ใบตองแห้ง: ขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ

คมชัดลึก 4 มิถุนายน 2555 >>>




สถานการณ์สัปดาห์ที่ผ่านมา พลิกผันหลายตลบ บรรยายตามความรู้สึกตัวเองคือ ต้นสัปดาห์ผมยังด่ารัฐบาลขรม เพราะไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง แต่พอเห็นพี่น้องเอ๊ยกับพรรคประชาธิป่วยอาละวาด ก็รู้สึกหงุดหงิด รำคาญ ทั้งที่คัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดอง เหมือนกัน แต่จุดยืนต่างกันคนละขั้ว
ผมคัดค้านเพราะไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์พฤษภา 53 ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้ทักษิณ เพราะควรลบล้างผลพวงรัฐประหาร ตามแนวทางนิติราษฎร์ แต่พันธมิตร เสื้อหลากสี พรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านเพื่อปกป้องรัฐประหารตุลาการภิวัฒน์
การพิจารณาในสภา รัฐบาลใช้ “เสียงข้างมากลากปรองดอง” แต่พรรคการเมืองขวัญใจผู้ดีชาวกรุงก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับแกนนำเสื้อแดงที่พวกตัวด่าไว้ว่า “ถ่อย”
ผมหยั่งท่าที “แดงอิสระ” ที่ไม่พอใจคำพูดทักษิณเมื่อคืนวันที่ 19 พฤษภาคม และไม่ต้องการปรองดอง คนเหล่านี้เฝ้าดูด้วยความอึดอัด คือไม่สนับสนุน แต่ครั้นจะออกมาคัดค้านก็กลัวเข้าทาง ปชป. กับ พธม.
พอดูการประชุมไป 2 วัน เห็น ปชป. ฉุดกระชากลากถู ขว้างปา โห่ฮา บีบคอ ความเกลียดชังที่ฝังลึกก็ถูกปลุกให้ลุกโชติช่วง พธม. ก็ยังเล่นบทเดิม ปิดสภายั่วแก๊สน้ำตา แต่ตำรวจไม่กล้าทำอะไร นี่พวกมันจะล้มรัฐบาลอีกแล้วนี่หว่า...คนเสื้อแดงคิด
ปฏิกิริยาในเฟซบุ๊กเริ่มเปลี่ยน จากที่ด่ารัฐบาลขรม เปลี่ยนมาด่า ปชป. ด่า พธม. กระนั้นก็ยังสมน้ำหน้ารัฐบาลอยู่หน่อยๆ
ทันใดนั้นก็มี “ตัวช่วย” เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกล่าวหาว่าคณะรัฐมนตรี รัฐสภา พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะล้มล้างระบอบการปกครองด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และสั่งยับยั้งการลงมติแก้ไขมาตรา 291 วาระ 3 ไว้ก่อน
ทันใดนั้น พรึ่บเลยครับ เลิกพูดเรื่องขัดแย้ง แดงอิสระน้อยใจทักษิณ ฯลฯ เสื้อแดงทุกเฉดเข้าแถวหน้ากระดาน ปกป้องรัฐบาลและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
งานครึ่งทศวรรษความจริงวันนี้ จึงมีมวลชนล้นหลาม ทักษิณโฟนอินด้วยท่าทีคั่งแค้น “ตาสว่าง” เลิกปรองดอง ลั่นกลองรบ ยอมรับกลายๆ ว่าไปโดนเขาหลอกอีกแล้ว ขอกลับมาลงเรือรบกับมวลชนอีกครั้ง
พูดได้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ทำให้พันธมิตร เสื้อหลากสี ปชป. กลับมาแพ็กกันเหนียวแน่น ขณะที่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญก็ช่วยให้เสื้อแดงกลับมาแพ็กเหนียวแน่นเช่นกัน
หลังจากนี้อะไรจะเกิดขึ้น ยังไม่รู้ แต่เสื้อแดงควรขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญไว้ก่อน ฮิฮิ
ในหลักการประชาธิปไตย เสียงข้างมากไม่ได้ถูกต้องเสมอไป โดยเฉพาะการเมืองไทย เสียงข้างมากลากถูมาตลอด แต่เสียงข้างน้อยต้องต่อสู้ด้วยเหตุผล โน้มน้าวความคิดคนจนเสียงข้างมากเสื่อมความนิยม
ไม่ใช่เสียงข้างน้อยต่อสู้ด้วยอารมณ์ ตีรวน ใช้กำลัง หรือยั่วยุให้ใช้กำลัง แล้วก็มีอำนาจรัฐประหาร อำนาจตุลาการ มาตัดสิน ทำแบบนี้ เราจึงอยู่ในวิกฤติยืดเยื้อรุนแรงมา 6 ปี
แน่นอน อำนาจตุลาการมีไว้ถ่วงดุลอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ แต่อำนาจตุลาการจะศักดิ์สิทธิ์ก็ต่อเมื่อใช้อย่างจำกัด ชัดเจน ด้วยหลักนิติธรรม ด้วยพยานหลักฐานแน่นหนา เห็นประจักษ์ เรื่องใดที่ควรเป็นอำนาจตัดสินใจของประชาชน ก็ไม่ควรชี้ขาดโดยศาล หรือองค์กรอิสระ
ยกตัวอย่างคดียุบพรรคไทยรักไทยและตัดสิทธิ์ 111 กรรมการบริหารพรรค ขัดหลักนิติธรรม เพราะใช้ประกาศคณะรัฐประหารลงโทษย้อนหลัง และก้าวล่วงเข้าไปประหารพรรคการเมือง ซึ่งจะเกิดหรือตายควรอยู่ที่ความนิยมของประชาชน
จากนั้นตลอด 5 ปี ก็มีคดีความที่ทำให้ผู้คนกังขา อ่อนหลักฐาน ขาดเหตุผล แต่ตีความด้นจนได้ เกิดขึ้นกับขั้วการเมืองฝ่ายเดียวตลอด
การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของรัฐสภา เป็นอำนาจซึ่งอยู่เหนือศาลรัฐธรรมนูญ ไม่อนุญาตให้ศาลล่วงละเมิด สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่รับวินิจฉัย แต่ครั้งนี้กลับไปลอดช่องอ้างมาตรา 68 กล่าวหาว่าเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แถกันไปได้อย่างไรไม่ทราบ ก็รัฐสภาแก้มาตรา 291 จะลงมติวาระ 3 อยู่แล้ว เห็นชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. และจะให้ประชาชนลงประชามติ มันล้มล้างระบอบการปกครองตรงไหน
แน่นอน รัฐธรรมนูญคงไม่ออกมาดีเลิศ นักการเมืองก็ต้องการแย่งชิงกลไกอำนาจคืน แต่นั่นคุณต้องไปสู้กันในการรณรงค์ แสดงความคิดเห็น โน้มน้าวให้ประชาชนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย
เป็นเรื่องการเมืองโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องของอำนาจตุลาการ