ดีเอสไอชี้ กทม. ต่อสัญญาบีทีเอสเข้าข่ายผิดสัญญา

โพสท์ทูเดย์ 7 มิถุนายน 2555 >>>


ดีเอสไอ เผย มท.1 ตอบกลับ กทม. บีทีเอส เตรียมเรียก กทม. เคที -บีทีเอสซี แจงยใน 18 มิ.ย. นี้ เบื้องต้นเห็นว่า กทม. เข้าข่ายมีความผิดอาจส่งผลให้สัญญาเป็นโมฆะ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.เพื่อไทย ร้องเรียนให้ตรวจสอบสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชนที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ขยายสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสให้กับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ทำหนังสือสอบถามไปยังนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้มีอำนาจและมีความเกี่ยวข้องกับ กทม. โดยกระทรวงมหาดไทยได้ตอบกลับมายังดีเอสไอเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 ระบุว่า เรื่องดังกล่าวกระทรวงฯ พิจารณาเห็นชอบว่า ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 กำหนดให้กิจการรถรางเป็นอำนาจของกระทรวงฯ ซึ่งระบบขนส่งมวลชน กทม. ถือเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกับรถรางตามประกาศนี้ กระทรวงฯ ไม่ได้มอบอำนาจให้อนุมัติโครงการดังกล่าวแก่ กทม.
นายธาริต กล่าวว่า คำชี้แจงที่กระทรวงฯ ตอบกลับมาทำให้เห็นว่า กทม. ไม่มีอำนาจที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ประชุมพนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นลงนามเมื่อเช้าวันนี้ ให้สอบถามข้อเท็จจริงกลับไปยัง 3 หน่วยงานคือ กทม. บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) และบีทีเอสซี เพื่อชี้แจงเหตุผลการขยายสัญญาสัมปทานฯ โดยให้ตอบกลับมาในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ จากนั้นจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ แต่เบื้องต้นทางดีเอสไอเห็นว่า เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยืนยันถึงสาระสำคัญ ก็ถือว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดซึ่งอาจส่งผลในสัญญาดังกล่าวเป็นโมฆะ