ความคืบหน้าล่าสุดในคดีวันที่ 10 เมษายน



ทีมข่าว นปช.
23 พฤษภาคม 2555


เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการไต่สวนคดีผู้เสียชีวิตในวันที่ 10 เมษายนได้แก่คดีของฮิโรยูกิ มุราโมโต้ ทศชัย เมฆงามฟ้า และวสันต์ ภู่ทองว่าเป็นการกระทำของเจ้าพนักงานหรือไม่ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นก้าวแรกที่เป็นนิมิตรหมายอันดีในการทำความจริงให้ปรากฏแก่สายตามประชาชนเพื่อที่จะได้ทำให้ผู้กระทำผิดได้แก่ผู้ที่ออกคำสั่งให้ใช้กำลังอาวุธจริงกับประชาชนมือเปล่าจะได้เผชิญกับความยุติธรรม
ในวันนี้ พยานปากสำคัญที่ขึ้นให้การต่อหน้าศาลสถิตยุติธรรมคือ นายยูซือเกะ มุราโมโต้ น้องชายของนายฮิโรยูกิ มุราโมโต้ซึ่งต้องเดินทางมาเป็นตัวแทนของทางครอบครัวมุราโมโต้ในการทวงหาความยุติธรรมให้กับพี่ชายของเขาที่เสียชีวิตในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2553
จากการให้การของเขานั้น ทางครอบครัวมุราโมโต้มีความเห็นตรงกันว่าฮิโรยูกิ มุราโมโต้น่าจะเสียชีวิตจากการกระทำของทหารตั้งแต่วันแรกที่พวกเขามารับศพของฮิโรยูกิ มุราโมโต้เพราะเขาคะเนจากวิถีกระสุนบนร่างของพี่ชายของเขา
และมีอยู่ตอนหนึ่งในระหว่างการซักถามของศาลนั้น ศาลได้ถามว่าทำไมบิดามารดาของฮิโรยูกิ มุราโมโต้ ซึ่งถือเป็นญาติสายตรงกว่าน้องชายจึงไม่มาให้การในฐานะพยาน คุณยูซือเกะ มุราโมโต้จึงตอบว่า บิดามารดาของฮิโรยูกิ มุราโมโต้ต้องเลี้ยงดูหลานๆซึ่งกำพร้าพ่อจากเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 จึงไม่สามารถมาได้
ในตอนแรกนั้นคุณยูซือเกะคิดว่าจะไม่แต่งตั้งทนายในการช่วยต่อสู้คดี โดยคิดว่าศาลไทยน่าจะมีความยุติธรรมเหมือนกับศาลที่ญี่ปุ่น แต่ว่าจากการพูดคุยกับอัยการและทีมทนายของ นปช. ยูซือเกะก็ตัดสินใจแต่งตั้งทนายเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการต่อสู้ด้านข้อกฎหมาย
จากการให้การของคุณยูซือเกะ มุราโมโต้ น้องชายของคุณฮิโรยูกิจะเห็นว่า ทางญาติของฮิโรยูกิ มุราโมโต้มีความสงสัยว่าเขาน่าจะเสียชีวิตจากการกระทำของทหารอยู่ก่อนแล้ว แต่ว่าช่วงพรรคประชาธิปัตยเป็นรัฐบาลนั้นสำนวนคดีทั้งหมดบิดเบือนออกมาในลักษณะที่ว่าการเสียชีวิตทั้งหมดเกิดจากผู้ชุมนุมเสื้อแดงหรือไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ หลักฐานที่เกี่ยวโยงทหารเป็นผู้กระทำถูกตัดออกออกจากสำนวนทั้งหมด
แต่พอหลังจากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งจึงทำให้โอกาสในการนำหลักฐานและพยานที่ชี้บ่งว่าเจ้าพนักงานเป็นผู้กระทำออกมา จากการทำงานร่วมกันของ นปช. บุคคลในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เจ้าหน้าที่ผู้รักความเป็นธรรม และทีมทนายอาสา จึงทำให้ข้อมูลความจริงปรากฏมากขึ้น เช่นรายงานลับของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่บ่งชี้ว่าฮิโรยูกิถูกยิงจากกระสุน M16 ที่มาจากฝั่งทหาร หรือรายงานข้อเท็จจริงที่ว่าตำรวจถูกสั่งให้ออกจากเซนทรัลเวิร์ลตอน 16.30 เพราะมีบุคคลแต่งชุดทหารจำนวนมากบุกเข้าไปโดยที่เสื้อแดงทั้งหมดถอยเข้าไปอยู่ในวัดปทุมแล้วเป็นต้น
นอกจากนั้นพยานสำคัญหลายปากยังปรากฏตัวขึ้น พยานเหล่านี้กุมข้อมูลสำคัญที่ชี้ชัดว่าทหารสังหารประชาชนมือเปล่าเอาไว้ ทว่าก่อนหน้านี้ต้องหลบหนีด้วยความหวาดกลัวอาญาเถื่อนของกลุ่มอมาตยาธิปไตยที่คุกคามชีวิตของพวกเขามายาวนาน เมื่อพวกเขาปรากฎตัวขึ้นก็ได้รับความคุ้มครองจากทางทีมทนายของ นปช. และเจ้าหน้าที่รัฐผู้รักความเป็นธรรม ซึ่งทั้งทาง นปช. และทางเจ้าหน้าที่รัฐที่รักความเป็นธรรมก็ดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด
ถ้าย้อนไป ปชป. ชนะเลือกตั้งและ นปช. หรือคนในพรรคเพื่อไทยวางเฉยปล่อยไปตามยถากรรม หรือถอดใจไม่หวังจะเทำความยุติธรรมให้ปรากฏคงไม่สามารถนำพยานและหลักฐานที่แสดงว่าทหารเข่นฆ่าประชาชน และอาจมีส่วนในการเผาเซ็นทรัลเวิร์ลเข้ามาประกอบในสำนวนการสอบสวน และคงไม่สามารถยื่นต่อศาลให้มีการไต่สวนคดีเจ้าพนักงานละเมิดประชาชนได้ ซึ่งตอนนี้มีคดีที่ส่งฟ้องกรณีเจ้าพนักงานสังหารประชาชนทั้งสิ้น 19 คดีแล้วน่าจะมีเพิ่มอีกทั้งที่อัยการสั่งฟ้องและประชาชนฟ้องเอง
สำหรับท่าทีเรื่องการปรองดองกับการดำเนินคดีแกนนำ นปช.ทุกท่านต่างเห็นพ้องต้องกันว่าจะปรองดองได้ต้องมีความยุติธรรมเกิดขึ้นเสียก่อน คนผิดจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย แต่ว่าจะต้องใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวดในการฟันฝ่าหลักฐานเท็จที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง และกระบวนการอมาตยาธิปไตยที่ขัดขวางและ "เตะถ่วง" ไม่ให้ความจริงปรากฎขึ้น ฉะนั้นหวังว่าความจริงและความยุติธรรมจะปรากฎด้วยความร่วมมือกันระหว่างภาคส่วนต่างๆทั้งทีมทนาย ผู้สูญเสีย นปช. เจ้าหน้าที่รัฐ และรัฐบาลในที่สุด