บางส่วนของกิจกรรม นปช. ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

บทความประจำสัปดาห์ 5 ธันวาคม 2554
โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ ....




วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ผู้เขียนได้มีประสบการณ์ใหม่ คือได้ประชุมกับพี่น้องในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นั่งพูดในห้องประชุมใหญ่พร้อมกับคณะทนายความ โดยได้รับโอกาศจากเรือนจำ สืบเนื่องจากข้อตกลงของกระทรวงยุติธรรมที่รัฐ โดยกรมคุ้มครองสิทธิ จะช่วยประกันตัวผู้ต้องหาทางการเมืองที่ต้องการให้รัฐช่วยในเรื่องหลัก ทรัพย์และทนาย เนื่องจากกรมคุ้มครองสิทธิใช้ข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ที่ไม่มีผู้ต้องหาทางการ เมืองในคดี 112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ในการสำรวจข้อมูลในเรื่องการขอประกันตัว จึงทำให้พี่น้องเราได้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและมากันไม่ครบ อีกทั้งเรามีเรามีเรื่องการย้ายที่คุมขังใหม่ด้วย
เราสามารถทำภารกิจ บรรลุ ด้วยการจัดประชุมและดำเนินการให้พี่น้องเรากรอกข้อมูลใบสมัครการประกันตัว ของแบบฟอร์มกรมคุ้มครองสิทธิและข้อมูลอื่น ๆ เราพบว่าจากจำนวน 43 คน ได้รับการปล่อยตัว 4 คนในวันที่ 1 ธันวาคม จึงเหลือ 39 คนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในจำนวนนี้คาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวหลังวันที่ 5 ธันวาคม ประมาณ 11 คน ผู้ถูกคุมขังคดีเด็ดขาด 11 คน (หมายความว่าประกันตัวไม่ได้แล้ว) เหลือคนที่ขอประกันตัว 17 คน ในจำนวนนี้ คุณสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ จะประกันตัวเอง คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข ก็อาจประกันตัวเองเช่นกัน คุณธันย์ฐวุฒิ ทวีวโรดมกุล ที่ถูกกำหนดโทษ 13 ปี ทั้งจาก ม.112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ก็อาจใช้หลักทรัพย์เดิมประกันตัวเอง ส่วนคุณคมสันต์ สุดจันทร์ฮาบ, คุณพินิจ จันทร์ณรงค์ คุณหมอเหวง โตจิราการ และคุณพายัพ ปั้นเกตุ ใช้ตำแหน่ง ส.ส. ประกันตัวไปในวันที่ 1 ธันวาคม มาถึงวันนี้ก็ทราบว่าประกันตัวไม่ได้ ดังนั้นก็รองวดใหม่อีกที และเราก็ต้องขอข้อมูลจากต่างจังหวัดด้วย ซึ่งส่วนมากมี ส.ส. ใช้ตำแหน่งพร้อมหลักทรัพย์ประกัน ความพยายามขอประกันตัวก็ต้องมีต่อไป พร้อมกับความพยายามในการต่อสู้คดี และการย้ายที่คุมขังใหม่ให้เหมาะสมในฐานะผู้ต้องหาคดีอันสืบเนื่องจากความ ขัดแย้งทางการเมือง
ระหว่างการประชุม พี่น้องดีใจที่ได้พบคณะเรา ได้รับรู้ความพยายามของเราในการประกันตัว และดีใจมากที่จะได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ ที่ถึงแม้จะยังเป็นที่คุมขังอยู่ก็ตาม การแยกออกจากคดีอาชญากรรมทั้งปวง และบรรยากาศสิ่งแวดล้อม คุก ที่บางครั้งทำร้ายพี่น้องเราด้วยน้ำมือของผู้ต้องหาอื่น ๆ อันเนืองจากการยุยงและการเข้าใจผิด รวมทั้งการให้ทำงานหนัก และการได้รับการดูแลจากญาติพี่น้อง คนเสื้อแดงไม่ทั่วถึง เป็นการซ้ำเติมชะตากรรมพี่น้องเราให้ลำบากแสนสาหัส ที่อยู่ใหม่อยู่หลังสโมสรกรมตำรวจตึกตรงข้าม ตึกปราบปรามยาเสพติด และอยู่ในเวลาปรับปรุงใหม่
ผู้เขียนได้แจ้งว่า ความพยายามของเรายังไม่อาจทำให้พวกเขาได้เป็นอิสรชน ถูกปลดปล่อยจากเรือนจำ ทั้งโดยมีเงื่อนไขหรือไม่มีก็ตาม เราถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกหน่อมแน้ม ทำแค่ย้ายคุก แค่ล็อบบี้ผู้คน เราขอแจ้งว่าเราไม่ได้วิ่งล็อบบี้ใคร แม้มีสิทธิ แต่เราเปิดเผยการแถลงข่าว และเดินเรื่องเปิดเผยมานานแล้ว ใช้ข้อมูลหลักฐานเพื่อประกอบความชอบธรรมในการเรียกร้องตามหลักการและเหตุผล ไม่ได้ล็อบบี้หรืองุบงิบทำแต่ประการใด สิ่งสำคัญคือ นปช. ได้กำหนดยุทธศาสตร์ แนวทาง นโยบาย เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีไว้ พร้อมกำหนดภาระหน้าที่ตามสถานการณ์เป็นหลักการใหญ่ ๆ เราไม่มีแถลงการณ์รายวัน เพราะเราเป็นองค์กรใหญ่ จะต้องดำเนินการตามกรอบใหญ่ ส่วนบทความรายสัปดาห์ของผู้เขียนนั้น ลงพิมพ์ในมหาประชาชนรายสัปดาห์ ใน Facebook และสื่ออินเตอร์เน็ต ไม่ใช่แถลงการณ์ของ นปช. แต่อย่างใด
แม้แต่ผู้เขียนเองก็ไม่นิยมการตอบ โต้ประจำวันกับใคร ๆ เพราะเราถือการปฏิบัติภาระหน้าที่ให้บรรลุตามเป้าหมายแต่ละระยะเป็นสำคัญ เราเน้นฐานะของการปฏิบัติตามหลักการใหญ่อย่างเป็นขั้นตอน และทำในสิ่งที่เป็นไปได้ให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว สะสมชัยชนะและรุกไปข้างหน้าอย่างมีจังหวะ ก้าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ขณะนี้วิกฤตอุทกภัยทับซ้อนกับวิกฤตการเมืองที่ดำรงอยู่ สองวิกฤตนี้ไม่ยอมหลีกทางให้กัน วิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองไม่ยอมถอยให้วิกฤตอุทกภัย เป็นการซ้ำเติมย่างก้าวของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยในการบริหารราชการแผ่นดิน และกระทำหน้าที่ในรัฐสภา
สำหรับนปช.เราต้องทั้งแก้ไขเรื่องราวอันเป็นผล พวงจากรัฐประหารและการปราบปราบประชาชน ด้านหนึ่ง ช่วยเหลือพวกเราที่ถูกจับกุมคุมขังและมีคดีความมากมาย อีกด้านหนึ่ง ก็การพยายามเอาคนผิดมาลงโทษ คนที่ไม่ติดตามการแถลงข่าวของ นปช. ที่มีทุกวันพุธ ครบ 1 ปี พอดีในวันที่ 1 ธันวาคม 2554 ก็อาจไม่รู้ว่า เรามีความพยายาม 2 เรื่องนี้มาตลอด ระยะนี้ตั้งแต่เปลี่ยนรัฐบาล กระบวนการเอาคนผิดมาลงโทษ การตามหาพยานมาให้ปากคำ และหาหลักฐานเพิ่มเติมก็คึกคักขึ้น ทั้งหมดนี้อยู่ในหลักการ 3 ขั้น คือ
1. ทำความจริงให้ปรากฏ
2. เอาคนผิดมาลงโทษ และ
3. ไม่ให้เกิดการฆ่าคนกลางถนนในเมืองเช่นนี้อีก
เรา ไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ย้อนกลับ ดังเช่น จากกรณี 14 ตุลา, 6 ตุลา, พฤษภา 35 เราไม่ต้องการให้เกิดซ้ำรอยเช่นนี้ นี่เป็นการประกาศซ้ำแล้วซ้ำอีกในทุกเวทีมา 1 ปีแล้ว ขณะนี้สำนวนใหม่สำหรับ 16 ศพ ใกล้จะต้องยื่นต่ออัยการแล้ว ดังมีข่าวว่าพนักงานสอบสวนเรียกตัว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปให้ปากคำ หลังจากที่ทหารจำนวนหนึ่งไปให้ปากคำก่อนหน้านั้น อ้างคำสั่งของนักการเมืองในการปราบปราม โดยใช้อาวุธสงครามและกระสุนจริง
ขบวน การเสื้อแดงนั้นยิ่งใหญ่ มีความหลากหลายของกลุ่มคนและเรื่องราวในรายละเอียด แต่มีหลักใหญ่ในการต่อต้านรัฐประหารและต้องการความยุติธรรม แต่ขั้นตอนในการทำงาน และรูปแบบ เนื้อหาในแต่ละเวลาอาจแตกต่างกัน ไม่ต้องเรียกร้องความเหมือนกันในระหว่างกลุ่มต่างๆ ของแนวร่วม และบทแรกของเรื่องราวการต่อสู้ของประชาชนคือ รู้ว่าใครคือมิตร ใครคือศัตรู บทต่อมาคือการปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ในการต่อสู้จะมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธีอย่างไร ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยที่มีชัยชนะของประชาชนเป็นเป้าหมายในแต่ละระยะ และมีความเสียหายน้อยที่สุด แม้ว่าเครือข่ายระบอบอำมาตย์และผู้ปราบปรามประชาชนจะเป็นด้านหลักของปัญหา แต่เราก็สามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ในฐานะผู้ถูกกระทำให้ประสบชัยชนะบรรลุเป้า หมายยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ได้ ไม่มีเหตุผลที่จะมาบั่นทอนหรือทำลายมิตรด้วยกัน