วันที่ 24 มิ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ ในฐานะผู้เสียหายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่ที่ยิงสกัดรถตู้ ขณะขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ถนนราชปรารภ เมื่อเดือนพ.ค.53 กล่าวว่า จากกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสอบคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เตรียมนำสำนวนคดีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ และด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา รวมทั้งสำนวนการบาดเจ็บของตนเอง ส่งให้อัยการคดีพิเศษพิจารณายื่นฟ้องศาล ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ซึ่งวันดังกล่าวทราบว่าทางดีเอสไอจะนำตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผอ.ศอฉ. ในฐานะเป็นผู้กำหนดนโยบายและตัดสินใจในการออกคำสั่งศอฉ. ไปมอบให้อัยการพร้อมกับสำนวนดังกล่าว ซึ่งตนจะเดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย และต้องการเห็นหน้านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ อยากถามถึงความรู้สึกของเขาที่ตกเป็นผู้ต้องหา มีความรู้สึกอย่างไร
นายสมร กล่าวต่อว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่เป็นคนออกคำสั่งจนมีผู้เสียชีวิตรวม 99 ศพ บาดเจ็บกว่า 2,000 คน ไม่เคยออกมาขอโทษญาติผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บเลย มีแต่ออกมาโยนความผิดให้ชายชุดดำว่าเป็นคนก่อเหตุ ทั้งที่สถานการณ์ความรุนแรงในวันนั้นมีแต่กำลังเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมพื้นที่ และใช้อาวุธเข้าปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรงกลางกรุง หลังเกิดเหตุทั้งสองคนยังเดินอยู่ในสังคม โดยไม่สนใจการตายของประชาชน
"ส่วนหลักฐานที่ดีเอสไอส่งให้อัยการครั้งนี้ มีความเชื่อมั่นมากว่าครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะดีเอสไอเก็บรวบรวมมานานกว่า 3 ปี จนมาถึงวันนี้กว่า 50 แฟ้ม จึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพได้ สิ่งหนึ่งที่มีความวิตกกังวลเล็กน้อยคือทราบมาว่า ทางฝ่ายผู้ต้องหาจะฟ้องกลับดีเอสไอ ซึ่งจุดนี้อาจทำให้คดียืดเยื้อจนหมดอายุความ อย่างไรก็ตามวิงวอนให้ศาลเห็นใจ ให้ความเป็นธรรมด้วย เพราะศาลเป็นที่พึ่งสุดท้ายของญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ" นายสมร กล่าว