คอป. กับข้อเสนอลด "ปม" ขัดแย้ง

ข่าวสด 16 เมษายน 2555 >>>


คอลัมน์ รายงานพิเศษ

จากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 ซึ่งมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากมายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) มี นายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อเสนอแนะและสรุปรายงานส่งรัฐบาลมาแล้ว 3 ฉบับ
ข้อเสนอของคอป.ได้รับการตอบรับมากน้อยเพียงใดจากรัฐบาล และนำมาซึ่งบทเรียนใดบ้างให้กับสังคม เพื่อป้องกันหรือลด "ปม" ขัดแย้งที่จะก่อตัวขึ้นในรอบใหม่ได้อย่างไร กรรมการ คอป. สะท้อนมุมมองดังนี้

คณิต ณ นคร
ประธาน คอป.

คอป. ได้เสนอแนะแนวทางปรองดองในรายงาน 2 ฉบับก่อนหน้านี้ เช่น ข้อเสนอเกี่ยวกับการยกเลิกการตีตรวนนักโทษ เพราะเห็นว่าการตีตรวนไม่ถูกต้องตามเกณฑ์ของระบบสากลและขัดหลักสิทธิมนุษยชนโลก แต่ในเมืองไทยมีการปฏิบัติมานานจนกลายเป็นความเคยชิน คิดว่าถูกต้องทำได้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการให้ประกันตัวจำเลยและผู้ต้องหาระหว่างการพิจารณาคดี แต่ไม่ได้รับการตอบสนองที่ดีจากรัฐบาล
ในรายงานฉบับที่ 3 ข้อเสนอไม่ได้แตกต่างไปจาก 2 ฉบับแรก ยังคงตอกย้ำถึงข้อเสนอที่ไม่ให้ใช้เครื่องพันธนาการหรือการตีตรวนกับผู้ต้องหา
นอกจากนี้ยังเสนอแนะถึงกระบวนการปรองดองว่าต้องอาศัยเวลา ความอดทน และการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย รวมถึงการใช้กลไกเครื่องมือต่างๆ มาช่วยสร้างความปรองดอง เช่น การเปิดเผยความจริงและรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้ง การเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบ การอำนวยความยุติธรรมแก่เหยื่อ
การฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ต้องถูกต้องและเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ การเจรจาไกล่เกลี่ย และจัดทำเวทีประชาเสวนาเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจร่วมกันในสังคม ซึ่งต้องอาศัยเวลา ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญของการปรองดอง
คอป. ยังเน้นย้ำด้วยว่ากระบวนการปรองดองจะมาเร่งรัดไม่ได้ เพราะจะทำให้สังคมเกิดความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจกัน
ดังนั้น การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการปรองดองจึงต้องระมัด ระวัง รอบคอบ โปร่ง ใส และตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตยโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เพราะหากไม่รอบคอบแล้ว จะไม่นำไปสู่บรรยา กาศความปรองดองได้
โดยที่เรายังไม่ต้องพูดถึงความขัดแย้งรอบใหม่ เพราะขณะนี้ความปรองดองก็ยังไม่เกิดขึ้น เพียงแต่ไม่มีความรุนแรงเท่านั้น
ยกตัวอย่างง่ายๆ จากการอภิปรายในสภาหลายเรื่อง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรม เห็นได้ชัดเจนจากคำอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาว่ายังมีความขัดแย้ง ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่ารายงานฉบับที่ 3 ของ คอป. ที่ส่งถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อใด จึงยังบอกไม่ได้ว่ารายงานดังกล่าวจะได้รับการตอบรับอย่างไร
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร คอป. จะเดินหน้าทำงานต่อไป โดยศึกษาตามแนวทางของตัวเอง เน้นการใช้ความรู้ศึกษาวิจัยอย่างรอบคอบ ไม่ใช้เรื่องของความรู้สึก มิฉะนั้นแล้วสิ่งที่ทำคงจะไม่สำเร็จเพราะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้ความรู้สึกในการแก้ปัญหามากกว่าความรู้
ดังนั้น เราต้องเริ่มจากค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เร่งรัด ขนาดนายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ยังเคยบอกไว้เป็นเสียงเดียวกันว่าความปรองดองในไทยต้องใช้เวลา ไม่ใช่เกิดขึ้นได้ในเร็ววัน เนื่องจากเป็นปัญหาที่ฝังรากลึก
การจะทำให้บ้านเมืองสงบที่แท้จริงต้องใช้ความเป็นธรรมสูง มีแนวทางที่ถูกต้องและทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่ใช่ทำในเวลาอันสั้นได้
งานที่คอป.กำลังศึกษาอยู่ในตอนนี้คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม แต่หน้าที่ของ คอป. ก็แค่เสนอแนะแนวทาง ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันเพื่อให้ความปรองดองเกิดขึ้นให้ได้

กิตติพงษ์ กิตยารักษ์
ปลัดกระทรวงยุติธรรม (กรรมการ คอป.)

ที่ผ่านมา คอป. ได้เสนอรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบฉบับที่ 3 ส่งถึงนายกฯ แล้ว ซึ่งข้อเสนอแนะของ คอป. ฉบับที่ 3 เป็นการเน้นย้ำและติดตามการดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่ผ่านมาในประเด็นสำคัญต่างๆ
มีเนื้อหาระบุว่าจากรายงานฉบับที่ 2 ซึ่ง คอป. เคยเรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้ง และผู้ที่มีส่วนในการสร้างความปรองดองในชาติทุกฝ่าย จึงขอให้ใช้ความระมัด ระวังอย่างยิ่งในการกระทำการใดๆ ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อบรรยา กาศในการปรองดองของชาติ
แต่ต้องยอมรับว่าใขณะนี้ปัญหาความขัดแย้งยังคงดำเนินอยู่ และบรรยากาศของความปรองดองยังไม่เกิดขึ้นในสังคมไทย
จึงขอย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล นายกฯ ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำกับและควบคุมการใช้อำนาจรัฐ สื่อมวลชน กลุ่มบุคคล และองค์กรต่างๆ ร่วมกันประคับประคองสถานการณ์ความขัดแย้ง
รวมทั้งให้ความสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศของความปรองดองในชาติ โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง มีความอดทนอดกลั้น รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากทุกฝ่าย และไม่กระทำการใดๆ ที่อาจสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่ให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ในรายงานที่เสนอต่อนายกฯ เกี่ยวกับการสร้างความปรองดองนั้น ไม่ได้กำหนดระยะเวลา เพราะกระบวนการปรองดองต้องอาศัยเวลา ความอดทน การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในประเทศ
รวมทั้งการเปิดเผยความจริงและรากเหง้าของปัญหาความขัดแย้ง การเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบ การอำนวยความยุติธรรมแก่เหยื่อ การฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดซึ่งต้องเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ
ดังนั้น การดำเนินการใดๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องที่พยายามรวบรัด หรือเร่งรัดกระบวนการปรองดองนั้น เป็นการกระทำที่ไม่เอื้อต่อบรรยากาศของการปรองดองในตอนนี้ ทำให้สังคมเกิดความหวาดระแวง และไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันถือเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อความพร้อมในการเจรจาร่วมกันเพื่อหาทางออกไปสู่ความเข้าใจที่ดีของคนในสังคม
ที่สำคัญ การสร้างปรองดองต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง รอบคอบ ตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตยด้วยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายจึงจะสำเร็จ
ส่วนท่าทีของรัฐบาลต่อรายงานของ คอป. นั้น ต้องเข้าใจก่อนว่ารายงานที่ คอป. สรุปและเสนอต่อนายกฯ นั้น เป็นเพียงคำแนะนำหรือช่วยชี้ทางออกของปัญหาความขัดแย้งเท่านั้น รายงานดังกล่าวไม่สามารถมาเนรมิตให้ทุกอย่างจบได้
สิ่งสำคัญคือ ทุกคนทุกกลุ่มที่เป็นคู่กรณีกันต้องหันหน้าเข้าหากัน มาช่วยกันประคับประคองประเทศ และช่วยกันสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ให้เห็นแก่ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นหลัก
ทุกฝ่ายควรก้าวไปข้างหน้า อย่าหยุดอยู่กับที่ เพราะขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านกำลังจะเดินหน้า หากเราหยุดก็จะล้าหลังไปในที่สุด