กรุงเทพธุรกิจ 23 เมษายน 2555 >>>
"อริสมันต์” ขอรวมคดีก่อการร้ายกับ 23 แกนนำ-แนวร่วม นปช. ศาลอนุญาตคดีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน
ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 23 เม.ย. 55 เวลา 09.00 น. ศาลนัดพร้อมคู่ความคดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2533 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วม นปช. รวม 23 คน ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อให้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกฉิน พ.ศ. 2548
จากกรณีระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-20 พ.ค. 53 ต่อเนื่องกัน พวกจำเลยได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ต่อต้านรัฐบาล และบังคับขู่เข็ญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ขณะนั้นยุบสภา
โดยวันนี้นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ซึ่งตกเป็นจำเลยคดีร่วมกันก่อการร้ายหมายเลขดำ อ.4958/2554 อีกสำนวน ก็ได้ยื่นคำร้องขอรวมการพิจารณาคดีทั้งสองคดีเป็นคดีเดียวกัน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีดังกล่าวมีมูลกรณีเดียวกันและพยานหลักฐานส่วนใหญ่เป็นชุดเดียวกันจึงอนุญาตให้รวมสำนวนคดีเพื่อความสะดวกในการพิจารณาคดี
ขณะเดียวกันทนายความจำเลยทั้ง 24 แถลงว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 น.พ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 7 และ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท จำเลย 10 เป็น ส.ส. ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสมัยประชุมสภา เดิมจะสิ้นกำหนดสมัยประชุมวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากรัฐสภาต้องประชุมปรึกษาหารือกันอีกจึงได้มีการขยายเวลาประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ พ.ศ. 2555 ออกไปอีกจนกว่าจะได้มีพระราชกฤษฎีกา ปิดสมัยประชุม อีกทั้งขณะนี้พนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไม่สงบเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ซึ่งเป็นมูลเหตุสำคัญที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดี โดยทนายของจำเลยที่ 4 ได้เป็นทนายความคดีที่มีการยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรพลิกศพ หมายเลขดำที่ ช.4/2553 และ ช.7/2553 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งนัดไต่สวนวันที่ 21 พ.ค. นี้และคดี หมายเลขดำ ที่ ช.55/2553 ของศาลอาญา ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนชันสูตรพลิกศพ วันที่ 28 พ.ค. นี้ โดยฝ่ายจำเลยเห็นว่า พยานหลักฐานในคดี รวมทั้งผลของคดี จะมีผลต่อแนวทางการต่อสู้คดีของจำเลย จึงขอยกเลิกการสืบพยานโจทก์ในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. 55 และให้เลื่อนสืบพยานโจทก์ในเดือน ส.ค. เพื่อรอผลคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีหนึ่งคดีใดก่อน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อฝ่ายจำเลยทั้งหมดยืนยันว่าพยานหลักฐานที่พนักงานอัยการใช้ในการไต่สวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต ถือเป็นประโยชน์และเป็นหลักฐานสำคัญที่จำเลยจะใช้ประกอบการถามค้านโจทก์และเป็นแนวทางต่อสู้คดี ซึ่งโจทก์และโจทก์ร่วม 39 รายไม่คัดค้าน อีกทั้งยังไม่แน่ว่าเดือน มิ.ย. นี้ จะมีการปิดสมัยประชุมสภาหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุขัดข้องต่อการสืบพยานเห็นควรอนุญาตให้สืบพยานโจทก์นัดแรก ในวันที่ 9 ส.ค. นี้ เวลา 09.00 น. โดยอัยการโจทก์จะนำ พ.ต.อ.คณิชชัย มหิทรเทพ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ขึ้นเบิกความและให้นัดสืบพยานโจทก์ต่อเนื่อง ทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ติดต่อกันระหว่างที่ปิดสมัยประชุมสภา