ทีมข่าว นปช.
25 กุมภาพันธ์ 2557
สถานการณ์สู้รบแตกหักทางการเมือง
ธิดา ถาวรเศรษฐ
19
กุมภาพันธ์ 2557
ฝ่ายระบอบอำมาตย์
1.
ฝ่ายระบอบอำมาตย์มีความมุ่งมั่นสูงมากที่จะนำไปสู่จุดแตกหักเพื่อทำลายล้างวงศ์ตระกูลชินวัตร, พรรคการเมือง
และสิ่งที่เขาเรียกว่า “ระบอบทักษิณ” ทั้งหมด และต้องการทำลายล้างกระบวนการระบอบประชาธิปไตย
เนื่องจากกระบวนการประชาธิปไตยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งให้ได้มาซึ่งผู้แทนราษฎรและรัฐบาล
เป็นสองอำนาจคือนิติบัญญัติและอำนาจบริหาร
ที่ระบอบอำมาตย์ไม่สามารถเอาชนะได้อีกแล้ว
พิสูจน์จากการเลือกตั้ง 4 ครั้งติดต่อกัน
ดังนั้นถ้าจะขจัดอิทธิพล พ.ต.ท. ทักษิณ
ชินวัตร
ก็จะอนุญาตให้มีการเลือกตั้งไม่ได้
2.
ดังนั้นการเสนอ
“ปฏิรูปประเทศไทย” ก่อน
จึงเป็นกลลวงเพื่อหยุดยั้งกระบวนการประชาธิปไตยโดยต้องหยุดการเลือกตั้ง มิฉะนั้นกระบวนการประชาธิปไตยจะดำเนินต่อไป และพวกเขาต้องเป็นผู้แพ้โดยสิ้นเชิง
3.
เนื่องจากการทำรัฐประหารโดยกองทัพมีอุปสรรคจากการต่อต้านของประชาชนและสังคมโลกอารยะ
พวกเขาจึงต้องยึดอำนาจจากประชาชนโดยวิธีอื่น จึงเสนอยุทธศาสตร์ “ปฏิวัติประชาชน” “ปฏิรูปประเทศไทย” หมายความว่าใช้ “มวลมหาประชาชน” ยึดอำนาจรัฐโดยวิธีการลุกขึ้นสู้ในกรุงเทพมหานคร
และก็ยังประสงค์จะให้ทหารมาสนับสนุนทั้งโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม ทางตรงก็คือทำรัฐประหารเอง
ทางอ้อมก็คือคุ้มครองประชาชนที่ลุกขึ้นสู้และไม่ร่วมมือกับรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์ และแอบช่วยสนับสนุนทางลับเช่น
เป็นการ์ดคุ้มกัน ทั้งคุ้มครองมวลชนด้วยอาวุธ
ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี
จึงใช้วิธีการลุกขึ้นสู้ในเมืองกดดันรัฐบาลยาวนาน รอคอยโอกาสเหมาะสดเพื่อให้เกิดความรุนแรง
4.
การใช้องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกระบวนการยุติธรรมอื่น ๆ
มากำจัดฝ่ายการเมืองและประชาชนที่รักประชาธิปไตย
นี่ยังเป็นเครื่องมือที่ได้ผลแน่นอนซ้ำแล้วซ้ำอีกร่วม 10 ปีมาแล้ว
นั่นหมายความว่าแม้ฝ่ายการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งจะได้อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารมากี่ครั้ง ก็จะถูกทำลายโดยอำนาจตุลาการบวกองค์กรอิสระและกองทัพ ที่ 3 อำนาจนี้ไม่มีอะไรยึดโยงกับประชาชน แต่ยึดโยงกับเครือข่ายระบอบอำมาตย์อย่างแน่นหนาลึกซึ้ง
5.
เนื่องจากยังไม่สามารถยึดอำนาจจากประชาชนได้ ก็ใช้ทฤษฎีรอ “มะม่วงหล่น” หมายความว่า ไม่ชนะไม่เลิก จะยึดฐานที่มั่นในเมืองไว้จำนวนหนึ่งและทำการรบจรยุทธ์ โดยมีการสะสมอาวุธสู้รบไว้เพียบ
(จากการข่าวของเราและการรบที่หลักสี่)
และยกระดับให้เคลื่อนมวลชนให้เร็วขึ้น
6.
เพื่ออ้างกับศาลและสังคมและเรียกมวลชน ก็จะโฆษณาว่าเป็นขบวนการสันติ อหิงสา
พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก
แต่ผลการปฏิบัติพบว่ามีการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมมวลชนด้วยอาวุธชัดเจน นี่เป็นกลยุทธ์หลอกลวงฝ่ายต่าง ๆ
ไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตน
และพร้อมกันก็ยิงนก 2
ตัวด้วยกระสุนนัดเดียวคือให้ทหารคุ้มครองฝ่ายตนด้วย และอาจได้นกตัวที่สามแสนสวยคือ ทหารออกมาทำรัฐประหารถ้าสถานการณ์บานปลาย
ฝ่ายประชาธิปไตย
1.
หลังจากได้รับการเลือกตั้งแล้ว
ความพยายามเปิดเกมรุกทางการเมืองก็ไม่ได้รับผลสำเร็จมาตลอด ได้แก่
การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
การออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสำหรับมวลชน
การปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมใหม่โดยงบประมาณ 2 ล้านล้าน การจำนำข้าวเพื่อช่วยชาวนา เป็นต้น
จะถูกสกัดการใช้อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารโดยการใช้องค์กรอิสระและตุลาการมาจัดการ
ฝ่ายประชาชนก็ถูกคุมขังยาวนานกว่าจะได้รับการประกันตัว บางส่วนต้องต่อสู้คดีความตราบถึงทุกวันนี้
จึงเปลี่ยนสถานะจากเป็นฝ่ายรุกมาเป็นฝ่ายรับและถอยร่น จนต้องยุบสภาและเผชิญยถากรรมทางคดีความหนักหน่วง ทั้ง ส.ส. และรัฐบาล
2. ในขณะที่ฝ่ายระบอบอำมาตย์เตรียมตัวสู้รบใหม่ทันทีหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
แต่ฝ่ายประชาธิปไตยไม่คิดถึงการต่อสู้ในลักษณะสู้รบที่ต้องสิ้นสุดอย่างแตกหัก ยังคิดในลักษณะประนีประนอม ใช้การเจรจาเป็นด้านหลัก ไม่ได้ใช้การต่อสู้เป็นด้านหลัก
โดยไม่ตระหนักถึงความล้าหลังทางการเมืองและความอำมหิตของชนชั้นนำจารีตนิยม
และไม่สนับสนุนฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง หลายส่วนมองว่านี่เป็นเรื่องไม่จำเป็นในสถานการณ์ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งแล้ว ไม่เฉลียวใจว่านี่เป็นเพียงชัยชนะในสนามเลือกตั้ง
แต่ยังไม่ได้ชัยชนะในสงครามใหญ่ทางระบอบการเมืองการปกครอง
3. ฝ่ายประชาชนผู้รักประชาธิปไตยถูกทำให้อ่อนพลังสู้รบไปเนื่องจากชัยชนะในการเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาล
นักต่อสู้ส่วนหนึ่งถูกทำให้กลายเป็นนักการเมืองและหัวคะแนน และมีความแตกแยกอันเนื่องมาจากผลประโยชน์
4. การจัดตั้งถูกทำให้อ่อนแรงด้วยกลยุทธ์จัดตั้งซ้อนจัดตั้ง ด้วยการจัดตั้งองค์กรอื่น ๆ ซ้อนเข้ามาในหมู่เสื้อแดงที่เป็นสมาชิก
นปช. ที่มีทั้งฝ่ายศัตรูและมิตร
เพื่อพยายามแย่งชิงการนำและทำให้องค์กร นปช. อ่อนแอ แต่ยังเคราะห์ดีที่ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะคน นปช. ได้รับการยกระดับทางการเมือง ทางการจัดตั้ง
ความรู้ทั่วไปผ่านทางเวทีแถลงข่าว,
การปราศรัย,
รายการโทรทัศน์ของแกนนำและนักวิชาการประชาธิปไตย ที่สำคัญคือโรงเรียนการเมือง นปช.
5. การทบทวนยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี
เฉพาะหน้าในสถานการณ์วิกฤตการเมือง
ผู้รักประชาธิปไตยจึงเป็นสิ่งจำเป็น
เนื่องจากยุทธศาสตร์ที่มีอยู่เป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว เป็น 2 ขาที่ผูกติดกันกับพรรคการเมือง ขาดลักษณะสู้รบ ขาดการเป็นฝ่ายกระทำ
ต้องรอดูจังหวะทางการเมืองและการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง หลายครั้งจะมานำและทำงานมวลชนบนท้องถนนเสียเอง จึงไม่อาจสร้างภาวะการนำได้อย่างอิสระ
และถูกหยุดยั้งทำให้อ่อนแรงด้วยฝ่ายการเมือง มียุทธศาสตร์เจรจาและประนีประนอมเป็นด้านหลัก
6. เมื่อเกิดยุทธการปฏิวัติประชาชน ปฏิรูปประเทศไทยของ กปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ที่มีประชาชนเข้าร่วมและมีผู้สนับสนุนจำนวนมาก
จำเป็นต้องเรียกร้องต่อผู้รักประชาธิปไตยที่จะต้องยกระดับทางการต่อสู้ทางการเมืองด้วยการเป็นหนึ่งเดียวในการต่อสู้ ต้องระดมพลังกาย พลังใจ พลังสมอง และทุนทรัพย์เพื่อต่อสู้ในศึกใหญ่นี้ให้อยู่ในฐานะรับอยู่ แล้วเปลี่ยนจากรับเป็นรุกเพื่อนำไปสู่เป้าหมายคือการเมืองการปกครองที่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่แบบไทย ๆ ของอำมาตย์ และบรรลุคำขวัญของระบอบประชาธิปไตยคือ เสรีภาพ
เสมอภาค ภราดรภาพ ให้ได้!!!
ยุทธศาสตร์เฉพาะหน้าในวิกฤตการเมืองไทย
เป้าหมายยุทธศาสตร์เฉพาะหน้า
1. การนำมวลชนจารีตนิยม
กปปส. และผู้สนับสนุน
2. องค์กรอิสระ
3. กระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม
4. การทำรัฐประหารโดยกองทัพ
ยุทธศาสตร์
1. ยุทธศาสตร์
2 ขาประชาชน ประกอบด้วย
1.1. มวลชนพื้นฐานเสื้อแดงเป็นหลัก
1.2. ผู้รักประชาธิปไตยทั่วไปกว้างขวาง
2. ยุทธศาสตร์สร้างที่มั่นประชาชนทางการเมืองให้เข้มแข็งทั้งห้าเขตยุทธศาสตร์
เปิด
1. ยุทธการ ทำลายสุเทพและแนวร่วม กปปส.
2. ยุทธการ เปิดโปงองค์กรอิสระ ชูการปฏิรูปองค์กรอิสระ
3. ยุทธการ ชูการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
4. ยุทธการ ชูการปฏิรูปกองทัพให้ก้าวหน้า
ถ้ามีสูญญากาศ รัฐประหารโดยองค์กรอิสระและตุลาการ
เปิดยุทธการใหญ่ คัดค้านและต่อสู้กับขบวนอนาธิปไตยและอำนาจนอกระบบที่จะทำลายระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม