มติชน 12 มิถุนายน 2555 >>>
รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนการประชุม ส.ส.เพื่อไทย ในเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งประกอบไปด้วยระดับแกนนำสำคัญ อาทิ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งเสียงส่วนใหญ่เห็นควรชะลอการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ออกไปสักระยะแต่เพื่อรักษาน้ำใจมวลชน ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ให้ขอมติรับรองการปฏิเสธอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผู้ไม่เห็นด้วยเพียง 2 รายคือนายจาตุรนต์และ พ.อ.อภิวันท์ จึงต้องยอมตามเสียงข้างมาก ซึ่งให้เป็นมติของกรรมการยุทธศาสตร์
รายงานข่าวแจ้งว่าจากนั้น พ.อ.อภิวันท์ ในฐานะประธานที่ประชุม ส.ส. ได้แจ้งมติกรรมการยุทธศาสตร์ต่อที่ประชุม ส.ส. ปรากฏว่า ส.ส. จำนวนมากลุกขึ้นอภิปรายสวนขึ้นมาทันที บรรยากาศการตอบโต้ระหว่าง ส.ส. และผู้บริหารพรรคเป็นไปอย่างเข้มข้นและตึงเครียด เมื่อ ส.ส. เรียกร้องให้เร่งลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ส่วนใหญ่เป็น ส.ส. แกนนำกลุ่ม นปช. อาทิ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ด้วยเหตุผลว่าฝ่ายนิติบัญญัติทำถูกต้อง
ในขณะที่ผู้บริหารพรรคพยายามไกล่เกลี่ยชี้แจงว่าแค่ชะลอ การนัดลงมติวาระ 3 ให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาตัดสินใจ แต่นายก่อแก้ว ก็สวนขึ้นมาโดยท้าพนันว่าเลยว่านายสมศักดิ์จะไม่ตัดสินใจ ซึ่ง ส.ส. ต่างก็ปรบมือ
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนการอภิปราย ส.ส. ยังตำหนิว่าหากพรรคยังไม่ทำอะไร มัวแต่ห่วงอำนาจ ไม่มีความกล้า ไม่ยอมต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยหันหลังให้ประชาชน เลือกตั้งครั้งหน้าให้เลิกคิดที่จะไปหาเสียงว่าจะเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับไทย เลิกพูดเรื่องประชาธิปไตยได้เลย ประชาชนจะไม่สนับสนุนพรรคอีกแล้ว เพราะไม่มีครั้งไหนแล้วที่กระแสสังคมและนักวิชาการจะสนับสนุนมากเท่านี้
รายงานข่าวแจ้งว่า แต่อีกฝ่ายหนึ่ง อาทิ นางบุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เห็นว่าควรชะลอการลงมติวาระ 3 ออกไปก่อนเพราะตราบใดที่ไม่มีการลงมติ ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้เพราะความผิดสำเร็จยังไม่เกิด อีกทั้งควรให้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีทางลงบ้าง และถ้าลงมติก็ไม่แน่ใจว่าจะผ่านหรือไม่เพราะอำมาตย์ก็คงไปล็อบบี้พรรคร่วมโดยเฉพาะ ส.ว. ที่เป็นพวกขี้ตกใจง่าย หรือถ้าลงมติแล้วผ่านก็อาจติดขัดขั้นตอนต่อไปบางประการ ซึ่งจะเท่ากับเป็นการผลักนายกรัฐมนตรีเข้าสู่หลักประหาร โดยระหว่างนี้มีระดับผู้ใหญ่ของ 2 ฝ่ายแอบเจรจากันในทางลับอยู่แล้วแต่เปิดเผยไม่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า หลัง ร.ต.อ.เฉลิมพูด ส.ส.จำนวนมากลุกขึ้นอภิปรายโต้แย้ง อาทิ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ ที่ระบุว่าหากปล่อยให้การลงมติวาระ 3 ค้างไว้ในระหว่างปิดสมัยประชุมก็ตัวใครตัวมัน แล้วยังเอา พ.ร.บ.ปรองดอง เข้ามาเสียบไม่ถูกเวลา ไม่หารือ ส.ส. ก่อนเลยพาลจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญพังไปด้วย หรือบางคนก็ระบุว่ามัวแต่ห่วงอำนาจนอกจากรักษาอำนาจไม่ได้แล้วจะพังกันไปหมด
รายงานข่าวแจ้งว่าแต่ฝ่ายผู้บริหารพรรคก็ยังโต้แย้งว่าถ้าชนกับศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งได้ แต่ ส.ส. ต้องการให้ลงมติมีมากกว่าและในการอภิปรายก็มีเสียงปรบมือสนับสนุนเป็นระยะ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม และผู้บริหารพรรคหลายคนถึงกับหน้าถอดสีและโต้แย้งไม่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่าแต่อย่างไรก็ตามที่ประชุมไม่ได้เปิดให้ ส.ส. ลงมติว่าเลือกแนวทางใด แต่แจ้งให้ที่ประชุมทราบและให้ดำเนินการตามมติกรรมการยุทธศาสตร์เท่านั้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ ส.ส. และบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด บางรายถึงกับระบุว่านอกจากการลงมติไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญแล้วขอลงมติไม่ยอมรับอำนาจของกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยได้หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า แต่สุดท้ายแกนนำพรรคก็ไม่ยินยอมพร้อมไกล่เกลี่ยว่าแค่ชะลอการลงมติ แต่ไม่ใช่ในระยะใกล้ๆ นี้ อาจจะมีการขยายเวลาปิดสมัยประชุมออกไปอีก โดยให้เหตุผลเรื่องการพิจารณางบประมาณ อาจลากยาวดูท่าทีไปถึงเดือน ส.ค. เพื่อหาเวลาเหมาะสมในการเรียกลงมติ แต่ ส.ส. ก็ยังไม่ยินยอม บางคนก็ตะโกนว่าถ้าไม่ลงมติวาระ 3 "จบเห่แน่ เราตายหมู่แน่"