
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกดบัตรแทน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร้อง กกต. ให้ยุบพรรค การเมืองและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. 416 คน ที่ลงชื่อในญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านมาตรา 291 เป้าหมายเดียวกัน
ถามว่าใครกันเล่าที่มีบทบาทเป็นอย่างสูงในกรณีเปิดโปงเรื่องกดบัตรแทน เพียงยิ้มก็เห็นแก้ม เพียงแย้มก็เห็นไรฟัน
เป็นแก้มของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล เป็นแก้มของ นายสมชาย แสวงการ เป็นแก้มของ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย
คนเหล่านี้ล้วนเคยขึ้นเวทีพันธมิตรมาแล้วทั้งสิ้น
เพียงแต่วันนี้เขาเล่นบทเป็น ส.ว. ทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและมาจากการสรรหา เพียงแต่วันนี้เขาเล่นบท ส.ส. ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์
ถามว่าคนที่ไปร้อง กกต. เป็นใครเล่า
คนที่รับหน้าไปยื่นหนังสือ คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นการยื่นหนังสือในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป้าหมายเพื่อดึงแข้งดึงขาไม่ให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดำเนินไปด้วยความราบรื่น ง่ายดาย
เป็นปฏิบัติการคนหน้าเดิม
หากนำเอากรณีเปิดโปงเรื่องกดบัตรแทน มาวางเรียงเคียงกับกรณียื่นเรื่องต่อ กกต. กล่าวหาพรรคการเมือง กล่าวหา ส.ส. และ ส.ว. 416 คน ที่ร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ประสานกับบทบาทของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ และพันธมิตร ส.ว. ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ก็จะซาโตริ เอ็นไล้ทะเม้นต์
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นยุทธวิธี แยกกัน เดิน รวมกันตี เป้าหมายคือสกัดขัดขวางกระบวนการบริหารจัดการต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
ต้องการให้ดำเนินไปด้วยความยาก ลำบาก
ยุทธศาสตร์ที่กำหนดคือ จะต้องไม่มีการแก้ไขในลักษณะนี้ หรือหากสกัดขัดขวางไม่ได้ก็ต้องให้เป็นไปอย่างคดเคี้ยว วกวน ยาวนาน
ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา รู้สึก
"ภาพรวมดูน่าเบื่อ มี ส.ส. ขอสงวนคำแปรญัตติเกือบร้อยคน อภิปรายยืดเยื้อ ประเด็นซ้ำซ้อน ประธานก็ปล่อยให้พูด"
ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สรุป
"เป็นเกมของฝ่ายค้านที่พยายามลากยาวเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อองค์ประชุม ดังนั้น รัฐบาลต้องอดทนเพื่อให้องค์ประชุมครบและเดินหน้าต่อไปได้"
แม้ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะอยู่กับพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นฝ่ายค้าน
เห็นหรือยังว่ากระบวนการสัประยุทธ์ทางการเมืองมากด้วยความสลับซับซ้อน มิได้ดำเนินไปในแบบ 1+1 เป็น 2 การเมืองมิได้เป็นไปอย่างเรียงลำดับเป็นอนุกรม
แม้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะพยายามลดทอนแรงเสียดทานหลายอย่างให้เหลือน้อยลง
ดังในกรณีพนมมือเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เป็นกลยุทธ์แบบเดียวกับเมื่อ เล่าปี่ เพียรขอเข้าพบมังกรหลับแห่งเขาโงลังกั๋ง จูกัดเหลียง หรือขงเบ้ง ถึง 3 ครั้ง 3 ครา
แต่นั่นมิได้หมายความว่าถนนสายการเมืองจะราบรื่นเหมือนยืนอยู่บนเนินเขาในชั่วพริบตา
กระบวนการสกัดขัดขวาง กระบวนเตะตัดขา อันเป็นกระบวนการตกค้างมาจากผู้เสพเสวยประโยชน์จากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก็จะยังดำเนินต่อไป
เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบปริมาณที่เคยเห็นในห้วงก่อนรัฐประหารหรือในห้วงเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2551 อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นน้อยลง
แต่ฤทธิ์เดชก็ยังคงอยู่ ประมาทไม่ได้
มีความจำเป็นที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย จักต้องสรุปบทเรียนจากกาลอดีต
บทเรียนจากชัยชนะของการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 แล้วก็ต้องพ่ายแพ้ในเดือนธันวาคม 2551
ชัยชนะจากการเลือกตั้งมิได้เป็นชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
