เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 ม.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต 28 เขต ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้เข้ายื่นหนังสือต่อประธานและคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผ่านน.ส.สุรณี ผลทวี ผู้อำนวยการสำนักเลขานุการกกต.โดยนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตามที่กกต.ได้ประกาศรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.56- 1 ม.ค. 57 ปรากฏว่า ในพื้นที่ภาคใต้ 8 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต สงขลาพัทลุง ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง นครศรีธรรมราช ถูกขัดขวางการเข้ารับสมัคร ทำให้ผู้สมัครที่มีความประสงค์จะรับส.ส.แบบแบ่งเขต เสียสิทธิ ทั้งที่ผู้สมัครได้ทำตามกฎหมายตามกฎระเบียบที่กกต.กำหนด โดยไปสมัครตามวันเวลาดังกล่าวแต่ก็ถูกขัดขวางทุกวันโดยการยุยงของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. และพวกได้ปลุกระดมให้ประชาชนไปปิดล้อมและขัดขวางทุกวิถีทางจนทำให้ผู้สมัครไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่รับสมัครเลือกตั้งได้ผู้สมัคร จึงขอมาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่กฎหมายกำหนด เพื่อขอความเป็นธรรมโดยให้ประธานและกกต.ทั้ง 5 คนแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบข้อบังคับอันทำให้เป็นการตัดสิทธิการสมัครของผู้สมัครและดำเนินการให้สิทธิโดยขยายระยะเวลายื่นเอกสารการสมัครเพื่อรักษาสิทธิของการสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้สมัคร ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายซึ่งการขยายระยะเวลายื่นเอกสารการสมัครสามารถทำได้ตามกฎหมาย เนื่องจากผู้สมัครได้แสดงสิทธิของการเข้ารับสมัครโดยการไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจในพื้นที่โดยแจ้งความเป็นหลักฐานเอาผิดกับผู้ขัดขวาง รวมถึงมีการร้องให้เอาผิดกับผอ.กกต.เขตและกกต.จังหวัด ที่ไม่สามารถดำเนินการรับสมัครเลือกตั้ง และขอให้กกต.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
" ขอให้กกต.มีมติที่จะเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากการขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้งดังกล่าว โดยขอให้รับสมัครในส่วนกลางเพื่อลดการเผชิญหน้ากับผู้ที่ต่อต้านขัดขวางการเลือกตั้งรวมทั้งขอให้เอาผิดนายสุเทพ และพวก และแกนนำผู้ขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้งใน 8จังหวัด ภาคใต้เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักกฎหมายและบรรทัดฐานในการเลือกตั้งเพื่อไม้ให้เกิดขึ้นในอนาคตหากไม่ดำเนินการผู้สมัครจำเป็นต้องใช้สิทธิตามกฎหมายที่จะฟ้องร้องเอาผิดกับกกต.ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป "
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยยึดมั่นใน 1 สิทธิ 1 เสียง หากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งไปพบเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะมีนัยยะและถูกมองว่า เป็นการเลือกปฏิบัติได้ซึ่งพรรคการเมืองจะต้องมีความเสมอภาคกัน ไม่ใช่มาคุยเฉพาะ 2 พรรคควรจะมีการพูดคุยกับ 50 พรรคที่เหลือด้วย และหน้าที่ของกกต.ควรจัดสถานที่รับสมัครส.ส.ให้เรียบร้อยซึ่งการที่กกต.ไม่ยอมจัดสถานที่ให้เรียบร้อยแสดงว่ามีส่วนรู้เห็นกับกลุ่มกปปส.ว่า ไม่ให้มีการเลือกตั้ง นอกจากนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายสมชัยไม่เอาผิดกับนายสุเทพนั้นจะทำให้เป็นการเหิมเกริม และจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อไป ส่วนที่กกต.จะมีการพูดคุยกับทางพรรคเพื่อไทยนั้นขอไปหารือกับทางพรรคในช่วงเวลา 13.30 น. ก่อน ว่า ทางพรรคจะดำเนินการอย่างไร
จากนั้นในเวลา 13.30 น. ว่าที่ร.ต. ทวีป ยอดเศรณี หัวหน้าพรรคพลังสหกรณ์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงกรรมการการเลือกตั้ง ว่าการที่ กกต.เชิญ2 พรรคการเมืองใหญ่เข้าหารือ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง กกต.ควรจะได้เชิญพรรคการเมืองทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้ง 53 พรรคเข้าหารือ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกพรรคการเมือง.
ที่มา เดลินิวส์