'ธาริต' แจง 'จตุพร' ไม่หมิ่น หวังโจมตี 'อภิสิทธิ์-สุเทพ'

กรุงเทพธุรกิจ 14 พฤษภาคม 2555 >>>


"ธาริต" แจงสั่งไม่ฟ้อง "จตุพร" ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ตีความ "กระสุน …" ไม่หมิ่น หวังโจมตี "สุเทพ-อภิสิทธิ์" ย้ำสถาบันไม่อยู่เบื้องหลัง

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดแถลงข่าวเป็นครั้งที่ 2 เพื่อชี้แจงเหตุผลกรณีดีเอสไอสั่งไม่ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อปี 2554 จนถูกพรรคประชาธิปัตย์นำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่า การมีความเห็นดังกล่าวมาจากการสอบสวนร่วมกันของพนักงานสอบสวนดีเอสไอและพนักงานอัยการ โดยเป็นการสั่งคดีตามพยานหลักฐาน ซึ่งมีการสอบพยาน 3 กลุ่มคือ นักภาษาศาสตร์ ซึ่งให้ความเห็นเกี่ยวกับการสื่อสารด้วยถ้อยคำ, นักสื่อสารมวลชนให้ความเห็นเกี่ยวกับการรับรู้ของผู้ฟัง และพยานกลางกลุ่มที่เข้าฟังการปราศรัยว่าเข้าใจเนื้อหาการปราศรัยดังกล่าวอย่างไร ทั้งประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ โดยมีพยานซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายเป็นอดีตอธิบดีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ซึ่งเป็นนักประชาธิปไตยที่ร่วมชุมนุมทั้งกลุ่มเสื้อเหลืองและกลุ่มเสื้อแดง แต่ขอไม่เปิดเผยรายชื่อพยาน
นายธาริต กล่าวอีกว่า การพิจารณาซึ่งแยกการวินิจฉัยออกเป็น 3 ประเด็น คือความหมายของคำพูด ซึ่งพนักงานสอบสวนเห็นว่าจากการวิเคราะห์พยานทั้ง 3 กลุ่มต้องพิจารณาการปราศรัยทั้งหมดไม่ใช่ตัดตอนเฉพาะข้อความว่า "กระสุน ..." ก็จะสามารถรับรู้ว่าผู้พูดต้องการอธิบายโดยเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบว่าการส่งหน่วยทหารออกมาทำให้เข้าใจผิดว่า สถาบันอยู่เบื้องหลังซึ่งไม่เป็นความจริง รวมถึงต้องพิจารณาเป้าหมายของตัวบุคคลที่ผู้พูดต้องการกล่าวโจมตี โดยเมื่อดูทั้งหมดจะพบว่า นายจตุพร กล่าวพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ. ซึ่งเห็นว่าไม่มีส่วนใดปรากฏว่าพาดพิงมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนการพิจารณาถึงเจตนาและบริบทแวดล้อมในการชุมนุมจะเห็นว่านายจตุพรมีเจตนามุ่งต่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับสถาบัน แต่ก็ไม่ควรนำคำพูดดังกล่าวไปเผยแพร่ โดยเฉพาะคำว่า “กระสุน …" เพราะหากอยู่ในบริบทที่ไม่เหมาะสมอาจถือเป็นความผิดได้
   "ต้องฟังคำปราศรัยตั้งแต่ต้นจนจบ มิใช่ตัดเฉพาะเอาข้อความว่า "กระสุน ... " จะสามารถรับรู้และแปลความหมายได้ว่าเป็นการอธิบายความโดยเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจว่า การสั่งให้หน่วยทหารออกมาปฏิบัติการนั้น มีความมุ่งหมายให้เกิดการเข้าใจผิด ว่าสถาบันอยู่เบื้องหลัง ซึ่งความจริงแล้วไม่เป็นความจริง โดยสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง นี่คือความหมายของผู้พูด ที่ดูบริบททั้งหมดไม่ใช่ตัดตอนเฉพาะแค่ประโยคเดียว และขอยกตัวอย่างว่า หากมีการทำสารคดีหรือฉายภาพจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการในสถานการณ์ความขัดแย้งแบ่งแยกเป็นสองขั้ว แล้วมีคนลุกขึ้นมาพูดว่า เห็นมั๊ย นี่ไงกระสุน … อย่างนี้หมิ่นเหม่และเข้าข่ายที่จะมีความผิด" นายธาริต กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ประเวศ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอถอดเทปคำปราศรัยทั้งหมดแตกต่างจากการนำเสนอของสื่อที่มีการตัดตอนบางประโยค และเมื่อพิจารณาทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ พบว่าที่ผ่านมาผู้ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูงมักเป็นผู้ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องซึ่งได้ดำเนินคดีเป็นรายบุคคล แต่ในส่วนของนายจตุพรไม่พบว่าเคยมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบัน ทั้งนี้ที่ผ่านมาการสอบสวนของพนักงานสอบสวนดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่มีการเปลี่ยนวิธีการและบุคคลที่ตั้งเป็นที่ปรึกษาของคดีดังกล่าวซึ่งเป็นที่ปรึกษาในคดีล้มเจ้าตามผังของ ศอฉ. ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าพยานนักภาษาศาสตร์ สื่อสารมวลชน และผู้พิพากษามีเพียงฝ่ายละหนึ่งปากหรือไม่ และมีหลักเกณฑ์ในการสรรหาที่ปรึกษาให้มาเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญอย่างไร พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า มีพยานมากกว่า 1 ปาก และคัดเลือกมาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีบทบาทในสังคม