มติชน 3 มิถุนายน 2555 >>>
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวเสนอให้ปิดประชุมสภาฯ สมัยนิติบัญญัติในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ว่า จากการตรวจสอบพบว่าไม่เป็นความจริง ยังไม่มีการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาฯ ในการประชุม ครม. นี้อย่างแน่นอน เพราะยังมีกฎหมายค้างอยู่หลายฉบับรอการผลักดัน ทั้ง พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ และ พ.ร.บ.ก่อการร้ายฯ ซึ่งต่างชาติอยากให้มีกฎหมายนี้เกิดขึ้น รวมทั้ง ม.190 ที่รัฐบาลเสนอค้างอยู่ เรื่องดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยยังไม่รับสัญญาณปิดสภาฯ คาดว่าจะมีการประสานระหว่างประธานสภาฯ และรัฐบาลอีกครั้ง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่มีการชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ที่ลานคนเมืองเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า จากการติดตามพบว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการเป็นลักษณะเผยตัวตนให้เห็นธาตุแท้ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนอกจากแพ้การเลือกตั้ง เสียงในสภาฯ ก็แพ้ กลับเริ่มใช่วิธีการนอกระบบโดยการเปิดเวที ที่สำคัญมีการแจกผ้าโพกหัวสายล่อฟ้า แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่เคยระบุว่ามั่นใจระบบสภาฯ สุดท้ายก็แสดงพฤติกรรมค้านทุกเรื่องเพื่อล้มรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่เป็นระบบ
"อยากขอเตือนความจำนายอภิสิทธิ์ว่าทำลายระบบประชาธิปไตย โดยครั้งแรกนำพรรคบอยคอตการเลือกตั้งในปี 48 ต่อมาตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เสวยสุขอยู่ 2 ปีกว่า จากนั้นก็สลายการชุมนุมโดยยังไม่เคยขอโทษประชาชน ผมเชื่อว่านายอภิสิทธิก็น่าจะอยู่เบื้องหลังที่ให้ลูกน้องดำเนินการในสภาฯ ทำตัวเป็นอันธพาล ทั้งนายอภิชาต สุภาแพ่ง ที่ดึงประธานสภาฯ เกือบตกเก้าอี้ หรือนายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ไปจนถึง น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ที่ดึงเก้าอี้ประธานสภาฯ ต่อเนื่องมาถึง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ขว้างปาแฟ้มการประชุมใส่ประธานสภาฯ โดยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ตำหนิ จริงหรือไม่ที่มีการยกย่องการกระทำแบบี้กันในพรรคด้วย แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ทำตัวเป็นแก๊งการเมืองในสภาฯ นายอภิสิทธิ์ถือเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่ตกต่ำที่สุด เป็นโมฆะบุรุษไปแล้ว" นายพร้อมพงศ์
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า และจากการผลสำรวจหลายสำนัก พบว่าประชาชนเสื่อมศรัทธาจากการปฏิบัติการเป็นแก๊งอันธพาล เป็นเผด็จการเสียงข้างน้อยลากเสียงข้างมาก ทำให้สภาฯ ถูกมองว่าเสื่อมจากการกระทำของฝ่ายค้านโดยมีนายอภิสิทธิ์ให้ท้าย สภาฯ ถูกย่ำยี แม้แต่คนใต้ยังยี้พรรคประชาธิปัตย์ สุดทนกับพฤติกรรมดิบ เถื่อน ถ่อย ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ควรตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมนักการเมืองของพรรคตนเอง แต่นายอภิสิทธิ์กลับไม่ทำและยังออกมาพูดว่ายอมรับได้ ถือเป็นการเหยียบย่ำคุณงามความดีของบรรพบุรุษที่สร้างพรรคมา 60 กว่าปี ดังนั้นขอตั้งฉายาว่า “ปี 2555 อันธพาลสภาฯ ครองเมือง” เพราะพรรคประชาธิปัตย์ทำตัวเป็นอันธพาลครองเมือง น่าอดสู ถือเป็นฆาตกรรมหมู่ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า