไปดูว่าควรต้องวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่าจะเดินไปได้หรือไม่ ความรู้สึกพรรคร่วมเป็นอย่างไร