หากเทียบกับแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ ต้องถือว่าเส้นทางของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนาม
วันนี้แกนนำ นปช. หลายคนมีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล เพื่อนสนิทอย่าง นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ
ขณะที่นายจตุพรมีชื่อติดโผรัฐมนตรีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังไม่เป็นจริงเลย สักครั้ง ระหว่างลุ้นเสียบ ครม. 'ปู 3' ศาลรัฐ ธรรมนูญก็มีมติให้สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.
ล่าสุด สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยังยื่นถอนประกันนายจตุพรต่อศาลอาญาอีก
นายจตุพรจะยืนหยัดต่อสู้กับมรสุมที่กระหน่ำซัดอย่างไร จากสถานการณ์ตอนนี้เจอมรสุมรอบด้าน
หลังจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอนประกันผมในคดีก่อการร้าย ทำให้รู้ว่าตัวเองกลายเป็นเป้าสำคัญที่ต้องถูกกำจัด
ย้อนไปตั้งแต่ถูกคุมขังในเรือนจำ ตามมาด้วยกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส. ตามคำร้องที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลฯ วินิจฉัย เนื่องจากผมไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. 2554
จนมาถึงวันที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอนประกันทำให้รู้ว่าชีวิตของผมถูกล็อกเป้ามาโดยตลอด
ที่ทำให้แปลกใจคือผมเพิ่งรู้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน แจ้งความดำเนินคดีกับผมในข้อหาหมิ่นประมาท ผมไม่เคยรู้มาก่อน เพราะหากรู้เรื่องนี้มาก่อนคงจะยื่นคัดค้านตั้งแต่เป็นองค์คณะชี้ขาดคุณสมบัติของผมไปนานแล้ว
อีกทั้งเนื้อหาเวลาที่ผมปราศรัยนั้นเป็น การพูดถึงการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการติชมตามกรอบของรัฐธรรมนูญ คนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มีจำนวนมากมาย
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้ว่าการดำรงอยู่ในประเทศนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็น เหลือเกิน เพราะนับตั้งแต่ที่ผมลงสมัคร รับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ถูกคุมขัง หลังจากพ้นสภาพความเป็น ส.ส. ก็ถูกยื่นถอนประกัน
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าเพียงแค่เราคิดต่าง หรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำจะส่งผลกับเราถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเขา เพียงแค่เราแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างก็เท่านั้น
การต่อสู้ในหลายปีที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าความอยุติธรรมมีมากเหลือเกินในประเทศนี้ มีขบวนการที่จ้องจะเอาอิสรภาพไปจากผมอย่างต่อเนื่อง
การประกาศอดข้าวจะถูกมองเป็นการกดดันศาล
หากศาลอาญามีคำสั่งถอนประกันผมจริงๆ จะเดินเท้าไปเข้าเรือนจำ เชื่อว่าจะมีพี่น้องเสื้อแดงจำนวนมากที่พร้อมจะเดินไปกับผม และเมื่อถูกขังอยู่ในเรือนจำก็จะอดอาหารไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด เป็นการต่อสู้ตามหลักสันติ อหิงสา
ที่ผมปฏิบัติเช่นนี้ก็เพื่อสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการเสรีภาพและชีวิตของผม ซึ่งผมจะมอบให้
สิ่งที่ผมจะทำอาจจะดูเสมือนว่ากดดันศาล แต่ที่จริงแล้วเป็นการกดดันตัวเองมากกว่า เพราะหากไม่ทำเช่นนี้พี่น้องกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันจำนวนมากก็คงจะไม่รอดและจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกัน
สิ่งที่ผมทำมาตลอดคือการเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยให้กลับสู่บ้านเมืองนี้โดยเร็วที่สุด
อาจเป็นเงื่อนให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมอีกครั้ง
เรื่องนี้ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฯ ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าการที่ตุลาการฯ เป็นคู่กรณีฟ้องร้องกับผม ทำให้การขอเพิกถอนการประกันตัวในครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจจะยื่นถอนประกันผมได้หรือไม่ เพราะตาม พ.ร.บ.สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2542 ระบุว่าต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการจัดการนอกศาลหรือไม่
นอกจากนี้ มีถ้อยคำใดที่ผมไปข่มขู่จนถึงขั้นต้องยื่นถอนประกัน ที่ตุลาการฯ ระบุคนขับรถถูกข่มขู่ มีการไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแล้วหรือไม่ เพราะไม่อยากให้สังคมตั้งคำถามหรือตั้งข้อสงสัยว่าถูกข่มขู่จริงหรือไม่
อีกทั้งการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าหมิ่นเหม่และเข้าข่ายล้มล้างการปกครองถือว่าเป็นการพูดชี้นำหรือไม่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องเป็นผู้เขียนคำวินิจฉัยแต่กลับออกมาให้สัมภาษณ์ชี้นำเช่นนี้ เหมาะสมหรือสมควรแล้วหรือ
ผมไม่เคยเห็นศาลใดในโลกนี้กระทำการลักษณะเช่นนี้ ดังนั้น ผมจะรอคำชี้แจงจากศาลรัฐธรรมนูญแบบวิญญูชน ขณะเดียวกันผมจะได้หารือ กับฝ่ายกฎหมายว่าจะดำเนินการเอาผิดศาลรัฐธรรมนูญตามกฎหมายอย่างได้บ้าง
แนวทางการต่อสู้เป็นอย่างไร
ในเบื้องต้นผมเตรียมจะยื่นเรื่องเพื่อขอความเป็นธรรมจากอธิบดีศาลอาญา ในฐานะที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง รวมทั้งจะยื่นเรื่องต่อประธานศาลฎีกา ในฐานะที่เป็นประมุขของฝ่ายตุลาการในสัปดาห์หน้า เพราะ ผมถือว่าการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งผิดจริยธรรม
ไม่อยากคิดว่าจะมีเรื่องใบสั่งให้จัดการผม แต่กระบวนการทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมจนถึงขณะนี้ทำให้เห็นแล้วว่าประเทศนี้เป็นอย่างไร
ตลอดระยะเวลาการต่อสู้มาจนถึงขณะนี้เหนื่อยไม่รู้จะเหนื่อยอย่างไรแล้วกับประเทศนี้ ดังนั้น หากถูกถอนประกันก็จะเดินเข้าคุก เมื่อเข้าคุกก็จะอดอาหาร หากอดจนไม่ไหวก็หามผมเข้าโรงพยาบาล หากตายก็เอาผมใส่โลงออกมา
สิ่งที่ผมจะทำไม่ใช่เรื่องของการจำนนหรือจำยอมต่อสถานการณ์ แต่เป็นการต่อสู้อีกรูปแบบหนึ่งเพื่อจะปลุกพลังประชาชนที่เห็นถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับประเทศนี้ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ โดยเอาชีวิตและอิสรภาพของผมเป็นเดิมพัน ไม่อย่างนั้นความ อยุติธรรมก็จะยังคงอยู่เป็นวังวนแบบนี้
ผมพร้อมจะเอาอิสรภาพและชีวิตเข้าแลก เสียผมไปคนหนึ่งเพื่อให้เกิดพลังมวลชนเป็นล้านๆ ขึ้นมาต่อสู้ ตอนนี้ถึงจุดอิ่มตัวแล้วเมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นเราเป็นปัญหาก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้
หากกลุ่มเสื้อแดงออกมาชุมนุมจะเปิดช่องให้ทหารออกมาปฏิวัติอีกครั้ง
ผมมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าร่วมต่อสู้แบบมืดฟ้ามัวดินในรูปแบบของการชุมนุม เพื่อคัดค้านความไม่เป็นธรรม
ส่วนจะกลายเป็นการเปิดช่องให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ รู้เพียงว่าหากไม่ต่อสู้เพราะกลัวว่าจะเกิดการปฏิวัติขึ้นอีกก็ต้องรับสภาพความอยุติธรรมไปตลอด
การปฏิวัติรัฐประหารก็คือความอยุติธรรมอีกรูปแบบหนึ่ง จะไปกลัวอะไร ประชาชนมีสิทธิที่จะปลดแอกเพื่อให้ความเป็นประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศอีกครั้ง
คิดว่าตัวเองกำลังต่อสู้อยู่กับอะไร
ขณะนี้สิ่งที่ผมกำลังต่อสู้ก็คือความไม่เป็นธรรม ความไม่เป็นประชาธิปไตย อำนาจที่ไม่เคารพเสียงของประชาชนและระบบอำมาตยาธิปไตยที่ยังคงอยู่ ผมปรึกษาหารือกับแกนนำ นปช. ทุกคนโดยตลอดถึงทิศทางการต่อสู้ในอนาคต เพราะทุกคนคิดและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากผมถูกคุมขังได้ ทุกคนก็ถูกคุมขังได้เช่นเดียวกัน ผมจึงประกาศจะเอาชีวิตแลกกับการต่อสู้ในครั้งนี้
ต่อสายปรึกษานายกฯ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บ้างหรือไม่
ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากท่านมีภารกิจล้นมือ แต่เชื่อว่าท่านคงทราบเรื่องของผมผ่านทางสื่อแล้ว
ส่วนกระแสข่าวที่ผมจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในการปรับ ครม. ครั้งต่อไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์ต่อคนเสื้อแดงในการชุมนุมที่โบนันซ่า เขาใหญ่ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมานั้น คนเสื้อแดงมีชะตากรรมอยู่แบบเดียว คือไม่ตายก็ติดคุก
ดังนั้น สำหรับผมเรื่องตำแหน่งแห่งหนก็คงไม่สำคัญ จะเป็นหรือไม่ได้เป็นรัฐมนตรี คนๆ นี้ก็ยังเป็นนายจตุพรเหมือนเดิม