สองเด้ง 'เต้น-ตู่' ของร้อนในมือ 'ยิ่งลักษณ์'

โพสท์ทูเดย์ 18 มิถุนายน 2555 >>>




การปรับ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใกล้เข้ามา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกทดสอบภาวะผู้นำมากขึ้นว่าจะปรับใหญ่ ปรับเล็ก นำคนมีความสามารถมาบริหารประเทศมากกว่าคำนึงระบบโควตาได้แค่ไหน
เสียงเรียกร้องจากพรรคเพื่อไทย อุเทน ชาติภิญโญ กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย
สะท้อนไว้อย่างน่ารับฟัง “พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งโดยประชาชน ดังนั้นต้องมีความกตัญญูทดแทนบุญคุณให้แก่ประชาชน โดยเลือกคนที่มีฝีมือมีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ใน ครม. ซึ่งในพรรคเพื่อไทยมีอยู่เยอะ ทั้งสมาชิกบ้านเลขที่ 111 หรือคณะทำงานต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามจะต้องหยุดการปรับเปลี่ยนตำแหน่งแบบต่างตอบแทน แต่ต้องตอบแทนให้ประชาชนโดยการนำคนเก่ง คนมีความสามารถเข้ามาทำงาน พรรคเพื่อไทยจะต้องกล้าทำในเรื่องเหล่านี้”
รัฐมนตรีที่มีคดีความ ถูกองค์การอิสระชี้มูลความผิด ยิ่งลักษณ์ จะกล้า “พักงาน” ไม่ให้กระทบความรู้สึกประชาชนหรือไม่ และนำคนเก่งมาเป็นแทนให้เป็นไปตามมาตรฐานที่แกนนำเสื้อแดง เคยออกมาโจมตี พรรคประชาธิปัตย์อย่างเผ็ดร้อนที่ตั้งคนมีคดีความเป็นรัฐมนตรี
กรณี ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่มั่นคงกับเก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพราะเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเป็นตำแหน่งโควตาของคนเสื้อแดง กำลังถูกท้าทายหลังผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติว่า การที่นายกฯ เสนอตั้งณัฐวุฒิเป็นรัฐมนตรี ไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ทางจริยธรรม!!
เนื่องจาก ณัฐวุฒิ ติดคดีก่อการร้ายและอัยการได้ส่งฟ้อง ซึ่งศาลประทับรับฟ้องเรียบร้อยแล้ว และยังมีคดีอื่นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวน ซึ่งล้วนแต่เป็นกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายอาญาแผ่นดิน
ผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่า นายกฯ มิได้นำพฤติกรรมทางจริยธรรมของณัฐวุฒิมาประกอบการพิจารณาเสนอชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างรอบคอบเพียงพอ ก่อนเสนอชื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
นอกจากกรณี ณัฐวุฒิผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ชี้ว่าการเสนอแต่งตั้ง นลินี ทวีสิน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งติดแบล็กลิสต์จากสหรัฐ นายกฯ ก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยโดยให้เหตุผลว่า นลินี เป็นรัฐมนตรีถูกห้ามเดินทางเข้าประเทศหนึ่งและถูกห้ามเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือทางการเงิน ย่อมส่งผลกระทบต่อเกียรติภูมิของประเทศชาติ ความสง่างามของรัฐบาล ดังนั้น นายกฯ ควรนำเรื่องจริยธรรมมาประกอบการพิจารณาแต่งตั้ง
อย่างไรก็ตาม กรณี “ณัฐวุฒิ-นลินี” ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้หยิบขึ้นมาเอง แต่มีผู้ร้องคือกลุ่มกรีน ยื่นให้ตรวจสอบจริยธรรมเรื่องเดียวกันพร้อมกัน 4 คน คือ “ณัฐวุฒิ–นลินี” “อำพน กิตติอำพน” เลขาธิการ ครม. ที่ต้องร่วมตรวจสอบการเสนอชื่อทูลเกล้าฯ ถวาย และ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
กระนั้นการตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดินครั้งนี้ไม่ได้มีผลบังคับทางกฎหมายต่างจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลยุติธรรม แต่เป็นการทำหน้าที่ตามกรอบที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจผู้ตรวจการแผ่นดินมาดูเรื่องจริยธรรมทางการเมืองเป็นหลัก ขั้นตอนจากนี้จะจัดทำรายงานเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และ ครม. ตามอำนาจต่อไป
อีกด้านก็ส่งไปยังคณะกรรมการจริยธรรมของสภา ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า หากคณะกรรมการจริยธรรมของสภาวินิจฉัยออกมาว่าการกระทำของณัฐวุฒิเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ก็จะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ให้ดำเนินการกับนายกฯ ด้วย
เห็นได้ว่าแรงกดดันจากกรณีณัฐวุฒิจะไปตกที่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ว่าจะพิจารณาอย่างไร เพราะเป็นผู้เสนอแต่งตั้งโดยตรง จะลอยตัวหรือโยนให้เป็นเรื่องฝ่ายนิติบัญญัติเหมือนที่ผ่านมาก็คงลำบาก และหากยืนยันว่าแต่งตั้งถูกเหมาะสม ก็ต้องรับแรงตรวจสอบทางการเมืองที่จะตามมาอย่างหนีไม่พ้น
แต่ฟันธงได้ ยิ่งลักษณ์ จะต้องปกป้องการเสนอชื่อณัฐวุฒิว่าได้พิจารณารอบคอบแล้ว เพราะหากปรับณัฐวุฒิออก ก็เหมือนเปิดศึกกับคนเสื้อแดง เพราะณัฐวุฒิเป็นแม่เหล็กที่ดึงคะแนนมวลชนและมีบทบาทช่วยพรรคเพื่อไทยชนะถล่มทลาย
สำคัญกว่านั้นจะเข้าตัวเองเพราะเป็นผู้เสนอแต่งตั้งโดยตรง ขณะเดียวกันยังจะถูกแกนนำแดงโจมตีว่า ถ้าปลดณัฐวุฒิก็เท่ากับยอมรับการตรวจสอบขององค์การอิสระ ที่ขณะนี้ นปช.กำลังปลุกระดมมวลชนเพื่อเตรียมชุมนุมใหญ่วันที่ 24 มิ.ย. เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยชูวาระล้มองค์การอิสระ ด้วยข้อหามีการตั้งเครือข่ายอำมาตย์ภิวัฒน์ ยืมมือองค์การอิสระคือศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน อัยการสูงสุด มาเดินเกมล้มรัฐบาล
ถึงแม้ ยิ่งลักษณ์ จะไม่ปรับ ณัฐวุฒิ ออกแต่ที่น่าคิดกว่านั้น การตรวจสอบผู้ตรวจการแผ่นดินครั้งนี้ จะสะเทือนไปถึงการตั้ง จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เป็นรัฐมนตรีในอนาคตด้วย เพราะเป็นจำเลยคดีก่อการร้ายและติดหลายคดีไม่ต่างจากณัฐวุฒิ หากยิ่งลักษณ์ตั้ง จตุพร เป็นรัฐมนตรี ก็จะเพิ่มความร้อนให้กับรัฐบาลโดยไม่จำเป็น
อีกทั้งในช่วงหลังมีข่าวสะพัดในพรรคเพื่อไทยว่า นายใหญ่เปลี่ยนใจยังไม่ให้เก้าอี้รัฐมนตรี จตุพร แต่จะให้แกนนำกลุ่ม 111 เป็นก่อนเพื่อเรียกความเชื่อมั่น ดังนั้นการตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดินจึงอาจเข้าทาง “ตึกแดง” ที่จะนำมาอ้างไม่ตั้งแกนนำ นปช. เป็นรัฐมนตรีเพิ่ม กลัวกระทบเสถียรภาพรัฐบาลในภาวะที่กำลังปะทะกับองค์การอิสระ และกำลังถอยประคองสถานการณ์ไม่ให้ยิ่งลักษณ์ช้ำ
ปฏิกิริยาของแกนนำแดงจึงเดือดดาลตาม แต่หากไม่ตั้ง จตุพร เป็นรัฐมนตรี งานนี้ก็อาจกระทบกับ “ยิ่งลักษณ์–ทักษิณ” ที่ต้องตอบคำถามคนเสื้อแดงว่าจริงใจหรือ จะบอนไซคนเสื้อแดง
จะเลือกแนวทางรักษาน้ำใจคนเสื้อแดง หรือจะเพิ่มปมร้อนให้กับรัฐบาลทุกอย่างดูที่นายใหญ่จะชั่งสถานการณ์