เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย. 2555) นพ.เหวง โตจิราการ เปิดเผยเบื้องหลังของกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) บางส่วนที่ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
เพื่อนๆครับ ผมขอพูดอะไรหน่อยเกี่ยวกับ ผรท. นะครับ ที่จริง ผรท. (ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย) เป็นตราบาปของ พคท. (พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย) ที่พวกชนชั้นปกครองปฏิกิริยามอบให้ กล่าวคือในภาวะที่ พคท. เพลี่ยงพล้ำอย่างรุนแรง ชนชั้นปฏิกิริยาฉลาดพอที่จะใช้นโยบายหลอกลวงเพื่อแยกสลายกองกำลังของ พคท. โดยให้คำมั่นสัญญาในการตอบแทนผลประโยชน์ทางวัตถุให้กับ ผรท. เพียงแค่พอมีชีวิตอยู่ได้ คือ ให้ควาย 5 ตัวที่ดิน 5 ไร่บ้านเล็กๆหนึ่งหลัง (อาจจะมีเงินจำนวนหนึ่งไม่เกินสองหมื่น) แต่พวกปกครองปฏิกิริยาไม่จริงใจใน "การให้" ดังกล่าว พวกมันจึงให้ ผรท. จำนวนน้อยมาก ส่วนที่เหลือ ปล่อยปละละเลยทิ้งๆขว้างๆมาโดยตลอด และอาศัยบางส่วนงานของกองทัพภาค 2 มาดำเนินการหลอกลวงด้วยคำมั่นสัญญาลมๆแล้งๆมาโดยตลอด อาจจะให้บ้างคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ ถึง 10% ของจำนวนที่ให้ตามสัญญาและจำนวนคนที่ได้ จากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างเหี้ยมโหด เพราะพวกเขา "เป็นฝ่ายชนะขาด ให้พวกคุณมีชีวิตอยู่โดยไม่จับติดคุกก็ดีเท่าไรแล้ว"
พอมีความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม พวกมันก็เอาเหยื่อมาล่อ ผรท. อีก อย่างเช่น พลเอกสุรยุทธ์จุฬานนท์ สิ่งแรกที่ทำหลังรับตำแหน่ง นรม. ก็คือไปหา ผรท. ที่อิสานเหนือก่อนแล้วค่อยไปหาที่อิสานใต้และภาคเหนือ เพื่อให้คำมั่นสัญญาลมๆแล้งๆอีกเช่นเคย อาจจะให้ผลประโยชน์ทางเงินทองสิ่งของบ้างแต่ก็เล็กน้อยมาก เพื่อแยกสลาย ผรท. ไม่ให้เป็นพวก "เสื้อแดง" ต่อมาในสมัยอภิสิทธิ์เวชชาชีวะก็เช่นเดียวกัน ตอนหลังให้ "สินบนเพื่อย้อมใจ" มากถึงหลักสองแสนบาท แต่ก็ไม่ได้ทุกคน
ในช่วงนี้เอง ทหารบางคนของภาค 2 ก็ทำมาหากินกับ ผรท. มีการติวเพื่อให้เข้าเกณฑ์การเป็น ผรท. เช่น สอนให้ท่องจำวินัย 10 ข้อของ ทปท. ให้รู้จักปืนพกประจำกายของฝ่ายนำ อาหารการกินของพลพรรค เป็นต้น แต่นี่ก็เรียกเก็บเงินค่าติว เพื่อให้สามารถผ่านเข้าเป็น ผรท. ของกองทัพภาค 2 ได้ ในตอนหลัง พวกหากินในหมู่ ผรท. บางคน ก็เรียกเก็บเงินจำนวนมากบ้างน้อยบ้างเพื่อแลกกับคำมั่นสัญญาว่า จะได้เข้าเกณฑ์ "การเป็น ผรท." เพื่อเรียกรับเงินราชการได้ ในคราวหลังสุดพวกเขาเรียกเงินสูงถึง 6 แสนบาท และอ้างว่าเป็น "กลุ่มสนับสนุน เป็นกลุ่มแนวร่วม เป็นกลุ่มลูกหลาน" เพราะเวลาผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว (นับจากปีที่ พคท. ล่มในปี 25)
ดังนั้นทหารบางคนของกองทัพภาค 2 จึงใช้เรื่อง "เงิน ผรท." มาอ่อยเหยื่อ "ผู้ที่หวังจะได้" ทั้งๆที่ไม่มีความขอบธรรมใดๆที่จะได้เลย และนี่ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นความเสื่อมทรามทางด้านอุดมการณ์โดยสิ้นเชิง แม้จะเห็นใจเข้าใจและให้อภัยยอมรับได้เนื่องจากมีความจำเป็นในการดำรงชีวิต แต่ต้องไม่ถึงขั้น "ขายจิตวิญญาณ ขายอุดมการณ์ให้กับชนชั้นปกครองปฏิกิริยา" ที่เป็นศัตรูทางอุดมการณ์ของตนเสียโดยสิ้นเชิงเช่นนี้
เหตุการณ์ ผรท.ภาคอีสาน สองครั้ง ครั้งแรกที่ขอนแก่น ครั้งสองที่อุดร สะท้อนให้เห็นชัดถึงการที่ฝ่ายนำของ ผรท. บางคน ยอมตนเป็นข้ารับใช้ (ในสมัยอดีตเขาเรียกสุนัขรับใช้ ปัจจุบันผมขอใช้แค่เป็นสมุนบริวารรับใช้ก็พอ) ของทหารบางคนของกองทัพภาค 2 การเคลื่อนไหวยิ่งฟ้องให้เห็นชัดว่า ยอมก้มกายถวายชีวาให้กับฝ่ายอนุรักษ์นิยมจารีตนิยมหรืออำมาตย์โดยสิ้นเชิง เพราะการสนับสนุนศาลรัฐธรรมนูญเท่ากับเป็นการสนับสนุนการละเมิด รธน. ใช้อำนาจเหนือ รธน. หรือเหยียบย่ำ รธน. นับเป็นพฤติกรรมที่ล้าหลังอย่างที่สุด ปฏิกิริยาอย่างที่สุด
การเคลื่อนไหวของ ผรท. ทั้งสองหน จึงไม่ได้เป็นไปอย่างที่ ฝ่ายนำบางคนของ ผรท. ต้องการจะให้เป็นคือ "ปลดแอกประชาชน" ตรงข้าม กลับเป็นการ "ใส่แอกของอำมาตยาธิปไตยให้กับประชาชน" เสียด้วยซ้ำไป จึงขอเตือนมายังผู้นำการเคลื่อนไหวของ ผรท. ทั้งสองครั้งขอให้กลับเนื้อกลับตัวกลับใจเสียใหม่ และขอโทษประชาชนสำรวจตนเองวิจารณ์ตนเองอย่างเคร่งครัด และร่วมกับประชาชนโค่นล้มอำมาตยาธิปไตย ดีกว่าที่จะทำตัวเป็นสมุนบริวารรับใช้พวกอำมาตยาธิปไตย เสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป