ศาลอาญากรุงเทพใต้ ไต่สวน2ศพแดงพระราม4

ข่าวสด 25 ตุลาคม 2556


 เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของนายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล คนขับจักรยานยนต์รับจ้าง และนายประจวบ ประจวบสุข แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้ทางด่วน ถ.พระราม 4 เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2553

 พยานปากที่ 1 เบิกความโดยสรุปว่า รับราชการที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง วันที่ 27 ธ.ค. 2553 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งหัวกระสุนปืนขนาด 7.62 ม.ม. รัสเซียน จำนวน 1 นัด และเศษโลหะ 1 ชิ้นมาให้ตรวจพิสูจน์ พบว่ายิงมาจากปืนขนาด 7.62 ม.ม. รัสเซียน หรือปืนอาก้า ต่อมาวันที่ 19 เม.ย. 2554 พนักงานสอบสวนส่งปืนเอ็ม 16 จำนวน 10 กระบอก มาให้ตรวจเปรียบเทียบกับหัวกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) จำนวน 1 นัด พบว่าไม่ได้ยิงมาจากปืนทั้ง 10 กระบอก ทั้งนี้ ปืนเอ็ม 16 สามารถถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ได้

 พยานเบิกความต่อว่า วันที่ 1 พ.ย. 2554 ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุบริเวณ ถ.พระราม 4 จำนวน 4 จุด ได้แก่ ป้ายบอกช่องเดินรถมวลชน หน้าภัตตาคารจันทร์เพ็ญ มีรอยกระสุนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) ยิงมาจากแนวสะพานไทย-เบลเยียม ไปทางใต้ทางด่วนพระราม 4 และมีรอยกระสุนลูกปลายของปืนลูกซอง วิถีกระสุนมาจากทิศทางเดียวกัน ส่วนด้านซ้ายของอาคารเอซุสพบรอยกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) จำนวน 13 ลูก และรอยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดอีก 53 ลูก แนวกระสุนมีทิศทางเดียวกัน ขณะที่ตู้ชุมสายโทรศัพท์ทีโอทีมีรอยกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) จำนวน 3 ลูก ทิศทางเดียวกัน และป้ายบอกเส้นทางลัด สาทร-อัตถการ ใกล้ปากซอยงามดูพลี พบรอยกระสุนปืนที่ยืนยันชนิดและขนาดไม่ได้อีกหลายลูก มีวิถีกระสุนทิศทางเดียวกับบริเวณที่ 1, 2 และ 3

 พยานเบิกความอีกว่า จากการดูวิดีโอเหตุการณ์บริเวณที่ผู้ตายถูกยิง เชื่อว่าก่อนถูกยิงนายเกียรติคุณยืนหันหน้าไปทางสะพานไทย-เบลเยียม แต่ไม่สามารถยืนยันมุมที่ยิงได้เนื่องจากไม่ทราบว่าอยู่ในท่าทางใด ส่วนนายประจวบพยานไม่เห็นลักษณะการยิงในวิดีโอจึงไม่อาจระบุแนววิถีการถูกยิงได้ ทั้งนี้ ในชั้นสอบสวนพยานได้ดูคลิปสไนเปอร์ที่อ้างว่ายิงจากร้านเพชรยินดีมวยไทย หน้าสนามมวยลุมพินี จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ายากมากที่จะยิงผู้ตายจากบริเวณดังกล่าว และจากการฟังเสียงในคลิปไม่สามารถบอกทิศทางกระสุนได้ แต่การที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนที่ถอยมาด้านหลังเชื่อว่ากระสุนปืนมาจากแนวสะพานไทย-เบลเยียม

 ต่อมาพยานปากที่ 2 เบิกความว่า เป็นเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ วันที่ 24 ก.ย. 2553 รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอให้ไปตรวจรอยกระสุนบริเวณทางเดินเท้า ถ.พระราม 4 ตั้งแต่เชิงสะพานไทย-เบลเยียม ถึงใต้ทางด่วน และจากใต้ทางด่วนถึงปากซอยงามดูพลี พบรอยกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) กระสุนลูกปลายจากปืนลูกซอง และรอยที่ไม่สามารถยืนยันชนิดกระสุนได้ บริเวณเสาไฟฟ้า ป้ายจราจร อาคารใกล้เคียง และตอม่อทางด่วน มีวิถีกระสุนทั้งจากแยกวิทยุมุ่งหน้าไปใต้ทางด่วน และจากใต้ทางด่วนมุ่งหน้าไปแยกวิทยุ สำหรับการตายของทั้งสองพยานไม่สามารถระบุได้ว่ายิงมาจากทิศทางใด เนื่องจากไม่ทราบตำแหน่ง และท่าทางของผู้ตาย

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลนัดสืบพยานครั้งต่อไปวันที่ 29 ต.ค. เวลา 09.00 น.