10 พ.ค. บรรยากาศการชุมนุมใหญ่ วันปราบกบฏ ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ถนนอักษะ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ในวันแรกตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนทยอยมาร่วมชุมนุมอย่างคึกคักทั้งจากในเขตกทม. ปริมณฑลและต่างจังหวัด ท่ามกลางสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศมาปักหลักติดตามสถานการณ์จำนวนมาก ขณะที่แกนนำ นปช.เริ่มเดินทางมาเตรียมตัวขึ้นเวทีปราศรัยในช่วงเย็น อาทิ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ และแกนนำเสื้อแดงอีสาน อาทิ นายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำแดงอุดรฯ
กิจกรรมบนเวทีมีการแสดงดนตรีและการปราศรัยจากแนวร่วมคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ เป็นระยะ ส่วนพื้นที่โดยรอบพื้นที่ชุมนุมตลอดแนวถนนอุทยานทั้งสองฝั่ง มีการติดตั้งจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่สำหรับถ่ายทอดกิจกรรมบนเวทีอย่างทั่วถึง มีการจัดนิทรรศการ การต่อสู้เพื่อประชาชน แสดงภาพถ่ายและฉายวีดิทัศน์เหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 ยุทธการรุมยิงนกในกรง และเหตุการณ์ความจริงหน้าราม นอกจากนี้ นปช.ยังจัดสรรพื้นที่ให้บริการรถสุขาและห้องอาบน้ำ เต็นท์บริการเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ รวมทั้งบริการรถซูบารุขนาดเล็กสำหรับรับส่งผู้ชุมนุมในบริเวณที่ชุมนุมด้วย
เวลา 12.30 น. อ.ธิดาเผยว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมประท้วงเพื่อคัดค้านคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญหรือคำตัดสินของป.ป.ช. แต่กลุ่มนปช.ต้องการต่อต้านกระบวนการของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยทั้งหมดที่มีกระบวนการพยายามให้มีรัฐบาลใหม่ หรือตั้งนายกฯคนกลางไม่ว่าจะมาด้วยวิธีแบบใด ทั้งการทูลเกล้าฯของนายสุเทพหรือผ่านการเสนอชื่อจากการประชุมของวุฒิสภา ส่วนที่กปปส.อ้างว่าจำเป็นต้องยึดสื่อเพื่อป้องกันคนเสื้อแดงไม่ให้เข้ายึดสื่อ ขอยืนยันว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ไม่เคยมีประวัติคุกคามสื่อ หรือหากมีบ้าง ก็เป็นลักษณะส่วนตัว ไม่เคยเป็นวาระหลักของแกนนำเลย เช่น ในปี 2553 จะเห็นว่าสื่อมวลชนนอนอยู่กับแกนนำตลอดจนจบการชุมนุม การบอกว่าไปปิดล้อมเพราะกลัวคนเสื้อแดงไปจึงไม่เป็นความจริง
อ.ธิดากล่าวว่า คนเสื้อแดงไม่กังวลเรื่องการสร้างเงื่อนไขความรุนแรง ซึ่งคนเสื้อแดงมีความชอบธรรมในการชุมนุมอย่างเต็มที่ เพราะสิ่งที่เรียกร้องเป็นสิ่งที่ชอบธรรมเพราะผู้นำที่มาจากระบอบประชาธิปไตยถูกล้มหลายครั้ง ตลอด 6 เดือนที่กปปส.ชุมนุมก่อให้เกิดความเดือดร้อนมาก รวมถึงละเมิดรัฐธรรมนูญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ยืนยันว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ต้องการชุมนุมยืดเยื้อเพื่อสู้กับกปปส. แต่คนเสื้อแดงกำลังต่อสู้กับเครือข่ายระบอบอำมาตย์ที่อยู่เบื้องหลังปัญหาทั้งหมด
ต่อมาเวลา 18.30 น. มร.โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นปราศรัยบนเวทีว่า จะคอยให้การช่วยเหลือพี่น้องคนเสื้อแดงผ่านกลไกระหว่างประเทศ โดยมาตราการแรกที่เตรียมดำเนินการคือ ลงทัณฑ์ผู้ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยเป็นรายบุคคล อย่างเช่นการทำเรื่องขอเพิกถอนวีซ่า ผ่านองค์กรต่างๆ อาทิ องค์กรรัฐสภาสากล หรือไอพียู พรรคการเมืองเสรีนิยมสากลที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นสมาชิกอยู่ นอกจากนี้ยังขอให้ รัฐบาลเร่งลงนามรับขอบเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ และขอประณามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตย ที่เสนอหน้าออกมาอ้างว่ารักษาประชาธิปไตย และขอให้คนเสื้อแดงได้รับรู้ว่า ไม่มีประเทศใดในโลกที่ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อหาว่า ′อาจจะ′ ทำการทุจริต เช่นนี้
จากนั้นเวลา 18.50 น. น.ส.สุดา รังกุพันธ์ แกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล นักเคลื่อนไหวช่วยเหลือนักโทษการเมืองร่วมกับนายกมล ดวงผาสุก หรือไม้ หนึ่ง ก.กุนที กวีเสื้อแดงที่ถูกลอบสังหารใจกลางกรุงเทพมหานคร นำบทกวีของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที ขึ้นอ่านบนเวที เพื่อเป็นการระลึกถึงถึงการจากไปและสดุดีผลงานของไม้หนึ่งฯ ที่ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองร่วมเคียงข้างพี่น้องเสื้อแดงมาโดยตลอด ทำให้พื้นที่ชุมนุมเต็มไปด้วยความเศร้าและเงียบไว้อาลัยแก่กวีเสื้อแดงรายนี้ ก่อนที่ น.ส.สุดา จะตะโกนทิ้งท้ายว่า "ไม้หนึ่งกวีราษฎร ไม้หนึ่งกวีราษฎร" ก็ทำให้ผู้ชุมนุมต่างส่งเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 20.40 น. นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. ขึ้นปราศรัยอีกครั้งว่า ดีลที่เสนอให้ ประธาน 3 ศาล และว่าที่ประธานวุฒิฯ หารือกันเพื่อตั้งนายกฯ ม.7 นั้น ไม่มีทางสำเร็จได้ แต่ว่าฝ่ายอำมาตย์ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือ ให้ทหารยึดอำนาจ แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะพูดแล้วว่า ยึดอำนาจไม่ใช่ทางออก ก็ต้องรักษาคำพูด ถ้าไม่ทำก็ต้องสู้กับคนเสื้อแดงทั้งประเทศ หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยึดถือคำพูด พวกเราก็จะปรบมือให้ท่าน ตนอยากบอกว่า พวกคุณล้มการเลือกตั้ง ล้มน.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้ แต่พวกคุณตั้งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ข้อเสนอที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะไม่มีทางสำเร็จ
นายจตุพร กล่าวว่า การปิดล้อมสถานีโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา 2 สมาคมสื่อที่เคยเชียร์กปปส.ก็ยังออกมาประณาม ตนขอปรบมือให้ แต่องค์กรที่ยังตายอยู่เหมือนเดิม คือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ไม่เคยเห็นว่าการยึดสถานีโทรทัศน์คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง แต่ตนอยากบอกว่า ตอนนี้มีสถานีโทรทัศน์กว่า 300 ช่อง หากจะยึดก็ต้องไปทุกช่อง
"อยากถามเครือข่ายอำมาตย์ว่า อยากเป็นศัตรูกับประชาชนไปตลอดใช่หรือไม่ แต่คนเสื้อแดงจะสู้จนสุดชีวิต ไม่ชนะไม่เลิก และถ้าอำมาตย์ไม่เชื่อ ขอให้ตั้งนายกฯเถื่อน หรือสั่งทหารให้ออกมายึดอำนาจเลย ที่ผ่านมาพวกนี้ได้สร้างความเสียหายให้ประเทศไทยเป็นอย่างมาก สถานการณ์แบบนี้เราะกลับบ้านไม่ได้ จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยไปฝากลูกหลานเรา ไม่เช่นนั้นก็สู้กันอย่างนี้ ไม่มีเลือกตั้งก็อยู่กันแบบนี้ เราไม่สามารถอยู่ร่วมกับนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้ และเรายังจะชุมนุมต่อสู้กันอีกหลายวัน มิเช่นนั้นเครือข่ายอำมาตย์ที่อำมหิต ไม่สนใจผิดชอบชั่วดี จะฉีกรัฐธรรมนูญและหลอกลวงประชาชนอีก "ประธานนปช.กล่าวและว่า
ซึ่งเราก็ไม่มีโอกาสไหนจะดีกว่าในปีนี้อีกแล้ว นับแต่วันนี้ไป นี่เป็นประตูเดียวที่เราจะมีโอกาสต่อสู้และได้ชัยชนะ เพื่อให้ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง ไม่เอานายกฯเถื่อน ไม่เอารัฐประหาร ยึดอำนาจเมื่อไรสู้วันนั้น เราไม่เอาเศษชัยชนะเพื่อมารอวันพ่ายแพ้อีกแล้ว
ต่อมาเวลา 21.30 น. นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ขึ้นเวทีปราศรัย กล่าวว่า คนเสื้อแดงชุมนุมตามรัฐธรรมนูญก็ออกทีวีได้ ไม่ต้องยึดสถานีโทรทัศน์อย่างที่นายสุเทพและกลุ่ม กปปส. ทำ นายสุเทพยึดทำเนียบรัฐบาล แต่ เข้าไปภายในอาคารไม่ได้ ให้การ์ดไปเปิดหน้าต่าง เปิดประตูตึกสันติไมตรี เข้าไปได้แต่ก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ อยู่ที่ทำเนียบฯ ไม่กี่ชั่วโมงต้องวิ่งกลับสวนลุมพินี กปปส. มีการ์ดจำนวนมากเป็นร้อยคนจนต้องบอกให้การ์ดไปเป็นผู้ชุมนุมบ้าง นายสุเทพประกาศหาผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่ว่านั่นก็ตนนั่นแหละ แต่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ในฐานะรักษาการรมช. แต่ยิ่งใหญ่ในฐานะประชาชนเท่ากับคนไทยคนอื่นๆ ดังนั้นไม่ต้องเรียกหาผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหน เพราะประชาชนมาอยู่ที่นี่แล้ว
“มีคนส่งข้อความทางเฟสบุ๊กให้ระวังเพราะนายสุเทพเอาให้แล้ว ยึดทุกอย่าง หลายคนเครียดกินไม่ได้นอนไม่ได้ ผมบอกไม่ต้องตกใจ นายสุเทพเอาคนไปแห่งละร้อยแห่งละพัน และข่มขู่ทีวีไม่ได้ครบทุกช่อง สมาคมสื่ออกมาแถลงการณ์ประณาม องค์กรสิทธิมนุษยชนอย่างฮิวแมนไรต์วอชต์ก็ไม่เห็นด้วย ผมของประกาศไปถึงฟรีทีวีทั้งหลายว่าเราต้องร่วมมือกัน ปลดแอกสถานีของท่านจากนายสุเทพ หากท่านต้องการมีเสรีภาพในการสื่อสาร หากต้องการปกป้องพรมแดนการสื่อสารของประชาชน ให้บอกนายสุเทพไปเลยว่าหากท่านถ่ายทอดสดนายสุเทพ ต้องถ่ายทอดสด นปช. ด้วย ไม่ต้องยึดไม่ต้องปิดล้อม เท่านี้ท่านก็ปลดแอกตัวเองจากนายสุเทพได้แล้ว นปช. ไม่กดดัน ไม่ทำร้ายแน่นอน แต่เราต้องการความเท่าเทียมกัน เป็นความรับผิดชอบของสื่ออยู่แล้วที่จะนำเสนอข่าวของคู่ขัดแย้งอย่างเสมอภาค”
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อแนวทางการต่อสู้ผิดเพี้ยน คนก็ลดน้อยลง ขนาดเช้าวันที่ป.ป.ช. ชี้มูลโครงการจำนำข้าวมีคนโทรไปบงการให้ป.ป.ช. จัดการให้หมดทั้งครม. แต่กฎหมายไปไม่ได้ หน้าตักหน้าไพ่ก็เล่นไม่ได้ขนาดนั้น หากนายสุเทพมีคน 2-3 แสนคน เหตุการณ์อาจไม่เป็นแบบนี้ ครม.อาจจะหมดไปทั้งชุด แต่นายสุเทพมีคนหลักพัน ขนาดประกาศชุมนุมใหญ่วันที่ 9 พ.ค. คนยังมาเหมือนชุมนุมปกติ เมื่อเป็นแบบนี้องค์กรต่างๆ ก็ไม่เล่นด้วย ใครถือแนวทางแบบนี้ไปคุยกับใครก็เสียหายหมด พล.อ.สายหยุด ไปคุยกับองค์ไหนองค์กรนั้นก็เล่นได้ครึ่งๆ กลางๆ คนสติปัญญาดีไม่มีใครไปเล่นกับอุจจาระ จึงเชื่อมั่นใจว่าประธานศาลปกครอง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครองสูงสุดจะไม่ขานรับกับแนวทาง มาตรา 7 ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ฟันธงได้
และระหว่างการปราศรัยมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงปักหลัก กางร่มอยู่ที่เดิมเพื่อฟังการปราศรัย ขณะที่นายณัฐวุฒิเดินหน้าปราศรัยต่อ โดยกล่าวย้ำว่า หากศาลร่วมประชุมเลือกนายกฯ เถื่อน คนเสื้อแดงจะยกระดับการต่อสู่ทันที จะไล่ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร ส่วนบรรดาคนที่ผลักดันนายกฯ เถื่อน อย่าคิดแบบโรแมนติกว่าจะตั้งนายกฯ ก่อนเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาต่างๆ เอาใจคนเสื้อแดง แล้วคนเสื้อแดงจะไม่ออกมาไล่ ยืนยันว่าไม่มีทางเพราะทันที่ที่มีนายกฯ เถื่อนเราไม่กลับบ้าน ไม่สลายการชุมนุม ไม่มีทางเหมือนตอนที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ที่รอถึง 4-5 เดือนจึงออกมาไล่
ทุกสิ่งที่ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงจุดนี้ ความจริงคือ มาจากขบวนการสมคมคิดของผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ในประเทศ ที่ทำมานานนับสิบปี ตั้งไล่รัฐบาลทักษิณ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ซึ่งมีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นนักกฎหมายหลายคน อาทิ นายมีชัย ฤชุพันธ์ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นายสุรพล นิติไกรพจน์ คนเหล่านี้อาจทำถึงขั้นเข้าไปจัดการคำวินิจฉัยต่างๆ ของศาล ขบวนการสมคมคิดขยายอิทธิพล วางระเบิดเวลาหลายลูก คอยฟาดฟันรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ โดยมีผู้ร่วมขบวนการเป็นสารพัดองค์กรกระทั่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ การล้มระฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชและนายสมชายวงสวัสดิ์ก็เกิดจากการสมคมคิดนี้เหมือนกัน
“ความเจ็บปวดของประชาชนไม่ได้อยู่ที่สูญเสียนายกฯ แต่อยู่ทีการสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย วันนี้ประชาชนออกมาต่อสู้ กลางวันร้อนคนยังเต็มถนน กลางคืนฝนตกคนก็ยังเต็มถนน ไม่มีใครถอดใจแม้แต่คนเดียว พวกเขาออกมาเพื่อให้พวกท่านรู้ว่าพวกเขายังหยัดยืนและนี่คือเสียงหัวใจประชาชน” เลขา นปช. กล่าว
ที่มา ข่าวสด