ประชาไท 2 มิถุนายน 2555 >>>
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปราศรัยที่ลานคนเมือง ระบุถ้ายอมรับ พ.ร.บ. ปรองดอง จากนี้ก็ไม่มีกติกาในการต่อสู้ทางการเมือง แซวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกหนึ่งปี เปลี่ยนเสื้อผ้าเยอะกว่าตัวเองที่เล่นการเมือง 20 ปี ชวนคนเสื้อแดงคิดถ้า ปชป. ฆ่าประชาชนจะค้าน พ.ร.บ. ปรองดอง ทำไม บอกประชาชนจับตาต่อไป พร้อมเรียกร้องปิดสมัยประชุมปิดทางพิจารณาร่างฯ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยที่ลานคนเมือง ยืนยันต้าน พ.ร.บ.ปรองดอง เมื่อเวลา 21.00 น. โดยก่อนปราศรัยได้เปิดคลิปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการปราศรัยกับคนเสื้อแดงหลายครั้งก่อนจะกล่าวว่าตามประเพณีหนังไทยก่อนพระเอกออกมาก็ให้ผู้รายแสดงให้เต็มที่ จากนั้นกล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาฟังควมจริงเกี่ยวกับกฎหมายล้างผิดคนโกง มีความพยายามผลักดันกฎหมายทำลายชาติ ล้างความผิดคืนสิทธิให้คนโกงกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ และได้แสดงความคาระต่อจิตใจอันแนวแน่มั่นคงของประชาชที่ได้ร่วมชุมนุมต่อต้านกฎหมายปรองดอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าการที่รัฐบาลต้องรีรอต้องเลื่อนหรือถอยนั้นไม่ใช่เพราพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนทุกกลุ่มที่ออกไปต่อสูในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และกล่าวขอบคุณพันธมิตรประชาชนเพือประชาธิปไตย และกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเสื้อหลากสี แฟนๆ รายการสายล่อฟ้า และอีกหลายต่อหลายกลุ่มซึ่งผนึกกำลังกันต่อสู้กับความไม่ถูกต้องที่กำลังเกิดขึ้น
“ผมยืนยันว่าที่เรามาพูดมาจากันวันนี มันไม่ใช่อย่างที่เขาพยายามสร้างเรื่องสร้างกระแสอย่างที่เขากล่าวหากันรอบใหม่ วันนี้มีอีกรายการหนึ่งที่เขาจัดกันที่เมืองทอง มีนักเล่านิทานอีกหลายคนพยายามบอก ขู่กับประชาชนว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังก่อการกบฏ ผมก็เพิ่งเคยเห็นเนี่ยครับว่าเขาก่อการกบฏด้วยการปาข้อบังคับใส่ประธานสภา ที่สำคัญพวกคนที่บอกว่าประชาธิปัตย์กำลังการกบฏด้วยการปข้อบังคับด้วยการลากเก้าอี้ประธานสภา คนเหล่านี้ละครับคือคนที่ชวนคนมาเผา ชวนคนมาบอกว่าติดอาวุธแล้วก็ให้มาล้มล้างรัฐบาล ถ้าไม่รู้จักกบฏกลับไปส่องกระจกดูครับ
ผมยืนยันกับพี่น้อง ผมประกาศมาหลายครั้ง พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความมุ่งหมายในการล้มล้างรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ พี่น้องจะชอบหรือมไม่ชอบ แต่เราต้องเคารพกระบวนการของการเลือกตั้งและระบอบประชาธิปไตยและกติกาของเรา ผมก็เห็นว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่รัฐบาลทำอยู่หลายเรื่องเสียหาย แพงทั้งแผ่นดิน พืชผลตกต่ำ ความจริงถ้าพูดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะยาวหลายชั่วโมง แล้วหลายคนก็หงุดหงิด หงุดหงิดว่าผู้นำประเทศพูดผิดพูดถูกแต่ผมถือว่าเมื่อได้รับเลือกตั้งมาก็ให้ทำหน้าที่ไป ส่วนเข้าใจหน้าที่เป็นอย่างไร ก็เป็นความเห็นต่าง บางเรื่องผมก็สู้นายกยิ่งลักษณ์ไม่ได้ครับ ผมเล่นการเมืองมา 20 ปี ผมว่ายังเปลี่ยนชุดไม่บ่อยเท่านายกยิ่งลักษณ์ปีเดียว และให้ผมบินไปตำส้มตำที่ออสเตรเลียผมก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน
แต่อยากให้รัฐบาลสบายใจ ผมประกาศแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา เมื่อคุณมีเสียงข้างมาก คุณมีสิทธิบริหารประเทศ แต่เสียงข้างมากที่บริหารประเทศไม่ใช่ทำอะไรผิดกฎหมายหรือทำลายชาติบ้านเมืองได้
หลายเดือนที่ผ่านมา เขาสร้างวาทกรรม เขาบอกประชาธิปัตย์ค้านทุกเรื่องไม่จริงหรอกครับ ท่านประธานวิปอยู่ตรงนี้ท่าจะบอกได้เลยว่าเกือบหนึ่งปีที่ผานมา เป็นยุคที่ฝ่ายค้านยกมือสนับสนุนกฎหมายของรัฐบาลที่เยอะที่สุดยุคหนึ่งครับ เรื่องไหนจำเป็นเรื่องไหนเป็นประโยชน์กับประเทศทำไปเถอะครับ แต่เรื่องไหนที่ไม่ถูกต้องเราก็ค้าน วันนี้สิ่งที่เราบอกว่าตลอดตั้งแต่วันแรกที่รัฐบาลแถลงนโยบายก็คือพี่น้องคาดหวังให้เข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจปัญหาปากท้องของประชาชน เดินหน้าตามคำมั่นสัญญาที่บอกจะลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ จะขึ้นค่าแรงขึ้นเงินเดือน เราบอกว่าให้เดินหน้าอย่างจริงจังตามคำสัญญา แต่เราบอกตั้งแต่ต้น ผมยืนยอมรับความพ่ายแพ้ในวันเลือกตั้งที่ลานพระแม่ธรณี ผมบอกว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีความชอบธรรมที่จะทำทุกอย่างตามนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชน แต่พวกผมไม่ยอมรับว่าเสียงข้างมากที่เลือก เลือกให้ท่านมาทำเพื่อคนๆ เดียว และพวกผมพูดตั้งแต่ต้นว่าถ้ามีเรื่องนิรโทษกรรม ถ้ามีเรื่องการคืนทรัพย์สินสี่หมื่นหกพันล้าน พวกผมจะต่อสู้ทุกวิถีทางภายใต้กฎหมาย”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าอยากให้พี่น้องดูว่าทำไมประชาชนคนทั้งประเทศไม่ว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทยหรือเลือกพรรคประชาธิปัตย์มีความชอบธรรมที่จะต่อต้านกฎหมายล้างผิดให้คนโกงเหล่านี้ เพราะได้มีการให้คำมั่นสัญญากับประชาชนซึ่งบัดนี้กลายเป็นการโกหกคำโต
ชี้ ถ้า พ.ร.บ. ปรองดอง ผ่าน จะทำให้บ้านเมืองไม่มีกติกา
จากนั้นนายอภิสิทธิ์เปิดคลิปสัมภาษณ์ นายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และไม่ได้มีนโยบายเรื่องการนิรโทษกรรม เพราะเพื่อไทยต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีนโยบาย ไม่เคยพูดจากหัวหน้าพรรค จะนิรโทษกรรมหรือไม่อยู่ที่กรรมการพรรค
และได้อ้างถึงข้อความที่ตนเคยเขียนเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2554 ว่า พี่น้องเสื้อแดงต้องไปถามยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยว่านิรโทษจะทำอย่างไรกับ 91 ศพ นิรโทษกรรมแลกเงินสี่หมื่นหกพันล้านหรือ และเป็นไปไม่ได้ที่กฎหมายนิรโทษกรรมจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้อกับการนิรโทษกรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์รัฐประหารมากมาย เมื่อนิรโทษกรรมแล้ว 91 ศพจบ เขาสังหรณ์ใจว่าคุณทักษิณจะให้เงินผู้เสียชีวิตในการเยียวยาค่อนข้างสูงแทนที่จะค้นหาความจริง ที่สำคัญคือเงินที่จะเยียวยาคือเงินภาษีประชาชนไม่ใช่เงินของทักษิณที่บอกว่าจะดูแลพี่น้องประชาชนอย่างดี ที่ผ่านมามีใครบ้างที่ได้รับการดูแลนอกจากแกนนำ และย้ำว่าบทความนี้จบลงที่ว่าถ้าพี่น้องเสื้อแดงไม่เห็นด้วยก็ต้องไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย
เขากล่าวต่อไปว่า แล้วหลังจากเขียนจดหมายก็ไปปราศรัยที่ราชประสงค์ ยืนยันว่ารรคเพื่อไทยเตรียมเข้ามาเป็นรัฐบาลวาระสำคัญคือนิรโทษกรรมกับคืนเงินให้ทักษิณ พอหลังจากนั้น 1 วันพรรคเพื่อไทยก็ออกแถลงการณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์คิดไปเอง เหมือนที่พี่น้องประชาชนคิดไปเองว่าของแพง
“ออกแถลงการณ์ปฏิเสธแล้วหัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ไปดีเบตในเวทีกับผม บอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายของพรรคเพื่อไทย จะไม่ทำ ถ้าทำต้องได้รับความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรค ผมถามพี่น้องประชาชนวันนี้ ผมเห็นพรรคเพื่อไทยมาทำเป็นประเด็นใหญ่เรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นในสภา ผมยอมรับครับว่าผมก็ไม่อยากให้ภาพอย่างนั้นเกิดขึ้นในสภา เราไม่อยากทำละครับ แต่ว่าที่ทำไปทั้งหมดผมบอกได้เลยว่ามันเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่บีบค้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การประชุสภาพที่จะตัดสิทธิสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปรายตั้งคำถาม จะเสนอข้อคิดเห็นท้วงติงอะไรก็ไม่ได้ แม้แต่การขอให้ประธานสภาหรือรัฐสภาปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มันไม่เคยเกิดน่ะครับ
ผมจึงคิดว่าใครที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอดแล้วเข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ผมคิดว่าจะมีความเข้าใจการกระทำของสมาชิกของพรรคพมากขึ้น ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นผมยืนยันครับ พรรคประชาธิปัตยไม่ประสงค์ให้เป็นการเสียหายของสภาในฐานะสถาบัน เพราะสถาบันรัฐสภาต้องรักษาไว้ และผมยืนยันอีกครั้งเรามาวันนี้หรือเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่มีเรื่องไปเชื้อเชิญใครมาทำรัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ไม่ที่แนวทางนั้นครับพี่น้องครับ
แต่ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ของพรรคปชป. ผมก็ต้องยอมรับและปฏิสํไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำของคนของพรรคและใครจะด่าว่าผมอย่างรไผมก็ยอมรับถ้าว่พรรคเสียภาพลักษณ์แต่สกัดกั้นกฎหมายทำลายชาติได้พรรคก็ต้องยอม ผมต้องมาย้ำอีกครั้ง หลายท่านพูดไปความจริงค่อนข้างสมบูรณ์ว่าทำไมกฎหมายสี่ฉบับเป็นกฎหมายทำลายชาติ สี่ฉบับนั้น สามฉบับก็เสนอโดยคนของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง หนึ่งฉบับแรกที่เสนอ เสนอโดยพลเอกสนธิ ร่างนี้ ถือว่าเป็นฉบับบังหน้า เอาคำว่าปรองดองมาบังหนาการล้างผิด เอาบิ๊กบังมาบังหน้าพรรคเพื่อไทย เนื้อหาสาระเป็นอย่างไรเดี๋ยวอธิบาย แต่ว่าฉบับบังหน้ามันไม่แนบเนียน เสนอมาแล้ว มีสมาชิกที่ลงชื่อเสนออยู่พรรคชาติไทยพัฒนา พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ให้สัมภาษณ์มาจากเมืองนอกว่าเซ็นชื่อนี่ไม่ได้เซ็นให้มาเสนอกฎหมายแบบนี้เพราะฉะนั้นปัญหานี้จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปว่าการเสนอกฎหมายฉบับนี้มันถูกต้องหรือไม่ นั่นจึงคือที่มาของการเสนอกฎหมายฉบับที่สอง ของพรรคเพื่อไทยมีนายสามารถ แก้วมีชัยเป็นคนเซ็นชื่อคนแรก ปรากฏว่าฉบับนี้กับฉบับแรกเนื้อหาเหมือนกันคำต่อคำ ฉบับนี้คือฉบับสำรอง คือกลัวว่าฉบับแรกมีปัญหาก็เอาฉบับนี้แทน ส่วนฉบับที่สามเสนอโดยคุณนิยม วรปัญญา ชื่อว่าฉบับร่วมด้วยช่วยเสนอ
เนื้อหาสาระก็อ่านแล้วก็ค่อนข้างสับสนแบบไปแนวเดียวกัน ส่วนฉบับสุดท้าย เสนอโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฉบับนี้เดี๋ยวผมอธิบายชื่อว่าฉบับแก้เกี้ยวรับใช้นาย”
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าววิจารณ์เนื้อหาของการการนิรโทษกรรม ประเด็นแรกคือ การระบุว่า การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงพฤษภาปีที่แล้ว เป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองนั้นไม่ให้ถือว่าเป็นการกระทำความผิด ซึ่งรับได้ แต่ที่เป็นปัญหาคือ การขยายไปถึงความผิดต่อแผ่นดิน เช่น การเผาบ้านเผาเมือง การปล้นห้างสรรพสินค้า และว่า หาก พ.ร.บ. ดังกล่าวผ่าน จะทำให้ประเทศนี้ไม่มีกติกาในการต่อสู้ทางการเมือง ใครชนะก็ทำอะไรได้ทุกอย่าง
“ไอ้การกระทำที่ว่าเนี่ยครับ เขาบอกว่าเป็นการกระทำทั้งหลายของบุคคลที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง ก็คือการชุมนุมหรือทำอะไรก็ตามที่อ้างว่าเป็นการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายการชุมนุม เป็นส่วนที่เบาที่สุดของกฎหมายนี้เพราะเวลาที่เหตุการณ์วุ่นวายผ่านไปจะไปไล่ดำเนินคดีกับคนทุกคนมันไม่เกิดประโยชน์ แต่หลังจากนั้นไม่หยุดแค่นั้นในอดีตเขาจะหยุดแค่นี้ว่าถ้ามาชุมนุมแล้วชุลมุนนิดหน่อย ยื้อยุดเจ้าหน้าที่บาดเจ็บเล็กน้อยก็ยกโทษกันไป แต่มันต่อเล็กน้อยว่าการกล่าววาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีใดเพื่อเรียกร้องให้มีการต่อต้านรัฐ หรือขัดขืนเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการประท้วงด้วยวิธีใดๆ ที่แสดงทั้งบนเวที ที่คู่ขนานในการก่อเหตุในที่ตางๆ เช่น การบอกด้วยวาจา โฆษณาด้วยวิธีใด กุเรื่องโกหกกล่าวร้ายใครหรือแม่แต่หมิ่นสาถบันเบื้องสูง ถ้าทำไปเพื่อต่อต้านรัฐ ต่อสู้การดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐก็กลายเป็นไม่ต้องรับผิด ยอมได้ไหมครับแบบนี้
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องไปบอกว่าการกระทำทั้งหลายที่เลวร้ายเหล่านี้ทุกประการไม่ต้องรับผิดทั้งๆ ที่บางกรณีกระทบกระเทือนกับจิตใจของคนทั้งประเทศ และที่เขียนว่าการประท้วงด้วยวิธีใดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เราไม่เคารพเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือถ้าชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญบอกว่าการชุมนุมต้องเป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ แต่ถ้าประท้วงโดยวิธีใดๆ ยิงเอ็ม 79 ก็ได้ ยิงอาร์พีจีก็ได้ เผาศาลากลางก็ได้ เผาศูนย์การค้าก็ได้ ฆ่าคนก็ได้ แล้วเราจะมีกติกาไว้ในบ้านเมืองไว้ทำไม”
ถามคนเสื้อแดง คิดดูให้ดี ถ้าประชาธิปัตย์ฆ่าประชาชน จะต่อต้านปรองดองทำไม
“อยากให้คนเสื้อแดงฉุกคิดว่าใครฆ่าประชาชน ทำไมถ้าประชาธิปัตย์ฆ่าประชาชนขึงค้านกฎหมายฉบับนี้ แต่ทำไมทักษิณกับพวกอยากให้ผ่านกฎหมายฉบับนี้ ผมเคยบอกในสภาว่าให้ระวังให้ดีว่าหัวหน้าผู้ก่อการร้ายกับฆาตรกรนั้นคนๆ เดียวกัน
เมื่อกี๊นายกชวนบอกแล้วว่าเราต้องไม่เป็นคนขี้ลืม ว่าที่ปราบปรามประชาชนนี้ไม่ได้มีแค่ 52-53 นะครับ แต่ที่ล้อมปราบ 7 ต.ค. 51 นั่นแหละครับชี้มูลมีความผิดแล้วก็ได้นิรโทษกรรมไปด้วย เวลาที่บอกว่าให้ถือว่าไม่ใช่การกระทำความผิดคืออะไร มาตราต่อไปบอกว่าถ้าตำรวจสอบอยู่ให้หยุดสอบ ถ้าอยู่ระหว่างพิจารณาว่าฟ้องไหม ให้อัยการไม่ฟ้อง ถ้าฟ้องแล้วให้ถอนฟ้อง ถาตัดสินแล้วให้ถือว่าไม่เคยได้รับการพิพากษาว่ากระทำความผิด และถ้ารับโทษแล้วให้ปล่อยตัว ดีนะครับถ้าใครถูกประหารมันจะเขียนต่อว่า ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่”
ผมกราบเรียนพี่น้องว่าที่เราไม่เห็นด้วยมันไม่ใช่เรื่องความอาฆาตมาดร้ายความผิดทั้งหลายที่ทำที่เขียนอยูนี่มันไม่ได้ทำกับผม ไม่ได้ทำกับคุณสุเทพไม่ได้ทำกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานที่เป็นพรรครัฐบาลขณะนั้นแต่เป็นความผิดต่อแผ่นดินทั้งสิน คุณชำนิถึงได้พูดเมื่อตอนเย็นไงครับว่าเมื่อเป็นความผิดต่อแผ่นดินต่อรัฐถ้าจะเสนอเรื่องนี้เป็นนโยบายกล้าๆ หน่อยๆ คนเป็นรัฐบาล คนเป็นนายกเซ็นเองสิครับ มันธุระอะไรของบิ๊กบัง มันธุระอะไรของ ส.ส.เพื่อไทย ส.ส.ชาติไทยพัฒนา
ความผิดต่อแผ่นดิน วันนี้รัฐบาลหัวหน้ารัฐบาลมีหน้าที่ต่อแผ่นดินคุณต้องตัดสินใจ ผมจึงอยากจะบอกว่าประการแรก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลืม-ไม่ลืม อาฆาต-ไม่อาฆาต แต่พวกเราทุกคนอาศัยแผ่นดินนี้อยู่ เกิดความเสียหายต่อแผ่นดินต้องปกป้องผลประโยชน์ต่อแผ่นดิน และใครมาทำความเสียหายจะยกโทษให้ต้องมีเหตุอย่างชัดเจน ผมเคยบอก ผมเคยพูดมาตลอดถ้าผิดเล็กน้อยหรือเพื่ออุดมการณ์เข้าใจได้ แต่ไม่ใช่ฆ่าคนลักทรัพย์เผาบ้านเผาเมืองก่อการร้าย ทำลายสถานที่สำคัญของประเทศ หมิ่นเบื้องสูงเพราะถ้าใช้มาตรฐานมันจะสิ้นสุดที่ไหน
ผมถึงแปลกใจเวลาชาวบ้านที่เป็นคนทั่วไปมาตำหนิ ส.ส.ปชป. ที่ทำเกินเลยไปในสภา ผมยังเข้าใจได้ แต่คนที่ไม่มีสิทธิพูดเลยคือพรรคเพื่อไทย ทำไมละครับ เพราะการกระทำของคุณรังสิมา การกระทำของหมอวรงค์ไม่มีเรื่องส่วนตัว เท่าที่ผมทราบคุณรังสิมาไม่มีอะไรโกรธเคืองเป็นการส่วนตัวกับเก้าอี้ของประธานสภา แต่ว่าก็ทำไปเพราะเป็นการแสดงออกทางการเมืองเหมือนกันเพราฉะะนั้นผมจึงถามว่าพวกคุณมีสิทธิมาเรียกร้องอะไรบอกให้ขอโทษ ให้นายอภิสิทธิ์ลาออก พวกคุณทำถึงขั้นเผาบ้านเผาเมืองก่อการร้ายจราจล แล้วยังยอมรับว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายแล้ว วันนี้ยังหน้าไม่อายมาเสนอนิรโทษกรรมพวกตัวเอง
คนที่ขโมยของที่เซ็นทรัลเวิร์ลด์ วันข้างหน้า การต่อสู้ทางการเมืองมีกติกาเดียวคือใครชนะคนน้ันทำได้ทุกอย่าง ต่อไปใครจะชกต่อยใครก็บยอกว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ไม่ชอบกันทางการเมือง ไปทำอะไรกับพวกหนังสือพิมพ์ที่รับใช้ทักษิณก็บอกไม่มีอะไรเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องการเมือง นี่เป็นกฎหมายที่อันตรายมาก อันตรายอย่างยิ่งเพราะเท่ากับว่าต่อไปนี้ไม่มีอะไรทีเป็นกติกากับการต่อสู้ทางการเมือง ปล้นแบงก์ไม่ได้อยากได้เงินแต่ต่อต้านทุนนิยม ผมถึงบอกว่ามันไม่ใช่คุณจะต่อสู้ทางการเมือง คุณก็เองอยู่ภายใต้กติกากฎหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่ใช่ก็คือเรากำลังทำลายระบบนิติรัฐ นิติธรรมและระบอบประชาธิปไตย"
บอกผู้สนับสนุนอย่างตายใจ เรียกร้องรัฐบาลปิดสมัยประชุมสภาเดี๋ยวนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ว่าหากอ้างว่ารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเป็นพิษย่อมให้ผลที่เป็นพิษ ถ้าเช่นนั้นรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งก็ย่อมต้องเป็นพิษ แล้วจะอยู่กันอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรระงับการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อนว่าอาจจะมีคนชอบใจหรือไม่ชอบใจ แต่ถามว่าการระงับไว้ก่อนสร้างความเดือดร้อนไหม กระทบปากท้องประชาชนไหม “ผมเห็นคลั่งอยู่คนเดียวคือที่อยู่ที่ดูไบ โทรมากล่าวหารุนแรงว่าศาลรธน. จะปล้นอำนาจ ก็โชคดีว่าเงื่อนไขความขัดแย้งนั้นถูกพักไว้ก่อน แต่เรื่องกฎหมาย 4 ฉบับ ต้องบอกว่า อย่าตายใจ”
จากนั้นได้เรียกร้องนายกยิ่งลักษณ์ต้องเสนอพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมเดี๋ยวนี้ และรอเปิดสภาอีกทีในเดือนสิงหาคม เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ถ้ายังไม่เปิดสมัยประชุม ก็อย่าไว้วางใจ
ย้ำบ้านเมืองต้องมีขื่อแป ปฏิวัติหลายครั้งไม่เคยมีแนวคิดล้มล้างอำนาจตุลาการ
สุดท้ายเขากล่าวว่า การสร้างกระแสของแกนนำเสื้อแดงให้ระวังการปฏิวัตินั้นเป็นเรื่องผิดปกติ และนายจตุพร พรหมพันธ์กล่าวว่าจะมีการอุ้มนายกหายไป โดยเขาบอกว่าไม่เชื่อ เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา นายกหายไปหนเดียว คือ ว.5 โฟร์ซีซั่น แต่เขาเห็นว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือจะมีการสร้างเงื่อนไขเพื่อล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนเดียว
ทั้งนี้ เขาย้ำว่าประชาธิปัตย์เป็นนักประชาธิปไตยต้องการให้บ้านเมือง ระบบสภา และประชาธิปไตย เดินหน้า และเริ่มต้นที่นักการเมืองต้องไม่สร้างเงื่อนไข และแม้จะมีการรัฐประหารหลายครั้งก็ไม่เคยมีการล้มล้างอำนาจตุลาการเช่นที่กำลังเกิดขึ้น
“แต่ความเลวร้ายจากการรัฐประหารที่เคยเกิดขึ้นหลายยุคหลายสมัยฉีกรัฐธรรมนูญล้มรัฐบาล แต่ไม่เคยมีการคิดล้มล้างอำนาจตุลาการ แต่กฎหมาย 4 ฉบับที่พูดถึงอยู่นี้ ไม่ใช่การรัฐประหาร แต่เป็นการประหารรัฐ เหมือนหนึ่งบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป บ้านเมืองไม่มีกฎหมายบ้านเมืองขึ้นอยู่กับอำเภอใจของคนมีอำนาจ และถ้าเรามีบ้านเมืองอย่างนี้อนาคตของประเทศ อนาคตของลูกหลายมืดมน ผมจึงต้องย้ำกับพี่น้องว่า การต่อสู้ของพี่น้องทุกคนในวันนี้เป็นการต่อสู้ที่มีความสำคัญ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ของพวกเราเองเลย ไม่มีเรื่องไปแย่งชิงอำนาจเลย เราขอเพียงว่าคนมีอำนาจอย่าลุแก่อำนาจทำลายชาติบ้านเมืองและอนาคต วันนี้ จึงเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้นของการต่อสู้พวกเราทุกคนต้องเหนื่อยอีกมากและหลายคนที่ขึ้นมาพูดบนเวทีนี้ได้ให้กำลังใจกับพี่น้องทุกคน ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ขอให้กำลังใจพี่น้องที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและผมจะยืนยันว่าพรรคปชป. จะก้าวเดินไปกับพี่น้องในการต่อต้านกฎหมายทำลายชาติฉบับนี้ ยืนยันคำเดิมไม่นิรโทษกรรมคนจงใจทำผิดทางอาญา ไม่คืนทรัพย์สินให้ทักษิณ สี่หมื่นหกพันล้าน พี่น้องสู้ไม่สู้ สู้ไม่สู้ สู้ไม่สู้ ถ้าพี่น้องสู้ประชาธิปัตย์จะสู้กับพี่น้อง ขอขอบคุณครับ” นายอภิสิทธิ์ กล่าวส่งท้ายกับประชาชน จากนั้นเวทีปราศรัยจึงจะยุติลง