'สมศักดิ์' แนะสานเสวนา พรบ.ปรองดอง ลั่นไม่อยากนั่งนับเท้า

ไทยรัฐ 20 มิถุนายน 2555 >>>




“สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์" ประธานสภาผู้แทนราษฎร แนะควรสานเสวนาแก้ปัญหาขัดแย้งลดอุณหภูมิการเมือง ไม่ฟันธงเปิดสภาสมัยสามัญพิจารณา พ.ร.บ.ปรองดอง หรือไม่ ลั่นไม่อยากนั่งนับเท้า ย้ำทำตาม รธน.ไม่ขัด ม.68...

ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการส่งคำชี้แจงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญกรณีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า เพิ่งลงนามเมื่อช่วงเที่ยง (19 มิ.ย.) ได้ส่งคำชี้แจงรายละเอียดไป 5 หน้ากระดาษ ชี้แจงว่า รัฐสภาได้ดำเนินการตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญทุกประการ และมาตรา 68 เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่การดำเนินการของรัฐสภาเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การใช้สิทธิเสรีภาพตามมาตรา 68 เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ ฉะนั้น ไม่เข้าข่ายเรื่องการใช้สิทธิและเสรีภาพ
เมื่อถามว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตและขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 สภาก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ นายสมศักดิ์ตอบว่า เรายึดรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญใหญ่สุด ไม่มีอะไรขัดรัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าข้อหาล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น จะชี้แจงว่าอย่างไร นายสมศักดิ์ ตอบว่า จะล้มล้างได้อย่างไร เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ก็ระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 291/11 วรรคห้า ว่า ส.ส.ร. จะต้องไม่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย หรือเปลี่ยนรูปการ ปกครองของรัฐ ในเมื่อระบุไว้ชัดเจนไม่ให้ทำ แล้วจะทำได้อย่างไร
เมื่อถามว่าหากศาลตัดสินก่อนวันที่ 1 ส.ค. จะมีการเปิดประชุมสภาโหวตหรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า อาจไม่จำเป็นถึงขนาดนั้น แต่ต้องดูบรรยากาศว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าพอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญทั่วไป ต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ทันที นายสมศักดิ์ ตอบว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรมีการสานเสวนาหาทางออก เพื่อลดความขัดแย้งและการตัดสินใจไม่ลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน ส่วนเรื่องสานเสวนาใครจะเป็นคนเริ่มนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จะพยายามประสานกับทุกฝ่ายที่ควรพูดคุย เริ่มตั้งแต่วันนี้ แต่ไม่เหมาะที่จะพูดผ่านสื่อขอเงียบๆ ดีกว่า ขี้เกียจนั่งนับเท้า แต่จะประสานในฐานะส่วนตัว พูดคุยทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่ควรจะพูดคุย ซึ่งหวังว่าจะช่วยลดอุณหภูมิทางการเมืองลงได้ ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากประสานแล้วไม่เห็นด้วย จะถอยใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ ตอบว่า ก็ต้องดูอีกครั้ง ถ้าตนมีอำนาจตัดสินใจคนเดียวก็จะดี