ประชาชาติธุรกิจ 26 เมษายน 2555 >>>
การปะทะฝีปากระหว่าง ส.ส.รัฐบาล กับ ส.ส.ฝ่ายค้าน เป็นไปอย่างดุเดือด จนทำให้ทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันแทบไม่ติด
หลายวาทะกลายเป็นวิวาทะ ติดเรตหยาบคายถึงขั้น "ฉ" รูปโป๊-ภาพหวิว ปลิวว่อนกลางสภา
หนทางปรองดองถูกตีฆ้องร้องป่าว คาดหวังว่าจะเกิดขึ้น แต่ไม่มีวี่แววที่คนการเมือง 2 ขั้วจะหันหน้าจับมือกัน
"ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ" ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ในวาระครบรอบ 12 ปี ก้าวขึ้นสู่ปีที่ 13 ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนเริ่มเสื่อมศรัทธากับบรรดาผู้แทนราษฎร
จากองค์กรที่เป็นกลไกการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญที่เคยหลับใหล วันนี้กลายเป็นยักษ์ตื่นขึ้นมาปะทะกับนักการเมือง มาตรฐานของผู้ตรวจการแผ่นดินต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร หวั่นไหวต่อแรงปะทะทางการเมืองหรือไม่
แล้วคำว่า "ปรองดอง" จะสำเร็จท่ามกลางความขัดแย้งได้อย่างไร "ผาณิต" มีคำตอบ
สิบกว่าปีที่ผ่านมาของผู้ตรวจการแผ่นดิน มีครั้งไหนที่ต้องปะทะกับนักการเมืองมากเท่าปัจจุบัน
หลังจากปี 2550 เราจะต้องมาดูแลเรื่องจริยธรรม และคุณธรรมของนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่การตรวจสอบเรื่องจริยธรรมเราเพิ่งมาจริงจังในช่วงนี้ เพราะประมวลจริยธรรมของ ส.ส. เพิ่งประกาศใช้ในปลายปี 2553 และคณะกรรมการจริยธรรมก็เพิ่งเกิดในปีนี้
แต่การตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดินไปแตะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี จะมีผลกระทบต่อองค์กรหรือไม่
(สวนทันที) ก็ไม่มีปัญหาเลย เพราะผู้ตรวจการแผ่นดิน ทุกคนที่เข้ามาคือ ผู้ที่มีจิตอาสาทำงานเพื่อสังคมทั้งนั้น ด้วยความที่คิดว่ายังมีไฟ มีแรงที่จะมาทำเพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ทำให้อาสามา
ตั้งหลักอย่างไรเมื่อต้องชนกับนักการเมือง
(สวนทันที) ไม่เป็นไรค่ะ ต้องยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง
พอผู้ตรวจการแผ่นดินปะทะกับนักการเมือง เกรงหรือไม่ว่าอาจกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองอีกฝ่าย
เรื่องธรรมดา เพราะความคิดที่แตกต่างมันย่อมมีได้ เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินต้องมีความเป็นกลาง ต้องไม่มีอคติ ถ้าเรายืนอยู่ได้ เราก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ผู้ตรวจการแผ่นดินมักถูกนักการเมืองโจมตีว่าไม่เป็นกลาง
อันนี้ไม่จริงเลย เพราะเวลาเราพิจารณาแต่ละเรื่อง เราต้องใช้ความระมัดระวัง ต้องดูผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก เราจะไม่อยู่พรรคการเมืองฝ่ายใด
เพียงแต่เหตุมาเกิดขึ้นกับรัฐบาลชุดนี้
ไม่ว่ารัฐบาลไหน หรือมีการร้องเรียนอย่างไร แต่เราก็ต้องยึดหลักความเป็นกลาง ยึดหลักความถูกต้อง เป็นธรรม
เคยเปรียบเทียบว่าตัวเองเป็นครู นักการเมืองเป็นนักเรียน มองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในการประชุมสภาอย่างไร
(ยิ้ม) มีอย่างเดียวเท่านั้นเองคือ จิตสำนึก และหน้าที่ความรับผิดชอบ ถ้าหน้าที่ความรับผิดชอบคือผลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อประชาชน เพื่อประเทศแล้ว ความวุ่นวายสับสนมันก็จะต้องลดลง
ในฐานะที่ต้องมาปลูกจิตสำนึกให้นักการเมือง เมื่อเห็นนักการเมืองปะทะกันด้วยถ้อยคำรุนแรงแล้วรู้สึกอย่างไร
คิดว่าเป็นเรื่องที่ท่าน (นักการเมือง) ย้อนกลับไปพิจารณาตัวท่านเองว่า ท่านได้คำนึงถึงประมวลจริยธรรมของ ส.ส. แค่ไหนเพียงไร เพราะประมวลจริยธรรมของ ส.ส. นั้นเป็นเรื่องที่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
จะปลูกฝังให้นักการเมืองมีจริยธรรมได้อย่างไร
จิตสำนึกของนักการเมือง คณะกรรมการจริยธรรม ส.ส. และ ส.ว. จะให้เราเข้าไปร่วมแสดงความเห็นร่วมกันว่า แนวทางที่ปฏิบติต่อไปจะเป็นอย่างไร เราพูดอยู่เสมอว่าจะเอาคนดีเข้าสภา แต่เราจะรักษาคนดีเหล่านั้นให้เป็นคนดีที่ยั่งยืนได้อย่างไร อันนี้เป็นเรื่องที่ยาก
โอกาสที่นำคนดีเข้าสภาตั้งแต่ต้นจะมีมากน้อยแค่ไหน
คิดว่าน่าจะมีได้ แต่เวลานี้ปัญหาชั่วร้ายในสังคม เช่น การคอร์รัปชั่น ที่ดัชนีการชี้วัดว่ามีการทุจริตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราต้องกลับมาย้อนดูตัวเรา คนที่ต้องดูแลเรา ว่าคนเหล่านี้มีคุณธรรมมากน้อยแค่ไหน
ดัชนีชี้ว่ามีการคอร์รัปชั่นเพิ่มมากขึ้น สาเหตุที่ทำให้เกิดทุจริตมาจากอะไร
เป็นเพราะว่าความโลภ (เน้นเสียง) ความโลภ ต้องการเงิน ต้องการอำนาจ ต้องการทุกอย่าง ไร้ซึ่งหิริโอตตัปปะ ความไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเรามีคนเหล่านี้มากขึ้น ๆ คนที่ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตนตามประมวลจริยธรรมที่เขียนไว้อย่างสวยหรู ถ้าคนเข้ามาสู่การใช้อำนาจรัฐในตำแหน่งต่าง ๆ ดำเนินตามจริยธรรมที่เขียนไว้ให้เกิดผลทางปฏิบัติจริง ๆ แล้ว ปัญหาความชั่วร้ายที่พูดถึงก็จะหายไปเอง หรือลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ
มันจะสายเกินไปไหมที่เราเพิ่งมาปลูกจิตสำนึก
(สวนทันที) มันจะเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่มีอะไรสาย มันไม่ใช่ความหวังที่รางเลือน ถ้าทุกคนช่วยกัน แล้วเรามารวมพลังแห่งความดี เราเหมือนกับคุณธรรม จริยธรรม เหมือนเพชรน้ำงามที่หล่นหายไปจากสังคมไทย เราเคยมี แต่มันหายไป เราจะทำอย่างไรที่จะหามาประดับในเรือนใจของผู้คน ถ้ามาประดับในเรือนใจของผู้คนได้ ผู้คนที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้อำนาจรัฐอย่างเดียว แต่รวมถึงผู้ที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐด้วย ถ้าทุกคนมีอย่างนี้อยู่ บ้านเมืองจะไม่มีความเลวร้ายอย่างที่เราคิดกัน และนี่คือทางรอดของประเทศไทย และคือทางออกของประเทศไทย คือคุณธรรม และจริยธรรม คือการประพฤติ ปฏิบัติที่ถูกต้อง เป็นธรรม
ที่มีการทุจริตเกิดขึ้น เป็นเพราะองค์กรตรวจสอบในบ้านเราอ่อนไปไหม
ที่จริงกลไกการตรวจสอบจะมีเท่าไหร่ก็ไม่เท่ากับประชาชนที่จะช่วยกันตรวจสอบ เพราะองค์กรการตรวจสอบอย่างผู้ตรวจการแผ่นดินก็มีคนแค่ 200 คน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็มีอยู่ไม่มาก แต่คดีที่เข้ามามาก ฉะนั้นเราจึงต้องกลับไปดูที่ต้นเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งต้นเหตุมาจากการไร้ซึ่งคุณธรรม จริยธรรม เพราะถ้าเราปลุกให้เกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ
จะทำอย่างไรให้บรรดา ส.ส. กลับมาอยู่ในกรอบจริยธรรม
ก็ขอให้ท่านย้อนกลับไป เพราะประมวลจริยธรรมเขาให้ใช้สำหรับสมาชิกทั้งหมด และต้องประพฤติปฏิบัติตนตามนั้น ถ้าทุกคนสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในสภาจะไม่มี ไม่ต้องมีคำว่าปรองดอง เพราะทุกคนเป็นคนดีหมด
แต่ในกรอบมันเหมือนเป็นแค่ตัวอักษรเท่านั้น
(สวนทันที) เราไม่ต้องการแบบนั้น ที่เขียนประมวลจริยธรรมไม่ได้ต้องการให้เป็นแค่ตัวกระดาษนะ เขาต้องการให้กระโดดโลดเต้นนะ
ทำอย่างไรให้มีผลในทางปฏิบัติ
เพราะฉะนั้นเลยต้องมีคนร้องมาที่นี่ (ผู้ตรวจการแผ่นดิน) แล้วเราก็มีหน้าที่ทำ แต่ถ้ายังไม่มีคนร้องก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการจริยธรรมที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนให้จริยธรรมเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้มีคนร้อง
เครื่องมือที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีอยู่ไม่ดีพอ
เครื่องมือก็คือประมวลจริยธรรม แต่ ณ ขณะนี้ประมวลจริยธรรมแต่ละแห่งยังไม่ได้เดินเครื่อง เมื่อเดินเครื่องเมื่อไหร่ ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้น
วันนี้มีการเตรียมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา คิดว่าควรจะเพิ่มอำนาจให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมากกว่านี้หรือไม่
ไม่จำเป็น แค่นี้ก็พอแล้ว เช่น อำนาจหน้าที่ในการติดตามประเมินผล และการเสนอแนะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่าที่เห็นว่าจำเป็น เราก็ดูว่ามีกรณีใดบ้างที่จำเป็น เรายังต้องเรียนเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ 10 ท่านมาช่วยให้ความคิดเห็น เพราะลำพังผู้ตรวจการแผ่นดิน 3 คน และเจ้าหน้าที่ 200 คน อาจยังไม่รอบด้านพอ
วันนี้มีการหยิบข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า เรื่องการยกเลิกผลคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริตของนักการเมือง โยงไปถึงเรื่องจริยธรรม มีความเห็นอย่างไร
1. ตอนนี้ยังไม่ได้อ่านเอกสารวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า
2. จากที่ฟังความเห็นของหลาย ๆ ท่าน ต่างคนอาจเป็นการหยิบบางประเด็นขึ้นมาแล้วไปขยายผล แต่ยังไม่มองทั้งฉบับ ในความเห็นยังไม่มีเพราะยังไม่ได้อ่าน ก็ยังบอกไม่ได้ เพราะเขายังไม่ส่งรายงานวิจัยมาให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน
สมมติพรรคการเมืองบอกว่า คดีของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ตัดสินโดยศาลไปแล้วจะต้องยกเลิก เช่น ที่ดินรัชดา มันก็เป็นความผิดด้านจริยธรรมเหมือนกัน
อันนี้ยังไม่มีคนร้อง จริยธรรมเป็นเรื่องที่มีคนร้อง ถ้าไม่มีคนร้องเราจะพิจารณาขึ้นมาเองไม่ได้ (ยิ้ม)
ดูจากเส้นทางคำว่าปรองดอง ณ วันนี้ ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายในสภา
ในสายตาของผู้ตรวจการแผ่นดินคิดว่ามันจะปรองดองได้สำเร็จหรือไม่ณ เวลานี้ ถึงบอกว่าความคิดที่แตกต่างถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ความคิดแตกต่างอย่าให้เกิดความแตกแยก ขณะนี้บ้านเมืองของเรากำลังเริ่มมีความคิดที่แตกแยก เมื่อมีความคิดที่แตกแยก ความปรองดองก็จะเกิดขึ้นได้ยาก
อย่าคิดถึงประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เมื่อไหร่ที่ทุกคนคิดได้แบบนี้ ทุกอย่างมันจะดีขึ้น ถ้าเกิดความรุนแรงก็ต้องมีคนกลางที่จะต้องมาพูดกันให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย
แต่ในความเป็นจริงประธานกรรมาธิการต่าง ๆ ก็มักยึดถือพวกตัวเองก่อน
ก็ต้องทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบที่ทำตามกติกาก็คือประมวลจริยธรรม เช่น ในประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภา ข้อ 10 ที่เขียนว่า สมาชิกและคณะกรรมาธิการต้องปฏิบัติหน้าที่ในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเที่ยงธรรม มีจิตสำนึกที่ดี มีความซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ และเสียสละเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติ มีสำนึกในบทบาทหน้าที่ ดำรงไว้ซึ่งความสามัคคีในหมู่คณะเพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ รวมทั้งต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามและรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ต้องมีอุดมการณ์ในการทำงานเพื่อชาติและประชาชนอย่างเต็มความสามารถด้วยความรับผิดชอบ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและของประชาชนเป็นสิ่งสูงสุดเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน และจะต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง พวก ส.ส. หรือ ส.ว. ก็ต้องย้อนกลับไปดูตรงนี้
