โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ ....
บทความนี้จะเป็นบทความส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เมื่อมองย้อนไปในปีที่ผ่านมา พ.ศ. 2554 ถือเป็นปีที่ประชาชนลุกขึ้นมาใหม่หลังการปราบปราบประชาชนในปี พ.ศ. 2553 ล้มตาย บาดเจ็บ ถูกจับกุมคุมขัง บ้างก็หลบหนีซ่อนตัว
การลุกขึ้นมาต่อสู้ใหม่ในหนทางเดิม “สันติวิธี” เข้าสู่การเลือกตั้ง สนับสนุนพรรคการเมืองที่ร่วมชะตากรรม ต่อสู้มาหลังการรัฐประหาร มีบทบาทสำคัญในชัยชนะทางการเมืองด้วยสนามต่อสู้การเลือกตั้งทั่วไป ถือเป็นการก้าวหน้าครั้งใหญ่ของประชาชนที่ยืนหยัดต่อสู้ทางการเมืองและใช้หนทางสันติวิธีเก็บชัยชนะได้ในการต่อสู้ยกใหม่ เพราะสังคมโลกจับตาการต่อสู้ของประชาชนไทยว่า ต้องกลายเป็นสงครามที่ใช้อาวุธ แต่วุฒิภาวะของคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ผลักดันให้ยอมรับหนทางสันติวิธีอย่างอดทนและเข้าใจความยากลำบาก เมื่อประสบความสำเร็จก็มีปัจจัยแห่งความพ่ายแพ้ปรากฏขึ้นเป็นธรรมดา ตามข่าวคราวที่ปรากฏทั้งในสื่อกระแสหลักหรือสื่อสังคมออนไลน์ มีการโจมตี แตกแยกหลายครั้ง ก็ก้าวข้ามพรมแดนแห่งมิตร เข้าสู่พรมแดนแห่งศัตรู บ้างก็เกิดจากความแตกต่างในหนทางและปลายทางต่อสู้ บ้างก็เกิดจากการไม่ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน ไม่ได้สำรวจรายละเอียดดีพอ บ้างก็เกิดจากการขัดกันในผลประโยชน์ ทั้งในแง่การช่วงชิงการนำมวลชน หรือไม่สมประโยชน์ในส่วนแบ่งอำนาจ ตำแหน่ง ฐานะ อันเกิดจากความหลากหลายของผู้คนและกลุ่มที่เข้าร่วมในขบวนการประชาธิปไตยคนเสื้อแดง
นี่จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความแตกต่างกัน และแตกแยกเมื่อได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง การพูดเน้นความแตกแยกโดยไม่มองเห็นที่มาของผู้คนและลักษณะของผู้คนทั้งขบวนฯ ก็จะเป็นการมองที่เห็นแต่ด้านเลวร้ายเสียหายเกินไป เพราะเป็นธรรมดาที่ในสถานการณ์ใหม่หลังการสู้รบ ผู้คนที่ร่วมขบวนจะเห็นแตกต่างกระทั่งแยกตัวไป แต่ถ้ายึดกุมหลักการได้ก็จะไม่ก้าวข้ามพรมแดนมิตรแล้วกลายเป็นศัตรู ด้วยการทำลายขบวนการประชาชนโดยการให้ร้ายโจมตี
อย่างไม่รับผิดชอบ นี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเอาแบบอย่างของนักการเมืองบางพรรค แต่มิได้หมายความว่าขบวนฯ จะไม่ควรมีความขัดแย้ง ตรงข้าม ความขัดแย้งกลับทำให้มีการพัฒนา ดังที่เกิดขึ้นในปลายปี 52 ทำให้ นปช. พัฒนาเป็นองค์กรแนวร่วมที่มีหลักการ สามารถใช้หลักการนั้นดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน คือเป้าหมายยุทธศาสตร์ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และผลิตผลจากคณะรัฐประหาร 2549 เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน รวมทั้งยกเลิกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง ยุติการทำรัฐประหารทุกรูปแบบ เป้าหมายนี้ก็ปรากฏในนโยบายข้อ 5 และข้อ 6 ของ นปช. แสดงว่าพัฒนาการครั้งนั้น สร้างหลักการที่ทำให้การต่อสู้ของ นปช. มีเป้าหมายแต่ละระยะชัดเจน และนี่คือสิ่งที่ต่างจากนักรบเสรี อิสระ ที่สามารถเคลื่อนไหวโจมตีตามประสงค์ของตน โดยที่การต่อสู้ในขบวนประชาธิปไตยเป็นเรื่องของเสรีชน โดยเฉพาะชนชั้นกลางที่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ต่อยอดจากการต่อสู้ของคนรากหญ้า มวลชนพื้นฐาน ปรากฏการณ์มีกลุ่มอิสระและโจมตีกันจะมากขึ้น การเกิดหมู่บ้านเสื้อแดงก็เช่นกัน ก็เกิดการชิงการนำและแสดงความเป็นเจ้าของหมู่บ้าน นับว่าใครเปิดหมู่บ้านได้เท่าไหร่แล้วโจมตีกัน หรือการเกิดกลุ่มใหม่ๆ ในชื่อต่างๆ เพื่อทำการจัดตั้งในกลุ่มของตนเองแล้วขัดแย้งกัน ที่สำคัญคือการใช้คนเสื้อแดงเพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้งท้องถิ่น และการเลือกตั้งระดับชาติ
การเลือกตั้งระดับชาติอาจไม่รุนแรงนัก เพราะมีพรรคเพื่อไทยเป็นหลักในการคัดกรองคน แต่ในบางพื้นที่ก็มีความขัดแย้งมากเช่นกัน รวมๆ แล้วก็ยังอยู่ในเรื่องราวของการช่วงชิงการนำมวลชน เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนหรือส่วนรวมนั่นเอง ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขบวนฯ นี้ไม่ใช่ขบวนปฏิวัติที่คนในขบวนฯ ต้องผ่านการคัดสรร บ่มเพาะ และจัดการศึกษาเพื่อเปลี่ยนแปลงจากคนที่มีจุดยืนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน มาเป็นคนที่มีจุดยืนเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมแท้จริง และมีวิธีคิดวิธีทำงานที่เป็นวิทยาศาสตร์ เมื่อเรามาจากทั่วทุกสารทิศ มีความจำกัดของการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน ย่อมสะท้อนออกในการปฏิบัติในสถานการณ์ใหม่แห่งชัยชนะเบื้องต้น แต่ในยามคับขันในการต่อสู้ที่แหลมคม ความแตกต่างจะลบเลือนไปชั่วคราว จะผนึกกำลังในการต่อสู้ค่อนข้างเป็นเอกภาพ เพราะมีเป้าหมายร่วมกันในการต่อสู้
ในปีใหม่นี้ เป้าหมายเราต้องการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน ก็หวังว่าความเป็นเอกภาพควรมีพอสมควร อาจมีรายละเอียดในการปรับแก้แตกต่างกันบ้าง ผ่านกระบวนการถกเถียง ค้นคว้าในหมู่ประชาชน และเราก็จะจัดเวทีอภิปรายพร้อมเปิดโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช. เพื่อนิติรัฐที่มีนิติธรรม เน้นกระบวนการ นำเสนอหลักการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยสู่นิติรัฐที่มีนิติธรรมของประชาชน รับฟังความคิดเห็นของแกนนำในภูมิภาคและระดับต่าง ๆ ทั้งประเทศ เราก็หวังว่าจะเป็นเรื่องที่ปีใหม่ 2555 ควรเป็นปีที่สดใสของประชาชน และขับเคลื่อนขบวนฯ ก้าวหน้า เก็บชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ให้กับประเทศไทย