โลกวันนี้ 21 พฤษภาคม 2555 >>>
ครบรอบ 2 ปีการสั่งสลายการชุมนุมของคนที่มาร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย แต่กลับได้มาซึ่งความตายและบาดเจ็บจำนวนมาก และยังไร้วี่แววที่จะหาคนสั่งฆ่าประชาชนมาลงโทษ ทั้งที่หลักฐานต่างๆปรากฏชัดว่าใครเป็นคนสั่ง ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. มีคำตอบดังนี้
ความขัดแย้งของคนไทยถึงวันนี้เป็นอย่างไร
ความขัดแย้งปรกติก็มีกันมายาวนาน แต่ที่เกิดขึ้นมากเนื่องจากพรรคไทยรักไทยประสบความสำเร็จเกินกว่าที่พรรคการเมืองด้วยกัน นักการเมืองด้วยกันไม่สามารถต่อสู้ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สร้างพรรคจนกระทั่งไม่มีคู่แข่ง เพราะฉะนั้นแนวความคิดในการคว่ำกระดานอำนาจคือการรัฐประหารจึงเป็นช่องทางเดียวที่จะหยุดยั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ
จะเห็นได้ชัดจากผลพวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็นำพาสู่นายกฯถึง 3 คนในซีกฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะฉะนั้นความขัดแย้งเกิดจากพวกที่พ่ายแพ้ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเหล่านี้จึงมองท่านเป็นศัตรูและคิดโค่นล้มโดยไม่จำกัดวิธีการ และรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าบ้านเมืองเกิดความปรกติสุขเมื่อไรพวกเขาจะเป็นฝ่ายค้านตลอดไป
ฉะนั้นความขัดแย้งบนผลประโยชน์ทางการเมืองยังจะดำรงอยู่ เนื่องจากฝ่ายหนึ่งรู้ว่าจะสงบไม่ได้ เพราะถ้าสงบจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อไป สมองของเขาไม่สามารถคิดสู้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ และตอนนี้นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่ามีพัฒนาการเร็วมาก เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จเหมือนนายกฯทักษิณ
คดีความคนเสื้อแดงคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน
ทุกคนยังต้องสู้คดีกันต่อ พวกผมเองก็ผ่านการต่อสู้ที่มีคนตาย คนเจ็บ มีคนติดคุก คนตายและคนเจ็บอาจได้รับงบประมาณในการเยียวยาก่อนวันที่ 19 พ.ค. นี้ ผมก็เป็นคนที่ติดคุกคนหนึ่ง และเพื่อนพ้องก็ติดคุกจำนวนมาก จึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการประกันตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ผมขอประกันตัว 10 กว่าครั้ง ที่ได้รับการประกันตัวเพราะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรื่องการเยียวยาเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร รัฐบาลชุดนี้สามารถทำได้ทันที แต่เรื่องการประกันตัวพี่น้องเป็นเรื่องอำนาจตุลาการ ซึ่งเกินอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร เพราะแต่ละฝ่ายต่างมีอำนาจเป็นของตัวเอง
การยื่นประกันตัวพวกเราก็ดำเนินการกันหลายครั้ง โดยใช้ตำแหน่ง ส.ส. และรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมผ่านกรมคุ้มครองเสรีภาพ ปรากฏว่าขณะนี้ยังไม่เป็นที่เรียบร้อย ช่วงที่เพื่อนๆติดคุกผมไปเยี่ยมนับครั้งได้ เพราะผมทำใจไม่ได้ แต่แกนนำที่ไปเยี่ยมจะมารายงานทุกวัน ทนายความต้องมาประชุมกับผมตลอดในการต่อสู้ และผมก็นำทัพร่วมกับพี่น้องส่วนต่างๆในการต่อสู้ ผมจึงเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกในฐานะที่เป็นบุคคลที่อยู่ข้างนอกและเป็นบุคคลที่อยู่ในคุก
ขณะนี้พวกผมยังไม่สิ้นความพยายามในการที่จะเอาพี่น้องออกมา เพราะในคุก 1 วันเป็นชะตากรรมที่ไม่อยากให้ใครได้รับ ตัวผมก็ผ่านสิ่งเหล่านั้นมา คดีความก็ยังไม่จบ ยังค้างคาจำนวนมาก บางส่วนมีการยกฟ้อง บางส่วนชั้นพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องก็มี ก็ต้องสู้กันต่อไป ฝ่ายเสื้อเหลือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล มีคดีมากที่สุด ฝ่ายเสื้อแดงผมเป็นคนที่มีคดีมากที่สุด
แสดงว่าความยุติธรรมยังไม่เกิดขึ้นในสังคมไทย
กระบวนการยุติธรรมมีหลายขั้นตอน หลังจากการยึดอำนาจคำว่ายุติธรรมของผู้ชนะที่สถาบันพระปกเกล้าได้อธิบายหลังจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้าฯยันราชประสงค์กว่า 2 ปีที่ผู้บงการฆ่า ซีกฆาตกร คดีไม่มีความคืบหน้า นั่นคือความยุติธรรมของผู้ชนะ แต่เราเองก็เป็นความอยุติธรรมของผู้แพ้ เพราะฉะนั้นความไม่เทียมกันในเรื่องความยุติธรรมจะนำพาให้บ้านเมืองหาความสงบสุขไม่ได้ ผมไม่โทษศาล เพราะเรื่องการฆ่าประชาชนยังไม่ถึงศาล เราเห็นชัดเจนว่าบ้านเมืองนี้ความยุติธรรมไม่เท่ากัน ความรู้สึกก็ไม่เท่ากัน ท้ายที่สุดจะหาความสงบสุขได้อย่างไร
ไม่ใช่ว่าความจริงไม่ปรากฏ แต่เป็นกระบวนการที่ถูกถ่วงรั้งโดยฆาตกรมา 2-3 ปี ทำให้ความชัดเจนในทุกเรื่องหรือพูดง่ายๆว่าความยุติธรรมขาดหายไป ทั้งที่ฆ่าคนกลางท้องถนน ทั้งภาพถ่าย หลักฐานการเบิกอาวุธปืน การใช้งบประมาณ การใช้กำลัง รวมกระทั่งสำนวนรายละเอียด เวลานี้ 16 ศพที่ตำรวจส่งให้อัยการก็ระบุว่าการตายเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะฉะนั้นคนที่สั่งคือรัฐบาลชุดที่แล้ว ความจริงเขาจะต้องอยู่ในชั้นศาลฐานฆ่าคนตาย แต่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมามีแต่เราเท่านั้นที่ขึ้นศาล
ป.ป.ช. ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้าหน้าที่ยิง
อาวุธที่เบิกมา จำนวนกระสุนปืน 120,000 นัดที่ยิงไป ขณะเดียวกันดีเอสไอตั้งสอบว่า 89 ความตายใน กทม. มีทหารคนใดบ้างที่อยู่ประจำจุดนั้น เพราะฉะนั้นทุกอย่างมีคำตอบ แต่ละฝ่ายมีข้างที่ยืนอย่างชัดเจน ความตายบริเวณนั้นจะเป็นบุคคลอื่นไม่ได้ ภาพชายชุดดำก็ถ่ายได้แค่ 6 คน แล้วจะสู้ 60,000 คนได้อย่างไร และ 6 คนนั้นผมก็สงสัยว่าเป็นคนของรัฐบาล เขาเรียกว่าปฏิบัติการไอโอไวท์
สังคมเราบางครั้งก็โง่เขลาถึงขนาดว่าคน 6 คน จะไปสู้ 60,000 คนได้ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่มีอยู่ในโลกนี้ ในหัวยังไม่กล้าทำ ทั้งหมดเราจะไปคาดหวังกระบวนการที่เป็นพวกพ้องหรือมีความสัมพันธ์และผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องมาตัดสินในเรื่องนี้ไม่ได้
คดีของเสื้อเหลืองตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว
คดียึดทำเนียบรัฐบาลยังไม่ไปถึงไหน คดียึดสนามบินบางส่วนยังมารายงานตัวในชั้นพนักงานสอบสวนอยู่เลย นั่นล่วงหน้าของเรามาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2551 นี่ปี 2555 จะครบ 4 ปีแล้ว ก็เป็นคำตอบว่าความยุติรรมคืออะไร
มีบางคดี ป.ป.ช. พยามยามดึงเรื่องให้หมดอายุความ อย่างคดี ปรส.
ผมได้อธิบายความทุกเรื่องในสภาอย่างชัดเจนไปแล้วว่าท้ายที่สุดความเสียหายเหล่านี้ซึ่งจำนวนมโหฬารมากมายกว่าที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รู้กี่สิบเท่า แต่ทั้งหมดอย่างที่บอกบ้านเมืองนี้อธิบายเรื่องความเป็นธรรม ความยุติธรรมลำบาก เรื่องนี้คนเห็นตำตา และผลพวงจาก 650,000 ล้านบาท ลุกลามไม่ไปจ่ายดอกเบี้ยและใช้หนี้ ทั้งต้นทั้งดอกฯปาเข้าไปเกือบจะ 2.2 ล้านล้านบาทแล้ว จะเท่ากับงบประมาณ 1 ปี โดยที่ไม่มีใครผิดสักคน เพราะฉะนั้นบ้านเมืองจะเดินด้วยอย่างนี้หรือเปล่า เราได้เตือนไปแล้ว ผมเชื่อว่าท้ายที่สุดก็จะเป็นอย่างที่คาดว่าจะจบลงด้วยคดีขาดอายุความเหมือนหลายเรื่องที่ผ่านมา เหมือนคดีพรรคยุบประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นอธิบายได้ว่าถ้าสังคมใดไม่มีความยุติธรรมคงเดินหน้าลำบาก หน้าที่ของเราเพียงแค่แสวงหาความเท่าเทียมกับคนอื่นเท่านั้น คนเสื้อแดงจะไม่เป็นปัญหากับรัฐบาล เพราะไม่เคยขอมากกว่าคนอื่น คือขอเท่ากับคนอื่นเท่านั้นเอง
องค์กรอิสระเป็นตัวเตะตัดขารัฐบาลหรือไม่
ทั้งหมดนั้นเราได้วิพากษ์วิจารณ์กันไปแล้ว เพราะฉะนั้นหนทางข้างหน้าแต่ละฝ่ายจะมีการปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ผ่านมาอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้นใหม่อีก คือทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง รัฐบาล องค์กรอิสระ ควรมีการทบทวนทุกองค์กร เพราะเราต้องการพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าให้ได้ ถ้าบรรยากาศทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมก็ไม่มีวันจะเดินไปข้างหน้าได้ และท้ายที่สุดจะกลายเป็นประเทศที่ล้าหลังที่สุดในกลุ่มอาเซียน
10 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร
เป็นการเมืองที่เดินไปด้วยจังหวะที่ระมัดระวังบนความคาดหวังสูงของประชาชน เพราะเป็นรัฐบาลที่เกิดจากพลพวงของการต่อสู้ของประชาชนที่แลกมาด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และคราบน้ำตา เดิมพันด้วยชีวิตและอิสรภาพ เพราะฉะนั้นจึงเป็นรัฐบาลที่ประชาชนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะประชาชนฝ่ายที่ถูกกระทำ ฉะนั้นในช่วง 9 เดือนเศษเป็นช่วงที่รัฐบาลพยายามเร่งผลิตนโยบายต่างๆ แต่เริ่มต้นก็เจอเรื่องภัยธรรมชาติ บวกกับความคิดของมนุษย์เข้าไปผสม และเมื่อฝ่าวิกฤตมาได้ก็ยังเจออีกหลายเรื่อง แต่ทุกอย่างจะผ่านไปได้ ถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพจะสามารถบริหารประเทศครบ 4 ปี
ความเห็นของผมไม่ห่วงว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานไม่ได้ ผมเป็นห่วงเพียงแค่ว่าจะมีเวลาให้กับรัฐบาลชุดนี้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าลำพังนักการเมืองด้วยกันอย่างพรรคประชาธิปัตย์ผมเชื่อว่าล้มรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ คือรัฐบาลนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริตหรือการลุแก่อำนาจ 2 ข้อนี้เมื่อยืนหลักพี่น้องเสื้อแดงก็พร้อมจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้อย่างเต็มที่และสบายใจ รัฐบาลชุดนี้ท้ายที่สุดจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตทุกอย่างได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเรื่องที่ผู้นำรู้ว่าปัญหาไม่ใช่อุปสรรค แต่คือโอกาสที่จะได้แก้ปัญหา นายกฯยิ่งลักษณ์อยู่ในบริบทของนักบริหารที่เห็นปัญหาเป็นโอกาส
การปรับ ครม. ที่จะถึงคนเสื้อแดงมองอย่างไร
พวกผมมองทุกอย่างแบบเป็นปรกติ ตัวผมมีชื่อมาครั้งที่ 3 ในรัฐบาลชุดนี้ แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยอยู่อย่างคนมีปัญหา มิหนำซ้ำผมมีหน้าต้องอธิบายแก้ต่างให้กับรัฐบาลในกรณีที่ผมไม่ได้รับการแต่งตั้ง ผมอธิบายให้ประชาชนเข้าใจรัฐบาลทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะเรามีหน้าที่ในการประคับประคองรัฐบาล และตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาแทบจะไม่เคยมีวันหยุด ทำอย่างนี้มาตลอดแม้กระทั่งปัจจุบัน ข่าวการปรับ ครม. ก็เป็นแค่ข่าวลือ ข่าวที่ทอดยาว ท้ายที่สุดสังคมนี้ก็จะเข้าใจ ผมเห็นเอแบคโพลล์ว่าเสียงส่วนใหญ่ไม่ขัดข้อง เห็นด้วย ควรให้โอกาส แม้กระทั่งมิตรต่างพรรคซึ่งจะต้องต่อสู้ทางการเมืองก็เห็นว่าเมื่ออีกฝ่ายได้รับชัยชนะจะดำเนินการกันอย่างไร แม้จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาบ้าง แต่ทั้งหมดเราได้ฝึกความอดทน เพราะเราเองก็รู้ว่าแต่ละเรื่องไม่ใช่เรื่องง่าย
ใน 5 ปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหน จะติดคุกวันไหน เป็นเรื่องอนาคต ซึ่งอาจเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ แต่ทุกวันเรารู้ว่ายังมีภารกิจ สัปดาห์หนึ่งผมลงพื้นที่ 3-4 วัน บางสัปดาห์นั่งจัดรายการทุกวัน เพราะมีความหวังว่าถ้าประชาชนคนเสื้อแดงมีความแข็งแรง รัฐบาลก็จะมีความแข็งแรงตามไปด้วย
การที่คนเสื้อแดงเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองถูกมองว่าเป็นการหลอกใช้คนรากหญ้า
ผมไม่ได้เอาเปรียบอะไร ผมอธิบายให้ฟังว่าที่มาต่อสู้กันรอบหลังผมเป็น ส.ส. อยู่แล้ว สู้เสร็จผมก็ยังเป็น ส.ส. และไม่รู้ว่าจะเป็นต่อหรือไม่ในวันที่ 18 พ.ค. เพราะแต่ละคนที่มาสู้เขามีสถานะ มีเส้นทางอยู่แล้ว ถ้าผมเป็นนักการเมืองปรกติ อภิปรายในสภา ทำงานสภาปรกติ ผมว่าตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่นใดมันง่ายสำหรับผม เพราะผมทำหน้าที่ในลำดับต้นๆของสภามา 2 สมัยแล้ว
แต่การเป็นคนเสื้อแดงผมรู้ว่ายากกว่าทุกส่วน มีคดีจำนวน 30-40 กว่าคดี เสี่ยงชีวิต ไม่รู้ว่าจะตายวันไหน ติดคุกวันไหน เพราะฉะนั้นถ้าเราแสวงหาเพียงแค่ตำแหน่งทางการเมืองปรกติ ผมไม่จำเป็นต้องลงบนท้องถนน แต่ผมต้องลงมาตั้งแต่ปี 2535-2553 และขยายมาถึงทุกวันนี้ เพราะมีความศรัทธา มีความเชื่อมั่นว่าระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบเดียวที่จะนำพาประเทศนี้เดินหน้าต่อไปได้
คนที่มาร่วมต่อสู้กับผมก็รู้ว่าผมเป็นนักการเมือง เป็น ส.ส. อยู่แล้ว ทุกคนมีที่มาที่ไปทั้งนั้น อย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เขาเป็นผู้สมัคร ส.ส. เป็นโฆษกรัฐบาล มีตำแหน่งทางการเมือง เพราะฉะนั้นจึงเป็นเส้นทางตามปรกติ และทุกคนรู้ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาคือคนที่ต้องการจะเป็นศัตรูในคราบมิตร เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลาเส้นทางการต่อสู้ ผมและเพื่อนๆไม่เคยทรยศพี่น้องผู้ร่วมชะตากรรมแม้แต่วินาทีเดียว จึงไม่มีใครสงสัย ยกเว้นศัตรูในคราบมิตร
คนในพรรคออกมาตีกันถ้าคุณจตุพรจะเป็นรัฐมนตรี
ความจริงแล้ววันนี้ไม่มีใครรู้ว่าใครจะได้เป็นรัฐมนตรี เราก็เหมือนนักฟุตบอล อยู่ที่โค้ชจะให้ไปเล่นตำแหน่งอะไร ถ้าไม่ให้เล่นก็อยู่ข้างสนาม ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ส่วนความเห็นของบุคคลความจริงไม่อยากพูดถึง เพราะตอนน้ำท่วมเคยกล่าวหาผม ท้ายที่สุดก็ต้องโทรศัพท์มาขอโทษผม เพราะสิ่งที่เขาพูดเป็นความเท็จ เราผ่านชีวิตมามากแล้ว บางครั้งก็ต้องฝึกความอดทน ทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องอดทนเลย แต่นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งว่าเราจะผ่านด่านความอดทนได้หรือเปล่า ซึ่งไม่ใช่วิสัยของผม เพราะข้อกล่าวหาที่เกินเลยและคดีที่กล่าวหาดีเอสไอก็ไม่สั่งฟ้องแล้ว เพราะเขามีการตัดต่อเทปอย่างชัดเจน
พรรคนี้อยู่ที่การพิจารณาว่าใครเหมาะสมกับเวลานั้น การที่คนคนหนึ่งจะไปแทนบุคคลใดไม่ใช่เรื่องการแย่ง เพราะทั้งคนเดิมและคนใหม่ไม่ใช่เป็นผู้เลือก แต่เป็นผู้ถูกเลือก ซึ่งอยู่ที่นายกฯในฐานะผู้บริหารว่าจะจัดการบริหารประเทศอย่างไร เราเป็นนักการเมืองก็เหมือนนักกีฬา ต้องทำตัวเป็นนักกีฬาให้ได้ ไม่ใช่โค้ชเปลี่ยนตัวแล้วจะมาโววาย ซึ่งไม่ใช่วิสัยของผู้เล่น
คำว่าลูกผู้ชาย คำว่าคนมีจิตใจนักเลง มีจิตใจนักกีฬา จำเป็นสำหรับทางการเมือง เพราะถ้านักการเมืองไม่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่เข้าใจและทำร้ายกัน ความจริงทางการเมืองไม่มีใครกลัวใคร และยิ่งผมด้วยยิ่งไม่เคยกลัว เพียงแต่ผมอับอายว่าคนที่เคยขอโทษมาไม่กี่วันก็มาแสดงในสิ่งที่เคยกระทำอย่างเดิม บางครั้งเราก็ควรถือสาคนกับคนที่มีเกียรติเท่านั้น
คนเสื้อแดงมองการที่นายกฯเข้าพบ พล.อ.เปรม อย่างไร
นายกฯที่ประชาชนและพี่น้องเสื้อแดงเลือกมีความผูกพัน เป็นคนร่วมชะตากรรมเดียวกัน แต่คนที่เป็นนายกฯของประเทศไทยต้องเป็นนายกฯของคนทุกสี เพราะฉะนั้นการรดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ทำตามประเพณีไทย ไม่ได้มีนัยทางการเมือง คนเสื้อแดงใจกว้างพอที่จะเห็นสิ่งเหล่านี้ เพราะพอผ่านไปแล้วก็ไม่มีอะไร เป็นภาวะปรกติ แต่ก็มีคนพยายามเสี้ยม แม้กระทั่งผมกับนายณัฐวุฒิซึ่งเป็น ส.ส. ก็ไม่เคยไปรดน้ำดำหัว พล.อ.เปรม แต่ปีนี้พยายามจะเสี้ยมผมให้ได้ คิดว่าพี่น้องเสื้อแดงคงเข้าใจ
กรณีการเลือกตั้งที่จังหวัดปทุมธานีสะท้อนว่าเขามีความคิด แต่เราต้องปรับบทเรียนไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เราต้องยอมรับว่าอะไรที่จะต้องปรับ จะไม่โทษคนอื่น แต่ต้องดูตัวเองทุกครั้ง ทั้งหมดเชื่อว่าหนทางข้างหน้าถึงเวลาคนเสื้อแดงจะสำแดงในสิ่งที่เป็นตัวตนในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถือว่าเป็นความงดงาม และผมเชื่อว่าเขาจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับรัฐบาลนี้
การเมืองหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร
ท้ายที่สุดปัญหาแม้ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะมีปัญหา เพราะมีคนต้องการให้เกิดปัญหา แต่ในความเห็นของผมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ดีกว่านอนรอความหายนะของประเทศ ไม่แก้ก็มีปัญหา แก้ก็มีปัญหา แต่ถ้าแก้แล้วมีปัญหาก็ควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศ และที่สำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ประชาชนเป็นเจ้าของความคิด ถ้าเราใช้เสียงข้างมากลากไปก็คงต้องใช้วิธีการเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่มี ส.ส.ร ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้ ท้ายที่สุดประชาชนจะออกมาจัดการเอง