ทีมข่าว นปช.
3 มกราคม 2556
วันนี้ 3 ม.ค. 57 เมื่อเวลา เวลา 13.00 น. ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. คุณจตุพร พรหมพันธุ์ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำนปช.ส่วนกลางร่วมแถลงข่าวแนวทางการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้
ชมคลิป
ทั้งนี้คุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.กล่าวว่า ตนเองได้หาลือกับบรรดาหมู่มิตรว่า ที่สุเทพ ยึดกทม.โดยวิธีปิดถนน 20 เส้นทางและจำกัดความไม่สะดวกของพี่น้อง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไม่สามารถจะบริหารราชการได้นั้น เสร็จแล้วตัวเองก็จะเข้าไปบริหารจัดการตั้งรัฐบาลของตนเอง หลายคนตั้งคำถามเหมือนกันว่า พฤติการณ์ที่สุเทพทำกับประเทศไทยนั้น ไม่มีใครใน 64 ล้านคนจะลุกขึ้นมาต่อสู้จัดการกับนายสุเทพบ้างหรืออย่างไร
คุณจตุพรกล่าวว่า ในสถานการณ์ขณะนี้ ที่สุเทพประกาศปิดกทม.ร่วมถึงต่างจังหวัด พฤติการณ์ดังกล่าวที่เรามองว่าเป็นเรื่องที่แย่และเลว เป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายแล้ว แต่ถ้าพวกนี้กระทำการสำเร็จ นั่นคิอการปิดประเทศแบบเบ็ดเสร็จเพราะการจะสถาปณาอำนาจรัฐขึ้นมาใหม่ ซึ่งเมื่อคืนนี้สุเทพได้อธิบายความว่า ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ลาออกทั้งคณะเขาจะคัดเลือกคนดีมาเป็นนายกรัฐมนตรี ฉะนั้นการให้สภาประชาชนไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ เลือกโดยสาขาอาชีพโดยการล็อกโหวตแล้วกปปส.แต่งตั้งอีก100ล็อกโหวตอีก 300 มัน”ไม่ใช่การปฏิรูป” แต่มันคือ “ปฏิรวบ”ประเทศไทย จนกระทั่งคนกลุ่มหนึ่งที่ไปกับเสียงนกหวีดลืมพฤติกรรมของสุเทพ ว่าแท้ที่จริงเขาเป็นนักเลือกตั้งถูกดำเนินคดีฐานทุจริตการเลือกตั้ง ถูกดำเนินคดีทุจริตเงินภาษีของประชาชน เป็นนักเลือกตั้งที่เขาเสนอนโยบายประชานิยมแต่ประชาชนเขาไม่นิยม ประสบความล้มเหลว และประชาชนเคยยี๋มาก่อน ซึ่งตอนนี้เอานกหวีดมาคล้องคอกลายเป็นผู้นำในการปฏิรูปในการเปลี่ยนแปลง ถึงขนายสุเทพประกาศเมื่อคืนนี้ว่าจะปิดกทม. 20 จุด 20 วันและให้แต่ละมหาวิทยาลัยไปรับผิดชอบ ตนขอให้อธิการบดี ฟังเอาไว้ว่า การเป็นมหาวิทยาลัยนั้น คุณต้องไปปิดถนนและจะเอารัฐบาลออกได้ และการที่ไปปิดถนนซึ่งจะทำให้ไม่สามารถสัญจรไปไหนได้นั้น ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย
พวกเราเองไม่ได้คิดที่จะชุมนุมที่กทม.ในขณะนี้ และถ้าใครในประเทศในไม่ทำอะไรกันเลย พวกเรานปช.แดงทั้งแผ่นดินและผู้รักประชาธิปไตย ยืนดูสุเทพให้ปูยี่ปูยำชาติบ้านเมืองนั้น ผมว่าเราเกิดมาก็เสียชาติเกิดเต็มทีแล้ว ดังนั้นการนัดหมายในพื้นที่ต่างจังหวัด จะไม่มีลักษณะการเผชิญหน้า ไม่ได้กลัวแต่ในสถานการณ์ขณะนี้หากกระบวนการประชาธิปไตยไม่แสดงพลังจะเข้าทางนายสุเทพกองทัพทั้ง 3 กองทัพต้องฟังรัฐบาล ถ้ารัฐบาลสั่งตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ต้องทำตามตราบใดที่กองทัพ ยังไม่รัฐประหารแต่การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้มีไว้เพื่อฆ่าคนเหมือนที่ผ่านมา
คุณจตุพร ถามไปยังนายสุเทพด้วยว่าในวันที่ 8 ม.ค. 57 นายสุเทพ ในฐานะผู้ที่จะนำการปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศจะยอมไปพบอัยการเพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลในคดีที่ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ต้องหาในคดีร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากกรณีที่มีคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อปี 2553 หรือไม่ ทั้งนี้ตนมั่นใจว่านายสุเทพจะไม่ไป
คุณจตุพรยังได้กล่าวอีกว่า “ นายสุเทพคิดจะเปลี่ยนแปลงประเทศแต่กลัวการขึ้นศาลข้อหาฆ่าคนตายเวลานี้ก็หนีคดีกบฏ ขอเตือนว่า อย่าได้ทำรัฐประหาร เพราะการรัฐประหารไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ”
ด้านคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศทุกคนที่รู้สึกอึดอัดต่อแนวทางการเคลื่อนไหวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ที่ประกาศแนวทางปิดเมืองในวันที่ 13 ม.ค.นี้ และขอแต่งตั้งรัฐบาลและสภาประชาชนมาบริหารจัดการประเทศเอง ซึ่งการกระทำของนายสุเทพไม่ต่างจากการทำรัฐประหาร ดังนั้นขอให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวออกมาชุมนุมใหญ่ทุกจังหวัดทั่วประเทศในการเคลื่อนไหว "เปิดประเทศ เปิดตัวเจ้าของอำนาจประชาธิปไตย เปิดประตูสู่การเลือกตั้ง" โดยเป็นการเดินขบวนทุกจังหวัดยกเว้น กทม.และปริมณฑล จ.นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ทั้งนี้จะมีการนัดหมายออกมาเดินขบวนบนถนนใหญ่ในเวลา 09.00 น.เพื่อแสดงจุดยืนของคนที่มี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกัน ต่อต้านการรัฐประหาร และเดินหน้าสู่การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.นี้
คุณณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ผู้ที่ชุมนุมไม่ต้องสวมเสื้อแดงออกมา เพราะไม่ใช่การเคลื่อนไหวในแนวทางของกลุ่ม นปช.แต่เป็นการเคลื่อนไหวขอประชาชนที่ต้องการสิทธิเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้จะเดินหน้าโดยสันติวิธี ไม่ต้องการความรุนแรง และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ส่วนในพื้นที่ภาคใต้นั้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดูความเหมาะสม และคำนึงถึงความปลอดภัยหากจะตัดสินใจเคลื่อนไหวในวันที่ 13 ม.ค.
ในวันที่ 13 ม.ค.หลังจากชุมนุมและเดินขบวนครั้งใหญ่แล้ว ขอให้ประชาชนกลับบ้าน และติดตามการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ใน 3 ภูมิภาค คือภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน โดยตลอดการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเช้าในหลายจังหวัด รวมถึงเวทีปราศรัยใหญ่ 3 ภูมิภาคนั้น ได้ประสานทีวีดาวเทียมจำนวน 6 ช่อง ให้ดำเนินการหมุนเวียนถ่ายทอดสดตลอดทั้งวัน นอกจากนั้นจะมีการส่งหนังสือชี้แจงแนวทางการเคลื่อนไหวไปยังสถานทูตทั่วโลก คณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ยกเว้น คณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของไทย เพื่อให้เข้าใจแนวทางการเคลื่อนไหวของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งสภา ประชาชน และสนับสนุนการเลือกตั้งในวันที่2 ก.พ.นี้
ที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าบังอาจท้าทายอำนาจของประชาชนทั้งประเทศขนาดนี้ ประชาชนทุกคนขอให้คิดว่าวันนี้ท่านจะลุกขึ้นสู้ หรือจะก้มหน้าให้นายสุเทพมาปล้นบ้านเมืองต่อไป ที่ไม่ต่างจากการทำรัฐประหาร วันที่ 13 ม.ค.นี้ไม่ว่าท่านจะเป็นเสื้อแดงหรือไม่ ไม่ว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองใด แต่อยากเรียกร้องให้ทุกคนออกมาต่อต้านรัฐประหารด้วยกัน เราจะเคลื่อนไหวยึดหลักสันติภาพเป็นสำคัญ ไม่ตัดน้ำ ตัดไฟ หรือยึดสถานที่ บ้านเรือนผู้ใดแต่เราจะจุดไฟประชาธิปไตยในหัวใจคนทุกคน
ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องไปยังสื่อมวลชนทุกแห่งว่าทาง นปช.ขอประกาศท้าดีเบตกับกลุ่ม กปปส.รวมถึงนักวิชาการที่รับใช้กลุ่ม กปปส.ทุกคนเพื่อให้มาถกเถียงดีเบตกัน เพื่อให้เห็นถึงแนวทางการต่อสู้ว่าวันที่ 13 ม.ค.นี้ ทางกลุ่มกปปส.เคลื่อนไหวต้องการอะไร และทางเราเคลื่อนไหว ต้องการอะไร อย่างไรก็ตามสำหรับแนวทางการเคลื่อนไหวในวันที่ 13 ม.ค.นั้น แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวใน กทม.และปริมณฑล แต่หากคน กทม.และปริมณฑลสนใจสามารถเดินทางออกมาจากต่างจังหวัดเพื่อเข้าร่วมการเคลื่อนไหวได้
เราขอประกาศว่าเราพร้อมแล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะเปิดประตูให้ทุกประเทศทั่วโลกเห็นว่า ประเทศของเราต้องการการเลือกตั้ง และต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะรัฐประหารโดยกำลังหรือโดยกำนัน และหากมีรัฐประหารเกิดขึ้น..ขอบอกว่าท่านจะได้เจอยุทธการดอกไม้บานกลางกรุงและต่างจังหวัด เราจะมีการชุมนุมต่อต้านและจะไม่ยุติการชุมนุมเด็ดขาด
อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.กล่าวว่าการเปิดประเทศของนปช. เป็นขบวนการที่ยืนยันว่าประชาชนไทยทั้งประเทศ ยกเว้นคนส่วนน้อยของมวลประชามหาชน ยกเว้นคนบางส่วนในบางจังหวัด ดังที่แสดงให้เห็นจากการรับสมัครการเลือกตั้ง ยืนยันกับนานาประเทศและประชาชนไทย ประชาชนเกือบทั้งหมดกว่า 90% ต้องการให้มีการเลือกตั้ง เป็นมติของประชาชนไทยที่แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรม ถ้าคนส่วนน้อยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคนบ้าที่เห็นแก่ตัว ไม่อยากถูกลงโทษและคดีความด้วย ได้พยายามชักจูงปลุกระดมคนให้เกลียดชัง ใช้วาจาหยาบคายในการกล่าวประณามหยามเหยียด ต้องการให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แนวทางของผู้รักประชาธิปไตยและนปช.แต่อย่างใด ตรงกันข้าม สิ่งที่เราทำและสิ่งที่เราพูดเพื่อต้องการให้ประเทศนี้เดินหน้า ความคิดต่างกันก็อยู่กันได้ไม่จำเป็นต้องฆ่ากัน แต่บ้านเมืองต้องมีกติกาและรู้ว่าเดินไปข้างหน้าไปไหน เดินไปอย่างไร
ขณะนี้มวลประชามหาชน ไม่รู้ว่าเดินไปไหน เป้าหมายคืออะไร บอกแต่ว่าประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ภายใต้อำนาจของสุเทพ เทือกสุบรรณ มีใครเชื่อบ้าง เดินไปไหนก็ไม่รู้ เดินไปอย่างไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า “ปิดประเทศ” ดังนั้นเราขอเรียกร้องประชาชนในกรุงเทพและส่วนที่สนับสนุนสุเทพ ได้โปรดใช้สติ โปรดใช้ปัญญา พินิจพิเคราะห์ สิ่งที่สุเทพนำไปนั้น พาประเทศไปยังหุบเหว นานาประเทศและประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็ยังดันทุรังที่จะทำให้ประเทศหายนะ ให้ยุติการสนับสนุนคนบ้านายสุเทพ เทือกสุบรรณเสีย คนส่วนใหญ่ในกรุงเทพต้องทำมาหากิน ต้องมีชีวิตอยู่ ต้องเรียนหนังสือ คุณปิดกรุงเทพซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประเทศนี้ เช่นเดียวกับพันธมิตรเคยยึดสนามบินสุวรรณภูมิ แม้การยึดสนามบินไม่สามารถได้รัฐาธิปัตย์ อาจทำให้เปลี่ยนแปลงโดยองค์กรอื่น พันธมิตรและสนธิ ลิ้มทองกุลได้รับก็คือคำประณามและไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนไทยและคนทั้งโลกอีกต่อไป ใครเดินตามนายสุเทพจึงขอให้ดูตัวอย่างเรื่องนี้
อ.ธิดากล่าวต่อพี่น้องภาคใต้ท่านทำสำเร็จ หยุดการสมัครรับเลือกตั้ง ท่านคิดให้ดีท่านเป็นส่วนที่เท่าไหร่ในประเทศนี้ ท่านเป็นคนหยิบมือเดียว ท่านกำลังยับยั้งระบอบประชาธิปไตยทั้งประเทศ ท่านจะให้อนาคตประเทศไทย ลูกหลานท่านในจังหวัดท่านกล่าวประณามหรือว่า ในอดีตรุ่นปัจจุบันได้ทำการขัดขวางระบอบประชาธิปไตยและสกัดกั้นสิทธิเสรีภาพของคนกว่า90%ทั้งประเทศ ท่านอับอายขายหน้าหรือเปล่า ขอให้คิดดู
ขอให้กำลังใจรัฐบาล ขอให้รัฐบาลยืนยันภาวะการเป็นรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี ถ้าใครจะเอาปืนจี้ให้ลาออก บอกเลยว่าโชว์ปืนชัดๆให้ประชาชนไทยทั้งประเทศและให้โลกทั้งโลกดู จี้ก็ต้องไม่ลาออก ขอให้รัฐบาลทำงานเต็มที่ เพราะท่านยังเป็นรัฐบาล
อ.ธิดากล่าวต่อสิ่งที่คุณจตุพรและคุณณัฐวุฒิได้ชี้แจงข้อสงสัย ถูกต้องแล้วที่การเคลื่อนไหวของเราจะต้องมีความชอบธรรม ต้องเป็นไปตามกฎหมาย กติกาประชาธิปไตย ที่สำคัญคือต้องได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่และหลีกเลี่ยงการสูญเสียของประชาชน เรารักประชาธิปไตยก็จริง แต่เรารักประชาชนด้วย เราจะไม่เอาประชาชนมาเสี่ยงแน่นอน ฉะนั้นขอให้พี่น้องได้เข้าใจ เราจะพยายามเก็บรับบทเรียนและทำให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามขอให้เตรียมใจว่า งานนี้ผู้กำหนดชะตากรรม โศกนาฎกรรมประเทศไทย ยังเป็นคนที่กุมกลไกรัฐสำคัญ 1.กองทัพ 2.กลไกข้าราชการชั้นสูง 3.กลไกของกระบวนการยุติธรรม สามอย่างนี้ยังไม่ได้อยู่ในมือประชาชน พลังประชาธิปไตยมีอย่างเดียวคือความเข้มแข็งของประชาชนเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ประเทศเป็นของประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่คนเพียงหยิบมือเดียว
ขอให้เชื่อมั่นในพลังของประชาชน ทุกย่างก้าวต้องเดินไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัวหรือของหมู่คณะตัวเอง กปปส.ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงหยิบมือเดียวและของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขอร้องให้ประชาชนทั้งประเทศได้โปรดพิจารณาและทำให้ประเทศนี้ไม่ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรม อย่างไรก็ตามคนเสื้อแดงและประชาชนไทยทั้งหมดขอให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว นี่ไม่ใช่การเผชิญหน้าระหว่างสีเสื้อ ระหว่างกลุ่ม ให้เป็นการเผชิญระหว่างคนกลุ่มน้อย กปปส.และนายสุเทพกำลังเผชิญกับคนส่วนใหญ่ทั้งเทศรวมทั้งคนเสื้อแดง ขอเรียกร้องวินัยองค์กรในสถานการณ์สู้รบแบบใหม่ ในเมื่อเราอยู่ฝ่ายประชาชน ขอให้มองในด้านกำลังใจ อย่าได้มองในลักษณะหดหู่ แน่นอนมันเป็นสงครามยาวนาน เราจำเป็นต้องเรียกความเข้มแข็ง ความสามัคคีของคนเสื้อแดงและประชาชนทั้งประเทศ เราไม่ต้องการความสูญเสีย แต่ผู้กำหนดไม่ใช่เรา ผู้กำหนดเป็นคนคุมกลไกรัฐสำคัญสามารถให้คุณให้โทษรวมทั้งผู้ถืออาวุธในประเทศนี้ ประชาชนพ.ศ.นี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เกมส์นี้จะยืดเยื้อหรือจะรุนแรงหรือไม่ เห็นด้วยกับคุณณัฐวุฒิคือ ไม่มีการยุติจากฝ่ายประชาชน เพราะเราจะไม่มีวันยอมให้การต่อสู้และประชาชนไทยที่มียาวนานกว่า80ปี ต้องถูกปล้นกลางแดดแบบนี้แน่นอน