
"ยงยุทธ" ปัดสร้างภาพปรองดอง ระบุเสื้อแดงไม่พอใจไม่ทำให้เรื่องบานปลาย ยันไม่เกี่ยวยื้อเก้าอี้มท.1 เผยหารือเขมรเรื่องการค้า ไม่คุยพื้นที่ทับซ้อน
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ถึงกรณีการนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อรดน้ำดำหัว ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีกลุ่มเสื้อแดงบางส่วนออกมาแสดงความไม่พอใจ ว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ประชาชนจะเข้าใจ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นสาเหตุที่จะทำให้บานปลาย เพราะอยู่ในหลักเกณฑ์ของความมีเหตุผล เพราะถ้าทำอะไรแล้ว ไม่มีใครไม่เห็นด้วยถือเป็นเรื่องผิดปกติ และเห็นว่าได้ทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันอีกครั้งว่าการเข้าพบ พล.อ.เปรม ในครั้งนี้ ไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการปรองดองเป็นเพียงมิติทางด้านวัฒนธรรม และไม่มีมิติทางการเมือง หรือสร้างภาพปรองดอง
เมื่อถามว่า การที่ นายยงยุทธ เป็นผู้ดำเนินการให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีโอกาสได้พบพล.อ.เปรม เป็นเพราะจำเป็นที่จะต้องสร้างราคาให้ตัวเอง หลังจากมีกระแสข่าวว่าอาจจะตกเก้าอี้ ใช่หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ตนไม่จำเป็นต้องสร้างราคา เพราะเรื่องการเข้าพบ พล.อ.เปรม ไม่ได้ช่วย หรือ ไม่ช่วย ตนได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทำงานมากกว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายยงยุทธ พร้อมด้วยนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เลขานุการ รมว.มหาดไทย นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทยและคณะ ได้เดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา โดยระหว่างการประชุมจะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดแดน ของ 2 ประเทศด้วย โดยนายยงยุทธ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางว่า การประชุมคณะกรรมการผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการร่วมประชุมในระดับจังหวัดของ 2 ประเทศที่มีชายแดนติดต่อกัน โดยมีทางการกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะมีการหารือและสร้างความร่วมมือในเรื่องของการค้าชายแดน การเดินทางเข้า-ออกตามแนวชายแดนของประชาชน 2 ประเทศ รวมถึงความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยจะไม่มีการหยิบยกปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะปัญหาพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารมาพูดคุยแต่อย่างใด
