มติชน 11 มิถุนายน 2555 >>>
"เรื่องปฏิวัติ ถามว่าใครอยากปฏิวัติ เพราะไม่ได้ทำกันง่ายๆ แต่คนที่ให้ผมมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมั่นใจว่าผมสามารถควบคุมกองทัพได้ ดังนั้น ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดความมั่นใจของคนที่มาให้ทำงานในหน้าที่นี้"
ข้างต้นคือการแสดงความมั่นใจของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกระแสปฏิวัติ ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่ทำท่าจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกรอบ สืบเนื่องมาจากร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ จนทำให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลต้องออกมาเคลื่อนไหว พร้อมๆกับความหวาดระแวงของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง !
"สุกำพล" ให้สัมภาษณ์กับ "มติชนออนไลน์" ว่า คงเดาใจคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ไม่ถูกว่าหมายความว่าอย่างไร อาจจะพูดดักคอไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องของคนพูด ไม่อยากไปวิจารณ์เขา แต่ข้อเท็จจริงตอนนี้อยู่ที่ว่ามีหรือไม่
ที่ผ่านมาไม่มีสิ่งบอกเหตุอะไรเลยการประชุมผู้พันก็เป็นเรื่องที่ทำมาก่อนอยู่แล้ว ผมสบายใจ ผมทราบว่า ผบ.ทบ. ท่านก็ตกใจ ทำไมผมไม่โทรไปถามอะไรท่านเลย คือ ไม่รู้จะไปถามอะไรท่านเลย
"ผมมั่นใจในกระบวนการของประชาธิปไตยว่าไม่มีปฏิวัติ ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ ไม่รู้จะไประแวงทำไม" สุกำพล ตั้งคำถาม
"จตุพร" เป็นคนออกมาพูดเรื่อง "ปฏิวัติ" อยู่บ่อย ได้คุยกันบ้างหรือไม่ ?
"สุกำพล" บอกว่า ไม่ใช่หน้าที่ของผมที่จะต้องไปปรามเขา แต่เรารู้จักกัน เมื่อเขาพูดเขาก็ต้องรับผิดชอบ
บางทีต้องบอกว่า "น้องตู่" เพลาๆ หน่อย ก็ได้แค่นั้น ทำไม่ทำก็อีกเรื่อง เพราะกระเทือนกับกองทัพ
กองทัพก็พยายามแสดงให้เห็นว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ การเมืองก็ไม่อยากยุ่ง เพราะกองทัพมีศักดิ์ศรี ทำแต่เรื่องดีดี เช่น เรื่องน้ำท่วม ช่วยขุดลอกคูคลอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมภูมิใจทั้งนั้น และอยู่นอกเหนือเรื่องการเมือง
อย่าไปคิดว่ากองทัพอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างนั้นอย่างนี้อดีตเป็นเรื่องอดีตไป ผู้บัญชาการเก่าๆ ก็เป็นเรื่องของผู้บัญชาการเหล่านั้นไป
แล้วอักษรย่อ "ส" กระทรวงใหญ่ คือใครนั้น "สุกำพล" ตอบเรื่องนี้ว่า
เช่นเดียวกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง "สุกำพล" บอกว่า ไม่น่าเชื่อว่า คนไม่กี่ร้อยคนมากั้นไว้แล้วทำให้การพิจารณาต้องหยุดไป ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ก็โดนไปแล้ว ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุนิดหน่อยที่ไม่น่าเกิดขึ้นเลย แต่กระบวนการดำเนินมาถูกต้องแล้ว รัฐบาลเองต้องฟังว่าเป็นอย่างไร
สุดท้ายเกมต้องเดินมาทางนี้อย่างเดียวคือเดินหน้าไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเดินเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือหลบหลุมเท่านั้น อยู่ที่กลยุทธ ฟังหรือไม่ฟังผู้ปฏิบัติต้องดูด้วย แต่ทางมีทางเดียว ผมไม่เห็นทางอื่น
เมื่อเดินทางนี้แล้วเห็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ดีทุกอย่างต่อประเทศไทย ก็ต้องให้เดินต่อไป เพราะนั่นคือเป้าหมาย เพราะอะไร "สุกำพล" ถึงพูดแบบนั้น
ส่วนเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ "สุกำพล" กล่าวว่า เห็นภาพแล้วก็ไม่เหมาะสม เช่น ในสภาฯ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของรัฐสภาไทย น่าภูมิใจหรือไม่ คนไทยต้องคิดดูเอาเอง อย่าไปพูดอีกเลย คนพูดเยอะแล้ว เพราะโพลเองก็ระบุว่า 90 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเห็นไปในทางลบ ไม่ใช่โพลสุกำพลนะ
ตรงนี้ ถ้าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าไม่เป็นไร เพื่อรักษาสิ่งหนึ่งไว้ ดูแล้วเหมือนเท่ห์นะ แต่ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย เช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าผมเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผมลาออกไปแล้ว เพราะผมอาย
แต่นายกฯ ค่อนข้างลอยตัว ?
"สุกำพล" บอกว่า นิ่งดีกว่า เพราะอะไรมาฟังกัน มากกว่านั้น ทำไม "สุกำพล" ถึงบอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญกับคนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นพวกเดียวกัน
ฝ่ายค้านบอกว่า รัฐบาลคือพวกมากลากไป ?
"ประชาธิปไตยเขาว่าอย่างนั้น" สุกำพล กล่าวและว่า ชาติอื่นที่เจริญเขาก็เป็นแบบนั้น ฝ่ายรัฐบาลย่อมมีจำนวนมากกว่า แต่เขาก็มั่นคง กติกาเขียนไว้อย่างนี้ คนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยชนะการเลือกตั้งแล้วจัดตั้งรัฐบาลด้วยตนเองหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดหากดูย้อนหลังแล้วจะเห็นว่าเป็นอย่างไร
ขณะที่การดำเนินการของรัฐบาลที่บอกว่าไม่เด็ดขาดนั้นไปฟังดูว่าคนในฝ่ายรัฐบาลจะตอบว่าอย่างไร
ต่อมา "สุกำพล" ได้ตอบคำถามเรื่อง การปรับครม. โดยเฉพาะสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ถูกปลดล็อคทางการเมือง
สุดท้ายเป็นเรื่องที่รัฐบาลอนุญาตให้องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกาขออนุญาตใช้ฐานทัพอู่ตะเภาเป็นฐานในประเทศไทย "สุกำพล" บอกว่า ต้องแยกกันระหว่างกองทัพสหรัฐกับนาซา ก็เหมือนกับกองทัพไทยกับ สวทช. เขาดูเรื่องอวกาศ เขามาขอความร่วมมือด้านการวิจัย ซึ่งเขาไปทั่วโลก แต่มาที่ประเทศไทยเพราะเป็นจุดศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการจะบินเหนือประเทศต่างๆ ได้ต้องขออนุญาตและทำแผนการบิน ต้องมีการแจ้ง เรดาร์ต้องจับได้
โดยเครื่องบินที่เข้ามา "สุกำพล" บอกว่า เป็นเครื่องบินโดยสารเก่าๆ DC-8 ซึ่งเลิกใช้กันหมดแล้ว และนาซาก็ยินดีให้หน่วยความมั่นคงเข้าไปดูบนเครื่องว่ามีอะไรหรือไม่มีอะไร นักวิทยาศาสตร์จะขึ้นไปศึกษาด้วยเขาก็ยินดี เพราะก่อนหน้านี้ เขาก็ไปที่ฮ่องกง ญี่ปุ่น คอสตาริกา แต่คงไม่ไปจีนและพม่า เพราะยังติดเรื่องความสัมพันธ์ต่างๆ
แล้วเหตุไฉน "สุกำพล" ถึงบอกว่า จีนไม่เคยส่งสัญญาณเรื่องนี้
"เมื่อเขาขอมาเราจะใจดำหรือ"
นอกจากนี้ "สุกำพล" ยังบอกอีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความมั่นคง มีเพียงแต่ความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์ ในฐานะหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลก็มีหน้าที่ดูแล และตรวจสอบในเรื่องที่
หลายฝ่ายกังวล เมื่อเราดูแล้วเราก็มั่นใจ เมื่อถามว่ามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่นั้น เขาต้องทำตามที่พูด เราต้องแยกให้ออกว่าสหรัฐคืออะไร อย่าไปคิดเป็นอย่างอื่น ต้องแยกให้ออก เพราะสหรัฐมาในฐานะองค์การนาซาเท่านั้น