ข่าวสด 28 เมษายน 2555 >>>
ขังหลักสี่ ยันไม่สน 'ปู' พบ 'ป๋า'
นปช. แถลง ไม่ติดใจนายกฯ ปูอวยพรป๋า แต่เรียกร้องรัฐบาลเร่งย้ายนักโทษการเมืองมาขังคุกบางเขน เผยอีกเตรียมส่งทนายไปทั่วประเทศช่วยขอประกันคนเสื้อแดงหลังรับเงินช่วย เหลือจาก ปคอป. ทนายเสื้อแดงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ม.112 ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ 'วิชา มหาคุณ' เผย ป.ป.ช. เรียกหัวหน้าพนักงานสอบสวน บช.น. ถามทำไมต้องสอบคดี 91 ศพเพิ่มเติม
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดีสั่งสลายม็อบเสื้อแดงเมื่อปี 2553 โดยมิชอบ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ราย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีว่า ได้เชิญ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีชันสูตรพลิกศพคนเสื้อแดง ของ บช.น. มาให้ถ้อยคำในวันที่ 1 พ.ค. นี้ ที่ ป.ป.ช. เพื่อซักถามเพิ่มเติมว่าทำไมชุดเขาต้องสอบเพิ่มเติม และมีการไต่สวนอย่างไร ได้ความอย่างไร เพราะจากเดิมเขาจะส่งข้อมูลเป็นลายลักษณ์อักษรแต่ทาง ป.ป.ช. ขอให้มาด้วยตัว เองเพราะต้องการซักถามเพิ่มเติม
นายวิชากล่าวว่า การไต่สวนของ ป.ป.ช. ยังเหลือในประเด็นว่าศาลจะไต่สวนอย่างไร รอศาลที่จะไต่สวนช่วง พ.ค.-มิ.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม การให้ถ้อยคำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯนั้น ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะลงรายละเอียดของคดีว่า ใครบ้างที่ลงมือกระทำแล้วหลบหนี พวกเสื้อดำ เสื้อแดง ซึ่งมีข้อมูลไปถึงศาลแล้ว ส่วนการเชิญคนในศอฉ.มาให้ถ้อยคำนั้นก็เชิญมาหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถาม ว่าขณะนี้มีกระแสเรื่องนิรโทษกรรมและการปรองดอง เพราะบางฝ่ายก็พยายามบอกให้ลืมๆ เหตุการณ์ไปเสีย เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการไต่สวนของ ป.ป.ช. หรือไม่ นายวิชายังกล่าว ว่า เรื่องนั้นเป็นกระบวนการทางการเมือง แต่กระบวนการทางกฎหมายจะทำไปจนกว่าจะเสร็จ กระบวนการทางการเมืองจะยุติอย่างไรไม่เกี่ยว เพราะไม่ได้เข้าไปยุ่งในปรองดอง ไม่ได้เข้าไปเป็นฝ่ายไหน เป็นกลางทำหน้าที่ในการพิจารณาคดี และยังเดินหน้าไต่สวนอยู่ไม่ได้หยุด
เมื่อถามว่าตามที่เคยระบุว่าจะไต่สวนเรื่องนี้ให้เสร็จภายในปี 2555 นายวิชากล่าวว่า ถ้าศาลสามารถตัดสินในเรื่องชันสูตรพลิกศพได้ในปีนี้ ก็ต้องจบ เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. อย่างเดียว เพราะต้องขอข้อมูลจากหลายส่วน อาทิ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ชุดของนายคณิต ณ นคร และกรรมการสิทธิมนุษยชน ต้องให้ได้ครบถ้วนเหมือนคดี 7 ต.ค. 2551 ที่ตอนนั้นหลายฝ่ายทำเร็วก็เสร็จได้เร็ว แต่ตอนนี้หลายกรรมการยังไม่เสร็จ "ป.ป.ช. ยังทำเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ไม่มีหยุด เดินตลอด"
ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นางธิดา โตจิราการ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงข่าวภายหลังมีกระแสข่าวว่าคนเสื้อแดงไม่พอใจ กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ารดน้ำขอพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ว่า นปช. ยังยืนยันที่จะต่อสู้กับระบอบอมาตยาธิปไตย และยืนยันว่าเป้าหมายคือ ประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แต่กว่าจะบรรลุเป้าหมาย นปช. จะใช้ยุทธศาสตร์ 2 ขา ขาหนึ่งคือ พรรคการเมือง อีกขาคือประชาชน เราเดินไปทิศทางเดียวกัน แต่อาจมีหลายเรื่องที่ต้องแยกกันทำ และต้องเคารพซึ่งกันและกัน
นาง ธิดากล่าวอีกว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยมีสิทธิดำเนินนโยบายในฐานะที่เป็นรัฐบาลของประชาชน ทั้งประเทศ ขณะเดียวกันขอเรียกร้องต่อรัฐบาลว่า นอกจากคำนึงถึงความปรองดองแล้ว ต้องเร่งให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย ขณะนี้ทราบว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งคดีของคนเสื้อแดงมาให้ตำรวจแล้ว ขอให้รัฐบาลเร่งให้คดีเดินหน้าอย่างรวดเร็ว และขอให้จัดสรรงบประมาณสำหรับทนายความและพยานให้คดีเหล่านี้ด้วย ถ้ามุ่ง ปรองดองโดยละเลยเรื่องนี้ ในอนาคตความเหินห่างระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง ก็อาจเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
"ขอแก้ข่าวที่บอกว่า นปช. ตำหนิ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ที่ไปรดน้ำ พล.อ.เปรม ยืนยันว่าเราไม่เคยแถลงข่าวตำหนิ แต่ยอมรับว่ามีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำ เรายอมรับได้ แต่เฝ้าดูอยู่ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป จะช่วยแก้ปัญหาของพี่น้องเราได้หรือไม่ เราไม่วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลจะทำอะไร เพราะเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ แต่เมื่อเราเข้าใจรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็ขอให้รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเข้าใจคนเสื้อแดงด้วย ขอให้บริหารความขัดแย้งให้สมดุล คือเจรจากับชน ชั้นน้ำในระบอบอมาตยาธิปไตยและประชาชนให้ลงตัว มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาได้ในอนาคต" นางธิดา กล่าว
นางธิดากล่าวอีกว่า ที่อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล คือให้ย้ายนักโทษคดีการเมืองไปอยู่เรือนจำหลักสี่ทุกคน และเลิกตีตรวนคนเหล่านี้ นอกจากนี้ ขอให้เร่งจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม รวมถึงการเยียวยาด้านเกียรติยศ โดยเร่งทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็ว
"สมาชิกรัฐสภาทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ขณะนี้ทำงานได้น่าผิดหวังมาก ประชาชนต่อสู้ล้มตายเพื่อให้มีการเลือกตั้ง แต่ภาพลักษณ์ของสภาขณะนี้น่าเกลียด น่าขยะแขยง และน่าอับอายเป็นอย่างมาก ขอเรียกร้องให้สภาจัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างรวดเร็ว และโดยชอบธรรม การเตะถ่วงหาเรื่อง ดูคลิปโป๊ไปพลางๆ ประชาชนรับไม่ได้" นางธิดา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสมาคมทนายความเตรียมประกันตัวนักโทษคดี 112 ทั้งหมด นางธิดากล่าวว่า ที่ผ่านมา ทนายชุดเดิมของนปช. ช่วยประกันตัวคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังมาตลอด แต่ก็ประกันได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะไม่มีงบทนาย ต่อมาทนายชุดใหม่โดยสมาคมทนาย ความได้รับงบประมาณจาก ปคอป. 5 ล้านบาท จึงเดินหน้าเรื่องนี้ต่อควบคู่ไปกับที่ทนายชุด เดิมทำอยู่ ยืนยันว่าไม่ทอดทิ้งผู้ที่ถูกคุมขังอยู่เหล่านี้
น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่า แกนนำ นปช.ทอดทิ้งคนเสื้อแดงที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ ยืนยันว่าแกนนำ นปช. ไม่เคยทอดทิ้ง และไปเยี่ยมเยียนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส นอกจากนี้ยังพยายามให้มีการประกันตัว แต่อำนาจชี้ขาดอยู่ที่ศาล ซึ่ง นปช. ต้องให้ความเคารพ คนที่ปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ คือคนที่ไม่หวังดีต่อประชาธิปไตย และนปช.
ส่วนกรณี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ระบุการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง น.พ.เหวง ได้นำแผนผังจุดที่ พล.อ.ร่มเกล้า เสียชีวิตมาแสดงและให้ พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปวณิช อดีต ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว
พล.ต.ต.มณเฑียรกล่าวว่า นายธาริตบอกว่า คนเสื้อแดงใช้เครื่องยิงระเบิด เอ็ม-79 ยิงใส่ พล.อ.ร่มเกล้า แต่ตนคิดว่าเป็นระเบิด เอ็ม-67 ซึ่งเป็นระเบิดขว้าง ใช้ในราชการทหาร มีการตรวจพิสูจน์ที่ยืนยันได้ อีกทั้งขณะนั้นจุดเกิดเหตุบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา จนถึงสะพานวันชาติ มีแต่ทหารอยู่ 15 กองร้อย ขณะที่คนเสื้อแดงชุมนุมกันอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขว้างระเบิดมือมาถึง
ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายคารม พลพรกลาง ทนายความของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยในคดีความผิดมาตรา 112 พร้อมทีมทนายความ 3 คน เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 29 หรือไม่
นายคารมกล่าวว่า การเดินทางมายื่นให้ศาลตีความในเรื่องนี้เนื่องจากมองกฎหมายมาตรา 112 น่าจะขัดรัฐธรรมนูญ ในเรื่องหลักในการร่างกฎหมายในเรื่องของโทษหนักและโทษเบาที่จะต้องมีบทลงโทษ ที่พอสมควรแก่เหตุ อย่างมาตรา 326 โทษในความผิดหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และยังมีข้อยกเว้นด้วยว่า หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นการติชม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ติชมด้วยความเป็นธรรมนั้นไม่ผิด แต่มาตรา 112 นั้น จะสืบว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์และไม่ได้เป็นการทำให้ไม่ได้ รับความเสียหายนั้นไม่ได้เลย อีกทั้งอัตราการจำโทษขั้นต่ำจำคุกไม่ต่ำกว่า 3 ปีนั้น ซึ่งหากศาลใช้ดุลพินิจวางโทษครั้งแรกนั้นต่ำกว่า 3 ปีไม่ได้ หลักการร่างกฎหมายเช่นนี้ไม่สมควรแก่เหตุ
นายคารมกล่าวต่อว่า มาตรา 112 เป็นเรื่องหมิ่นประมาทตัวบุคคลและตัวสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พอมาเปรียบเทียบกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่ถือว่าความผิดฐานละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ยุยง ปลุกปั่น ให้ คนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ที่ถือว่าเป็นกฎหมายที่คุ้มครองรัฐและประเทศชาติ แต่กฎหมายกับบัญญัติไว้โดยไม่มีอัตราโทษขั้นต่ำ รวมทั้งได้บัญญัติข้อยกเว้นความผิดไว้ด้วย โดยเฉพาะการติชมโดยสุจริต จึงทำให้หลักการบัญญัติมาตรา 112 ตามประมวลกฎหมายอาญานั้น ไม่เป็นไปตามหลักสัดส่วนและนอกจากนั้นยังทำให้สถานะของพระมหากษัตริย์อยู่ เหนือกว่ากฎหมาย ซึ่งเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 ที่สำคัญความผิดตามมาตรา 112 นั้น ยังไม่ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด ซึ่งเท่ากับทำให้เป็นการปิดโอกาสไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาได้พิสูจน์ตัวเอง ยิ่งทำให้ขัดกับสถานะของพระมหากษัตริย์ตามระบอบประชา ธิปไตย ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
นายคารมกล่าวต่อว่า เคยยื่นเรื่องดังกล่าวไปที่ศาลอาญา ตามอำนาจของรัฐธรรมนูญมาตรา 211 ซึ่งศาลมีหน้าที่ต้องส่งเรื่องมายังศาลรัฐ ธรรมนูญให้วินิจฉัยว่ามาตรา 112 ขัดรัฐธรรม นูญหรือไม่ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจ ฉัยและระหว่างนั้นให้ศาลดำเนินการพิจารณาต่อไปได้ แต่ให้รอการพิพากษาคดีไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐ ธรรมนูญ แต่ศาลกลับประวิงเวลาไว้และยังไม่ส่งความเห็นของผู้ร้องมายังศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเพียงว่า รอส่งพร้อมกับคำพิพากษา จึงเห็นว่าการสั่งเช่นนี้ของศาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทางทีมทนายจะไปอุทธรณ์คำสั่งก็ไม่ได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างพิจารณาคดี จะไปยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน และกรรมการสิทธิมนุษยชนก็ไม่ได้ เพราะอำนาจสูงสุดในการวินิจฉัยคือศาล จึงใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 มายื่นเพื่อให้ศาลพิจารณาว่ามาตรา 112 ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยได้ยื่นคำร้องให้ศาลเเล้ว ซึ่งทางศาลก็รับคำร้องไว้เเล้ว แต่รับไว้เพียงเพื่อจะดูว่าจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐ ธรรมนูญหรือไม่
"ถ้าศาลพิจารณาว่ามาตรา 112 ขัดรัฐธรรม นูญจริง ก็จะเข้าข่ายกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ที่ระบุอย่างชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ขัดเเย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บท บัญญัตินั้นเป็นอันบังคับใช้ไม่ได้ ซึ่งกฎหมายอาญามีศักดิ์ต่ำกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ เมื่อใช้บังคับไม่ได้ จำเลยที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ถูกคุมขังและจับตัวดำเนินคดีก็ต้องถูกปล่อยตัวให้ได้รับอิสรภาพ" นายคารม กล่าว
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูงดำ อ.1177/55 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสุรชัย แซ่ด่าน หรือ ด่านวิวัฒนานุสรณ์ อายุ 70 ปี แกนนำกลุ่มแดงสยาม เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 55 ซึ่งจำเลยแถลงให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พิพากษาจำคุก 5 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยให้นับโทษจำเลยต่อในคดีหมิ่นเบื้องสูงของศาลอาญาอีก 3 สำนวน คดีแดง อ.503/55,504/55 และ 505/55 ที่ศาลพิพากษาจำคุก 7 ปี 6 เดือน รวมจำคุก จำเลยไว้ทั้งสิ้น 10 ปี
