จตุพร พรหมพันธุ์ กางแผน-จัดทัพ ′นปช.′ ต้าน′นายกฯม.7′

สัมภาษณ์พิเศษ โดย ปิยะ สารสุวรรณ, ศุภกาญจน์ เรืองเดช


 

หมายเหตุ - นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ มติชนŽ หลังประกาศลั่นกลองรบถึงแนวทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าการออกมาของคนเสื้อแดงขณะนี้จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง


- แนวทางของคนเสื้อแดงในการต่อสู้หลังจากลั่นกลองรบจะเป็นอย่างไร

จุดเริ่มต้นของการนัดหมายประชุมแกนนำทั่วประเทศเพื่อประกาศลั่นกลองรบนั้น เพื่อที่จะรับฟังความคิดเห็น โดยมีการรวบรวม แล้วนำมาปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และกำหนดปฏิทินในการขับเคลื่อน ซึ่งในวันที่ 1-2 มีนาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ภาคอีสาน เช่น จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น สัปดาห์ต่อไปก็จะเป็นทางภาคเหนือซึ่งจะใช้ศูนย์กลางเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงราย และถ้ามีเวลาจะมาจัดในภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคตะวันออก ซึ่งถ้าเวลาไม่เพียงพอก็จัดเตรียมเข้ามาขับเคลื่อนที่กรุงเทพฯ กิจกรรมที่จัดจะเป็นการระดมคนครั้งใหญ่ของคนเสื้อแดง การที่ดำเนินการจากภาคอีสานและภาคเหนือนั้นจึงเป็นการซ้อม และพี่น้องเสื้อแดงที่มาไม่ได้ดูความพร้อมผ่านรายการโทรทัศน์หรือรายการของคนเสื้อแดงที่มีอยู่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นการจัดทัพ และการมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ คิดว่าจำนวนคนจะมากที่สุดเท่าที่พี่น้องประชาชนเคยเห็นมา

ในการประเมินสถานการณ์ขณะนี้เห็นว่าการรัฐประหารมี2 รูปแบบ คือการรัฐประหารโดยการใช้กำลังกองทัพ และ 2.รัฐประหารซ่อนรูป คือการใช้องค์กรอิสระ ดังนั้น เราต้องสำแดงพลังเพื่อให้รู้ว่าประเทศนี้ต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารในรูปแบบใดก็ตาม มันไม่ได้เป็นตามวิถีทางประชาธิปไตย

รวมถึงข้อเสนอของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่ต้องการให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง แล้วจะเลือกคนกลางเข้ามาทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ทั้งในฝ่ายบริหารและในฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่มีคนกลางจริง มีแต่คนของนายสุเทพ จึงเป็นเรื่องที่คนเสื้อแดงไม่อาจที่จะยอมรับได้ อีกทั้งจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ระบุจะขอตายในสนามประชาธิปไตย เยี่ยงทหารในสนามรบแล้ว ดังนั้น เชื่อว่า คนเสื้อแดงคงไม่ต้องคิดอะไร เพราะเมื่อนายกรัฐมนตรีได้แสดงวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำแล้ว ในกระบวนการของประชาชนที่ร่วมเป็นร่วมตายกันอยู่แล้ว ตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวไม่ได้มีประเด็นเรื่องการแบ่งแยกประเทศ หรือการจัดกองกำลังติดอาวุธ เพราะแค่คิดต่อสู้ด้วยอาวุธก็แพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว เพราะประชาชนจะไปต่อสู้กับทหารอย่างไรก็ไม่มีวันที่จะต่อสู้กันได้ในเรื่องของอาวุธ เพราะประชาชนไม่ได้มีอาชีพนักรบ ที่มีความชำนาญการ รบ ประชาชนจึงต้องต่อสู้ด้วยแนวทางสันติวิธีเท่านั้น

- รูปแบบการต่อสู้แบบสันติวิธี เมื่อเปรียบเทียบกับการต่อสู้ของ กปปส.

คาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือแม้แต่ทหารต้องเป็นรัฐกันชนระหว่างประชาชน เพราะว่าลำพังกำลังที่นายสุเทพมีอยู่นั้นไม่สามารถที่จะจัดการกับเจ้าหน้าที่ที่มีความพร้อมกันอย่างครบถ้วนยกเว้นเจ้าหน้าที่มือเปล่า เชื่อว่ากำลังที่นายสุเทพมีอยู่ทั้งปริมาณวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งอาวุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรับมือได้ ส่วนคนเสื้อแดงจะสำแดงพลังว่าไม่ให้เกิดคำว่าสุญญากาศ สมมุติว่ามีการเล่นงานนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีก็ต้องรักษาการนายกรัฐมนตรีต่อ ฉะนั้นขั้นตอนมันก็มีต่อไป เลือกตั้งให้เสร็จ แล้วก็เข้าสู่กระบวนการตามปกติ

ที่ผมเคยระบุไว้ว่า ศาลแพ่งและศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า กปปส.ชุมนุมโดยสงบ แล้วทำไมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงจัดการเลือกตั้งไม่ได้ ฉะนั้นเวลานี้ก็ต้องกดดันให้ กกต.ทำงาน ส่วนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ชี้ชัดเรื่องระบายข้าวของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ ป.ป.ช อ้างเรื่องน้ำท่วม คิดว่าขณะนี้ ป.ป.ช.จึงเป็นองค์กรที่ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ แม้ว่าจะอ้างหลักฐานอะไรก็ตาม แต่ได้ละเว้นพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นก่อน 4-5 ปี แต่กลับมาเร่งกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นของ ป.ป.ช. ทำให้ประชาชนได้เห็นเจตนาของ ป.ป.ช.ชัดเจน ซึ่งก็เหมือนกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ปฏิบัติต่อ ปชป.และกับฝ่ายเรา

- การเรียกร้ององค์กรอิสระเพื่อให้การดำเนินการในทั้งคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคดีของนายอภิสิทธิ์อย่างเสมอภาคกัน

ตอนนี้มองข้ามไปแล้ว แต่เป็นเรื่องโดยพฤติกรรม โดยที่มา ที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาธิปไตย ถ้าตราบใดที่จะให้องค์กรเหล่านี้ ให้ทำหน้าที่อย่างมีความยุติธรรม เราต้องปฏิรูป คือคำว่าปฏิรูป ปฏิรูปประเทศไทยที่นายสุเทพใช้นำหน้า ความจริงแล้วมันก็จะตกอยู่ที่ประชาชนอีกซีกที่ต้องการปฏิรูปเหมือนกัน เช่นเดียวกับการปฏิวัติประชาชน องค์กรอิสระในปัจจุบันต้องมีการสังคายนา เพราะองค์กรอิสระเป็นอาวุธของเครือข่ายอำมาตย์ ที่เอาไว้กำจัดฝ่ายตรงกันข้าม ไว้กำจัดตัวแทนของประชาชน หรือว่าที่นักการเมืองจะสามารถชนะเลือกตั้งมา พูดง่ายๆ คือ องค์กรอิสระคือเครื่องมือที่มีไว้ทำลายฝ่ายตรงกันข้าม ผมจึงเปรียบเทียบว่า ตอนยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 และก็มีการคืนอำนาจ เลือกตั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 ประเทศไทยมีสภาพคล้ายๆ ฮ่องกงกับจีนแผ่นดินใหญ่แต่คนละความหมาย คือคำว่า 1 ประเทศ 2 ระบบ คือระบบเลือกตั้งที่ดูเหมือนว่าเป็นประชาธิปไตย และระบบเครือข่ายอำมาตยาธิปไตย ที่แฝงอำนาจไว้เต็มอยู่ในองค์กรอิสระ ดังนั้น การตัดสินใจมาในรอบนี้ สิ่งหนึ่งที่ทางส่วนกลางต้องทำก็คือรักษาอารมณ์ความรู้สึก ไม่ให้พี่น้องประชาชนมีความรู้สึกรุนแรงถึงขนาดทนไม่ได้ ยืนยันว่าจะไม่มีการเผชิญหน้า ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะเป็นรัฐกันชน

- ถ้าคนออกมาเยอะแต่เรื่องยังไม่จบ ป.ป.ช.ยังยืนยันจะดำเนินคดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะทำอย่างไร

ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่จะวินิจฉัย น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ แต่ปัญหาของบ้านเมืองแม้ว่าจะจัดการกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปแล้ว บ้านเมืองก็จะยังไม่จบ เพราะอีกฝ่ายต้องการคำว่าสุญญากาศ เพื่อที่จะเข้ามามีอำนาจเสียเอง และก็เข้ามาทำลายล้างเครือข่ายที่กลุ่ม กปปส.เรียกว่าระบอบทักษิณ ซึ่งคนเสื้อแดงก็ถูกรวมอยู่ในนั้นด้วย เราจึงพยายามบอกว่าไม่มีสุญญากาศ ระบอบประชาธิปไตยมันต้องมีเส้นทาง ที่ยังจะต้องเอคนที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ สิ่งสำคัญก็คือการเคารพประชาชน เพราะว่าถ้าตัดสินใจแทนประชาชน ปัญหามันยังไม่จบ ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่ได้จบที่การกระทำขององค์กรอิสระ เพราะเวลานี้มันอยู่ที่โครงสร้าง ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลหรือองค์กรเพียงอย่างเดียว ซึ่งชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างแบบนี้คือโครงสร้างที่จะถ่วงรั้งระบอบประชาธิปไตย

- การออกมาของคนเสื้อแดงวันนี้เป็นการออกมาเพื่อปกป้องรัฐบาลพรรคเพื่อไทยหรือไม่

ผมยืนบนซีกของประชาชนมากกว่าเป็นนักการเมืองเพราะนักการเมืองมีความรู้สึกตอนพูดในสภาเท่านั้นเอง ที่เหลือก็คือเป็นประชาชน เพราะฉะนั้นเราก็เห็นว่าองค์กรเหล่านี้เล่นงานนักการเมืองได้ แต่เล่นงานประชาชนไม่ได้ ดังนั้น จึงเป็นภาระหน้าที่ของประชาชน ที่จะต้องลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนอย่างแข็งแรง เชื่อว่าการออกมาของประชาชนครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งการหยุดยั้งความคิดให้สติกันในแต่ละฝ่าย เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะลุกลามจนเกิดเป็นสงครามกลางเมืองอย่างที่หลายฝ่ายวิตก

- การแสดงพลังครั้งนี้รวมถึงเงื่อนไขของการปฏิวัติให้เกิดสุญญากาศด้วยใช่หรือไม่

เชื่อว่าทหารเขาคิดกันพอสมควรเพราะมีบทเรียนมาแล้วเมื่อปี2553 เพราะฉะนั้นก็จะทำให้กองทัพคิดเหมือนกันว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรต่อ

- สรุปเป้าหมายของคนเสื้อแดงคือต่อต้านรัฐประหารอันจะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง แต่ถ้ามีช่องที่ทำให้เกิดสุญญากาศขึ้นเสื้อแดงจะแตกหักหรือไม่

มันก็จะมีวิวัฒนาการ เพราะสุญญากาศไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วมันจะเกิด แต่มันเกิดจากการกระทำของเครือข่ายอำมาตย์ที่ร่วมกับนายสุเทพ เพราะฉะนั้นการที่มีพวกเราอยู่เขาจะทำสิ่งนี้ได้ยากขึ้น เรากำลังพยายามสื่อความหมายว่า ไม่มีใครยอมนะ อย่าได้ทำเช่นนั้นเลย ให้เคารพการตัดสินใจของประชาชนเถิด ยังเชื่อว่าประเทศไทยก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายให้เราสามารถผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายสุดสุดไปได้ แต่ในส่วนของ นปช. พี่น้องเสื้อแดง เราเองมีความคาดหวังว่าการสำแดงพลังนั้นจะเป็นการให้สติ แต่เราต้องการให้พี่น้องเข้ามาอยู่ในแนวทางสันติวิธี

- จุดยืนของคนเสื้อแดงต่อข้อเสนอต่างๆ รับได้มากน้อยแค่ไหน

คือต้องอยู่ภายใต้หลักการประชาธิปไตย เพราะประเทศต้องอยู่ภายใต้ประชาธิปไตย ข้อเสนอจึงต้องเป็นประชาธิปไตย อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับที่ยังไม่ถูกฉีกนี้ ซึ่งเขากำหนดให้นายกฯเป็น ส.ส. และ ส.ส.ต้องมาจากการเลือกตั้ง กติกายังมีอยู่แล้วไปตามสุเทพได้อย่างไรว่าให้นายกฯมาจากคนกลาง รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจน ไม่มีช่องทางที่จะให้เกิดสุญญากาศเลย เพราะฉะนั้นข้อเสนอของสุเทพในการเจรจาเป็นข้อเสนอที่นายกฯยิ่งลักษณ์ให้ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย

- แต่วันนี้ตัวช่วยต่างๆ พร้อมที่จะตีความกติกาอันนี้เพื่อให้เข้าทางอีกฝ่าย

ถ้าพวกเรายอมก็คงไม่คิดสู้ เพราะวันนี้ยอมไม่ได้ และประเทศไทยก็จะเสียหายมากกว่านี้ จะกลายเป็นประเทศที่น่ารังเกียจของเวทีโลก เปิดพรมแดนปี58 นี้ ประเทศไทยจะกลายเป็นชาติที่มีปัญหามากที่สุด ทั้งที่ควรจะได้เปรียบเขา เพราะฉะนั้นแม้จะมีตัวช่วยก็คงช่วยไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น เมื่อมีการปล้นประชาธิปไตยเราก็ต้องต่อสู้ วันนี้แนวทางพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำตัวให้ประชาชนเขาศรัทธาให้มากกว่าพรรคเพื่อไทยจึงจะได้มีอำนาจ และพวกเราก็จะเจอปัญหานี้ตลอดไปจนกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชนะ ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ชนะปัญหานี้จะไม่เกิด แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันชนะ ปัญหามันก็เกิดตลอด เพราะแพ้มาตลอด 20 กว่าปี เราก็เจอองค์กรอิสระ เมื่อเจอองค์กรอิสระประชาธิปัตย์ก็จะชนะ แต่ประชาธิปัตย์ไม่ชนะ ไม่รู้หาเสียงยังไง หาเสียงแล้วแพ้

- การต่อสู้ของคนเสื้อแดงครั้งนี้ยึดในหลักสันติ อหิงสา

สันติ เชื่อผมว่าทั้งโลกการต่อสู้ด้วยแนวทางสันติวิธีมันไม่มีวันแพ้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่แข็งแรง ไม่สะใจ แต่ความเห็นของผมมันทรงพลังที่สุด มันมีแสนยานุภาพที่น่าสะพรึงกลัว ที่กำลังอาวุธนั้นไม่มีทางชนะ สงครามไม่ได้ชนะด้วยสงครามหรอก แต่ชนะด้วยสันติภาพ ไปดูกันในวันข้างหน้าว่าใครจะยืนอึดได้มากกว่ากัน

- ถ้าเขาอ้างว่ารัฐบาลนี้ก็ไม่มีความชอบธรรม ระบอบทักษิณสร้างความเสียหายให้กับประเทศ

ก็ต้องให้ประชาชนตัดสิน คือ นายสุเทพเป็นนักเลือกตั้งมา 35 ปี ถูกกล่าวหาคดีต่างๆ มานับไม่ถ้วน เลือกตั้งก็สู้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ได้ ต้องหาวิธีการใหม่ๆ เข้ามามีอำนาจ ทั้งๆ ที่นายสุเทพเคยเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แล้วแพ้เลือกตั้ง และก็ได้เป็นรัฐบาลเพราะจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดยองค์กรอิสระ เลือกตั้งใหม่ก็แพ้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงต้องมาสำแดงข้างนอก โดยให้มีนายกฯคนกลางเพราะสุเทพควบคุมได้ ทั้งรัฐมนตรี ทั้งสภาประชาชน เป็นผู้นำพิเศษ



.................

(ที่มา:มติชนรายวัน 3มี.ค. 2557)